เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 451 เย่เทียนเฉินมาแล้ว!
“พวกแก…พวกแกจะทำอย่างนี้ไม่ได้ ไหนว่าหากพวกเราบอกเบาะแสของเย่เทียนเฉินไปแล้วจะปล่อยพวกเราไปไง?” เย่มู่ไป๋ตะโกนขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวเนื่องจากดาบสไตล์ชิบะกำลังพาดอยู่บนลำคอของเขา ขอเพียงขยับเล็กน้อยหัวของเขาก็จะหลุดจากบ่า
“อย่า…อย่าฆ่าฉัน…อย่าฆ่าพวกเรา…” เย่เฮ่อกั๋วเองก็กล่าวขึ้นอย่างหวาดกลัว
เมื่อได้ยินคำพูดของมือสังหารผู้เป็นหัวหน้าและเสียงตะโกนของเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋ว คนอื่นๆ ที่เหลือก็ตกใจจนนิ่งงัน ทุกคนต่างรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาแล้ว เพียงแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมือสังหารที่มีฝีมือแข็งแกร่งทั้งสี่คน พวกเขาคงไม่มีแรงที่จะตอบโต้ กระทั่งหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้นยังถูกฟันขาดเป็นสองท่อนในดาบเดียว แล้วพวกเขาล่ะ? คงเป็นได้เพียงเนื้อปลารอผู้อื่นมาฆ่าเท่านั้นแล้ว
“ฉันรับปากผู้อาวุโสเย่ว่าถ้าเขาบอกเบาะแสของเย่เทียนเฉินฉันจะไม่แตะต้องพวกแก ฉันก็จะไม่แตะต้องพวกแกจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ฆ่าพวกแก…ฮ่าๆๆๆ!” มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าพูดแล้วหัวเราะเสียงดัง
เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วต่างตกตะลึง ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาสิ้นหวังแล้ว ไม่ผิดไปจากที่เย่หย่วนซานผู้เป็นพ่อคิด ไม่ว่าพวกเขาจะบอกที่อยู่ของครอบครัวเย่เทียนเฉินออกไปหรือไม่ มือสังหารแห่งประเทศชิบะเหล่านี้ก็จะฆ่าพวกเขาให้หมด ไม่ให้โอกาสพวกเขามีชีวิตอยู่แม้แต่คนเดียว
“หรือสวรรค์ต้องการฆ่าตระกูลเย่ของฉันจริงๆ ตระกูลเย่ของฉันไม่มีผู้สืบทอดแม้แต่คนเดียว ฉันเย่หย่วนซานจะไม่มีลูกหลานที่มีความสามารถสักคนเดียวเลยหรือ?” เย่หย่วนซานอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
พรึ่บๆ!
มือสังหารที่ใช้ดาบพาดอยู่บนลำคอของเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วยกดาบสไตล์ชิบะที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้น ก่อนหน้านี้ดาบทหารทั้งสองเล่มนี้เพิ่งจะฆ่าภรรยาและลูกชายของพวกเขาไป ตอนนี้เวียนมาถึงตาพวกเขาแล้ว
“อย่า…”
“อย่า…”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วที่รู้สึกสิ้นหวังยังอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา มองดาบทหารที่เปล่งประกายฟาดฟันลงมายังศีรษะของพวกเขา
ตู้ม!
ตู้ม!
เสียงสองเสียงดังสนั่น นั่นไม่ใช่เสียงศีรษะถูกตัดขาดจนตกลงพื้น ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วจะต้องตายแน่แล้ว คนอื่นๆ ของตระกูลเย่ก็ตกใจจนไม่กล้ามองนั้นเอง มือสังหารทั้งสองที่ยกดาบขึ้นคิดจะสังหารเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วก็ถูกซัดจนกระเด็นออกไป เบื้องหน้าของพวกเขาปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งขึ้นมา เป็นเงาร่างที่ไม่ได้กำยำมากมายนัก
มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าชะงักไป รีบชักดาบทหารในมือออกมา เขาคิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือคนตระกูลเย่เหล่านี้อีก ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถของผู้มาเยือนยังแข็งแกร่งมาก ระดับความเร็วก็เร็วมากจนเขาสัมผัสไม่ได้แม้แต่น้อย สองคนนั้นเป็นลูกศิษย์ชั้นยอดของสำนักโฮคุชินอิตโตริว กระทั่งไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ ถูกอัดจนกระเด็นออกไปกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงแล้วไม่ได้ลุกขึ้นมาอีก พลังหมัดนี้แข็งแกร่งขนาดไหน จินตนาการได้เลยทีเดียว
“แก…แกเป็นใคร?” มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“เทียนเฉิน หลานไม่ควรมาปรากฏตัวที่นี่ พวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวมาเพื่อฆ่าหลานโดยเฉพาะ!” เย่หย่วนซานมองเงาร่างที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตนแล้วกล่าวขึ้น
“แกก็คือเย่เทียนเฉินงั้นเหรอ?” มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าชะงักไป เอ่ยถามอย่างดุดัน
เย่เทียนเฉินมองคนที่อยู่ที่นี่แล้วมองไปยังคนตระกูลเย่ ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ ไม่ใช่ว่าเขามาเพื่อช่วยเหลือคนตระกูลเย่เหล่านี้ หลายครั้งก่อนหน้านี้ คนพวกนี้ไม่เห็นตนเป็นคนกันเอง ตอนนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องเห็นคนพวกนี้เป็นครอบครัวของตน เพียงแต่หากกล่าวถึงความเห็นใจ เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วเสียลูกชายและภรรยาไปแล้ว นับว่าน่าอนาจเพียงพอแล้ว ถ้าไม่ช่วยพวกเขาคงรู้สึกไม่ดี ต่อให้พวกเขาจะน่ารังเกียจขนาดไหนแต่ก็ไม่น่ารังเกียจเท่าพวกสารเลวจากสำนักโฮคุชินอิตโตริว ถ้าเทียบกับพวกสารเลวนี่ เย่เทียนเฉินย่อมเลือกช่วยเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วแน่นอน
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกแก ฉันรู้แค่ว่าพวกแกจะต้องตายทั้งหมด!” เย่เทียนเฉินมองไปยังมือสังหารสารเลวผู้เป็นหัวหน้าแล้วเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
“หึ คำพูดโอหังจริงๆ ในเมื่อแกส่งตัวเองมาตายถึงที่ก็ประหยัดเวลาตามหาแกได้มาก!”
มือสังหารสารเลวผู้เป็นหัวหน้านั้น แม้ปากจะพูดเช่นนี้แต่ขากลับอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปสองก้าว ต้องทราบว่าในสำนักโฮคุชินอิตโตริว ซาโต้เป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในสิบอันดับแรก ฝีมือความสามารถอย่างน้อยก็จัดให้อยู่ในห้าอันดับแรกของสำนักโฮคุชินอิตโตริวได้เลย แต่ก็ยังถูกชายหนุ่มเบื้องหน้าฆ่าตาย ชายหนุ่มคนนี้แม้จะอายุน้อยแต่ก็เกรงว่าจะมีความสามารถมาก ไม่อาจดูถูกได้
“เทียนเฉิน หลานไม่ควรมา คนพวกนี้แข็งแกร่งมาก หนีไปเถอะ!” เย่หย่วนซานเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉินแล้วกล่าวขึ้น
“ผู้อาวุโส คุณก็อายุมากแล้ว อย่าดันทุรังไปเลย ไปนั่งอยู่ด้านหลังเถอะ คนพวกนี้มาตามหาผม ผมจะฆ่าพวกมันก่อนแล้วค่อยไป!” เย่เทียนเฉินมองเย่หย่วนซานแล้วพูดขึ้น
“นี่หลาน…
“อย่ามาขวางการฆ่าของผม!” เย่เทียนเฉินกล่าวขัดคำพูดของเย่หย่วนซาน
เย่หย่วนซานมองเย่เทียนเฉิน ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร แต่กลับยิ้มแล้วส่ายหน้า ใช้ไม้เท้าพยุงเดินไปด้านหลังจริงๆ ดูราวกับว่าจะรู้สึกวางใจกับเย่เทียนเฉินขึ้นมาแล้ว ทำให้คนอื่นๆ ของตระกูลเย่คิดไม่ถึง ส่วนเย่เทียนเฉินนั้น ความจริงเขามีความประทับใจที่ไม่เลวต่อเย่หย่วนซาน แม้ก่อนหน้านี้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่หลังจากที่เย่หย่วนซานสนทนากับเย่หงผู้เป็นพ่อในครั้งนั้น เย่เทียนเฉินก็ได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านทางพลังพิเศษแห่งการรับรู้และเข้าใจความลำบากใจของเย่หย่วนซาน ความจริงการจะดูแลครอบครัวใหญ่นั้นไม่ง่ายเลย ไม่ว่าจะหน้ามือหรือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ เพียงแค่ต้องมองภาพรวมเป็นสำคัญ รักษาความกลมเกลียวของครอบครัวใหญ่เอาไว้ถึงจะสำคัญที่สุด
“โอหังจริงๆ กล้ามาล่วงเกินสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเรา นับว่าแกหาเรื่องแล้ว!”
มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าพูดอย่างดุดัน มือสังหารสารเลวอีกคนหนึ่งก็มายืนเคียงข้างมือสังหารผู้เป็นหัวหน้า มองออกเลยว่าพวกเขายังคงรู้สึกเคร่งเครียด เมื่อคิดว่าผู้อาวุโสซาโต้แข็งแกร่งขนาดนั้นแต่ก็ยังถูกคนเบื้องหน้าที่อายุไม่ถึง 20 ปีฆ่าตาย จะมากจะน้อยก็ยากที่จะเชื่อ ชายหนุ่มคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน อาจจะเกินจากที่พวกเขาคาดคิดไปมาก
“แกไม่คิดว่าพูดจาไร้สาระมามากพอแล้วเหรอ? เข้ามาเถอะ ฉันไม่ค่อยมีเวลา ฉันยุ่งมาก!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่พอใจ
“แก…”
ฟุ่บ!
เย่เทียนเฉินหายไปจากที่เดิม พุ่งเข้าไปประดุจแสง รีดเร้นพลังของตนจนถึงขีดสุด ในฐานะที่เป็นผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิ การทะลวงพลังทำให้เย่เทียนเฉินไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษระดับจอมราชันอีกต่อไป แต่เป็นผู้ที่ก้าวข้ามขอบเขตการบ่มเพาะไปแล้ว พลังเช่นนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เย่เทียนเฉินใช้เส้นทางในการทะลวงพลังที่แตกต่างกันออกไป เขามั่นใจมากว่าการฆ่ายอดฝีมือที่อยู่ในระดับเดียวกันไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ตู้ม!
มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าถูกซัดจนกระเด็นออกไป ถึงกับกระเด็นออกไปหลายร้อยเมตรก่อนจะกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ในสวนบ้านตระกูลเย่อย่างรุนแรง ทำให้ต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุร้อยปีถูกกระแทกจนหัก ส่วนมือสังหารที่เป็นหัวหน้าผู้นั้นก็ฝืนลุกขึ้นมาจากพื้น มุมปากมีเลือดสดๆ ไหลออกมา มือสังหารคนอื่นก็ได้สติกลับมา จนกระทั่งพวกเขาฟาดฟันดาบในมือไปยังเย่เทียนเฉินก็ถูกเย่เทียนเฉินบีบคอแล้ว รู้สึกได้ถึงอาการขาดอากาศหายใจ พริบตาเดียวก็สูญเสียเรี่ยวแรงไปทั้งร่าง ดาบทหารที่ยกขึ้นในมือขวาพลันตกลงพื้น ในชั่วขณะที่มันตกลงพื้น เย่เทียนเฉินก็พลิกมือรับมันเอาไว้
“พูดมา ฉันจะให้โอกาสแกครั้งเดียว คราวนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกแกมากี่คน ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
มือสังหารที่ถูกเย่เทียนเฉินบีบคอมองไปยังชายหนุ่มที่แข็งแกร่งจนถึงขั้นวิปลาสเบื้องหน้า แต่กลับมีรอยยิ้มไร้พิษสง รอยยิ้มเช่นนั้นเขากลับเห็นว่าเป็นรอยยิ้มแห่งความตาย ทำให้ตกใจกลัวจนมีเหงื่อเย็นซึมออกมาเต็มหน้าผาก รวมกับที่ถูกบีบคออยู่ ไม่ทันไรก็ขาดอากาศหายใจ ทั้งร่างชักกระตุกคล้ายกับแพะคลั่งอย่างไรอย่างนั้น
“ฉัน…ฉันไม่…รู้!” มือสังหารสารเลวผู้นั้นพยายามออกแรงสะบัดตัวออกจากมือซ้ายของเย่เทียนเฉิน ในขณะเดียวกันก็รวบรวมเรี่ยวแรงพูดออกมา
ในตอนนี้ ความรู้สึกของมือสังหารผู้นั้นก็คือเขาถูกบีบคออยู่ แต่สิ่งที่บีบคอเขาอยู่ไม่เหมือนกับเป็นมือ แต่เหมือนเป็นคีมเหล็กที่หนาใหญ่อันหนึ่ง ไม่มีแรงและความสามารถเพียงพอที่จะง้างมันออก
“เฮ้อ…น่าสงสาร!”
ฉัวะ!
ดาบทหารในมือขวาของเย่เทียนเฉินถูกตวัดออกไป ฟาดฟันไปยังแขนซ้ายของมือสังหารผู้นั้น ในขณะเดียวกันมือซ้ายของเขาก็ปล่อยมือสังหารผู้นั้นออก ในชั่วขณะที่มือสังหารผู้นั้นร่วงลงพื้น เย่เทียนเฉินก็สะบัดดาบอีกครั้ง ฟาดฟันไปยังมือขวาของมือสังหารผู้นั้นจนขาด
“อ้าก…มือของฉัน…”
มือสังหารโฉดชั่วผู้นั้น มือทั้งสองถูกตัดขาดจนสิ้น ทรุดลงกับพื้นนอนจมกองเลือด กรีดร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือด กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่เช่นนั้น คนตระกูลเย่ที่อยู่ที่นั่นได้เห็นต่างก็ต้องตกตะลึง ใครก็คิดไม่ถึงว่าคนที่เคยเป็นเศษสวะของตระกูลและถูกไล่ออกจากตระกูลเย่ไปนานแล้วจะมีความเด็ดเดี่ยวโหดเหี้ยมเช่นนี้ โชคดีที่เย่เทียนเฉินไม่ได้เพ่งเล็งพวกเขา มิฉะนั้นไหนเลยพวกเขาจะเป็นคู่มือได้ นี่ทำให้เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วอดไม่ได้ที่จะคิดว่าการโอหังต่อหน้าเย่เทียนเฉินของพวกเขานับเป็นการรนหาที่ตายโดยสิ้นเชิง โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาทั้งสอง มือสังหารโฉดชั่วที่เห็นว่ามือของตนถูกตัดขาดในพริบตาทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังยโสโอหังไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา มาตอนนี้กลับกรีดร้องไม่หยุด ใครก็ไม่กล้าขยับง่ายๆ
มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าลุกขึ้นยืนจากบนพื้น ทันเห็นเย่เทียนเฉินตวัดดาบฟาดฟันมือทั้งสองของลูกน้องตนจนขาดสะบั้น ชายหนุ่มผู้นี้เห็นว่ามีรอยยิ้มไร้พิษภัยเต็มใบหน้า แต่ความจริงกระทำการเด็ดขาดทั้งยังโหดเหี้ยมผิดธรรมดา ทำให้เขาต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก เช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก เขาชั่งน้ำหนักดูแล้วพบว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียนเฉิน เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ดูแล้วการที่ผู้อาวุโสซาโต้ถูกชายหนุ่มเบื้องหน้าฆ่าตายไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เขาเริ่มคิดแล้วว่าจะปลีกตัวออกไปอย่างไรดี
“เฮ้อ ดูแล้วฉันยังใจดีเกินไป บอกว่าจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็ให้โอกาสแกอีกครั้งจนได้ ฉันจะถามแกครั้งสุดท้ายแล้วกัน สำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกแกมากันกี่คน? ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?” เย่เทียนเฉินทอดถอนใจ แสร้งทำท่าทีพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างรู้สึกเคร่งเครียดจนถึงขีดสุด ต่างพากันมองเย่เทียนเฉินเขม็ง เห็นเขาเป็นจุดรวมสายตาไปแล้ว!
……………………………