เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 466 มัตสึโมโตะชิโมะเค็นน่ากลัวมาก
ฉัวะ!
ในมือขวาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นปรากฏปราณดาบขึ้นสายหนึ่ง ในตอนที่ปราณดาบนั้นปรากฏออกมา กระทั่งอลิซก็ยังถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ เธอไม่รู้ว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ แต่เคยได้ยินโทมัสกล่าวว่าเดิมทีพรสวรรค์โดยกำเนิดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นสูงส่งกว่าจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของเขา เพียงแต่น่าเสียดายที่เขามั่นใจในตัวเองเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นยังมีไออำมหิตมากเกินไป ดังนั้นหัวหน้าสำนักโฮคุชินอิตโตริวเมื่อปีนั้นจึงไม่ได้ให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นสืบทอดสำนักโฮคุชินอิตโตริวแต่กลับมอบตำแหน่งให้พี่ชายของเขาซึ่งก็คือจักรพรรดิดาบในปัจจุบัน มิฉะนั้นหัวหน้าสำนักของสำนักโฮคุชินอิตโตริวในตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นใคร
จะเห็นได้ว่าความสามารถของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ต่ำต้อยกว่าจักรพรรดิดาบมากเท่าไหร่นัก จักรพรรดิดาบเป็นหนึ่งในสิบผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบน จินตนาการถึงความสามารถของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้เลยทีเดียว แล้วเย่เทียนเฉินจะเป็นคู่ต่อสู้ได้หรือ?
ทั่วทั้งห้องฟุ้งกระจายไปด้วยปราณดาบ ปราณดาบนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก มีกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันฟุ้งกระจายออกมา โชคดีที่คาเมดะอิจิโร่และอลิซอยู่ที่นี่ จะมากจะน้อยก็ยังมีความสามารถที่จะกดข่มไอสังหารอันน่ากลัวนี้ได้บ้าง หากเป็นคนอื่นเกรงว่าคงทรุดไปนานแล้ว คงถูกไอสังหารอันบ้าคลั่งเช่นนี้ทำให้ตกใจตายไปแล้ว
“อย่า อย่าฆ่าผม ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ อย่าฆ่าผม…” คาเมดะอิจิโร่ตกใจจนผงะถอยหลังไป ขาทั้งสองคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่กล้าเคลื่อนไหว สั่นไปทั้งร่าง ชายชราอายุห้าหกสิบปีคนหนึ่งยังกลัวความตายเช่นนี้ ไม่มีศักดิ์ศรีแม้แต่น้อย ทำให้คนอื่นอับจนคำพูดจริงๆ กระทั่งสายตาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็ยังเต็มไปด้วยความดูถูก
วูบ!
ประกายดาบส่องสว่าง อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอย่างตื่นตกใจหาใดเปรียบ เธอมองไม่ชัดเจนว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นลงมืออย่างไรกันแน่ หลังจากประกายกระบี่ส่องสว่าง สิ่งที่เห็นก็คือแขนมนุษย์ข้างหนึ่งกระเด็นออกมา เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดของคาเมดะอิจิโร่ น่าอนาจจนทนมองไม่ได้ แขนขวาของเขาถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นฟันขาดด้วยดาบเดียว ภาพนี้เกิดขึ้นในพริบตา ใช้เวลาไปไม่ถึง 1 วินาทีด้วยซ้ำ นี่ทำให้อลิซยิ่งรู้สึกตื่นตะลึง มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
หากจะพูดถึงคาเมดะอิจิโร่ แม้จะกล่าวว่าเขาไม่ได้มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริว มีความสามารถสู้ฮิคาวะไม่ได้ แต่ความสามารถของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ในตอนที่เขาต่อสู้กับเย่เทียนเฉินที่บ้านตระกูลจาง แม้เขาจะฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ แต่ตอนนั้นเย่เทียนเฉินก็ฆ่าเขาไม่ได้ เรียกได้ว่าทั้งสองสู้เสมอกัน เพียงแต่ตอนนี้ความสามารถของเย่เทียนเฉินเพิ่มพูนขึ้นแล้ว ทะลวงไปถึงขอบเขตของผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิแล้ว ตอนนี้จึงพูดได้ไม่ชัดเจน
“นี่แค่สั่งสอนแกเท่านั้น ต่อไปนี้ถ้ากล้าโกหกฉันอีก ฉันจะตัดหัวแกซะ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปยังคาเมดะอิจิโร่ที่ร้องโอดควรญทั้งยังกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น พูดขึ้นด้วยท่าทีเย็นชา
“ขะ ขอบคุณผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ ขอบคุณผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ!” คาเมดะอิจิโร่ถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นฟันแขนขาดแต่กลับไม่กล้าบ่นว่าแม้แต่ครึ่งคำ ทำได้เพียงกล่าวขอบคุณ เขามีชีวิตอยู่มาเกินครึ่งชีวิตแล้ว อะไรที่เรียกว่าศักดิ์ศรี อะไรที่เรียกว่าความภาคภูมิใจล้วนไม่มีแล้ว ยังจะมีความหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเหรอ?
“ยังไม่รีบลุกขึ้นมาบอกเรื่องทุกอย่างที่แกรู้ออกมาอีก?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกล่าวเสียงเย็น
ในตอนนี้คาเมดะอิจิโร่ลุกขึ้นยืนจากบนพื้น ใบหน้าขาวซีด บาดแผลบริเวณที่ถูกตัดแขนมีกระดูกโผล่ออกมาให้เห็น เลือดไหลเป็นทาง แต่ไม่นานเลือดก็หยุด นี่ทำให้อลิซยิ่งรู้สึกแปลกใจ เพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ มิน่าล่ะในหมู่กลุ่มอำนาจในประเทศชิบะ สำนักโฮคุชินอิตโตริวถึงได้หยิ่งยโสที่สุด พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งของรัฐบาลประเทศชิบะก็ยังได้ เมื่อครู่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย ทำเพียงใช้ปราณดาบก็สามารถตัดแขนขวาของคาเมดะอิจิโร่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงความเร็วเลย กระทั่งอำนาจยังมหาศาลมาก เห็นได้ว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นลงมือไว้ไมตรีแล้ว มิฉะนั้นคาเมดะอิจิโร่คงตายไปแล้ว เมื่อมองไปยังบาดแผลของคาเมดะอิจิโร่อีกครั้งพบว่าเลือดหยุดไหลแล้ว เห็นได้ชัดว่าดาบนี้รวดเร็วมาก เร็วจนกระทั่งมีเลือดไหลออกมาไม่มาก เรียกได้ว่าหากต้องการฆ่าคนโดยไม่รู้ตัวก็ยังทำได้ ฟาดฟันดาบออกไปครั้งหนึ่ง คุณยังไม่ทันได้รู้สึกอะไร เมื่อกลับมาบ้าน วันที่สองวันที่สามอาจจะตัวระเบิดตายก็เป็นได้ เพียงแค่คิดก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
“ครับ ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ เรื่องเป็นแบบนี้ ตอนนั้นผมพาคนมาที่เมืองหลวงของประเทศจีน ได้รับการจ้างวาจากคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงให้ไปฆ่าคนที่บ้านหลังหนึ่ง ไหนเลยจะรู้ว่าต้องเจอกับเย่เทียนเฉิน ผมสู้กับเขา เจ้าคนน่ารังเกียจนี่แข็งแกร่งจริงๆ อายุยังน้อยแต่ความสามารถด้านการต่อสู้ทำให้ตื่นตะลึงได้เลย แต่ความสามารถของเขาควรจะต่างจากผมไม่มาก พวกเราสู้เสมอกัน ดังนั้นจึงพูดได้ว่าผมไม่เชื่อว่าเขาจะฆ่าผู้อาวุโสซาโต้ได้ และยิ่งฆ่าฮิคาวะไม่ได้ด้วย…” คาเมดะอิจิโร่ยังคงพูดอย่างไม่เชื่อนัก
คาเมดะอิจิโร่ย่อมไม่เชื่อแน่นอน ความสามารถของซาโต้และฮิคาวะเหนือกว่าเขามาก เขาสามารถสู้เสมอกับเย่เทียนเฉินได้ แล้วทำไมซาโต้และฮิคาวะถึงตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉินได้ล่ะ? นี่จะทำให้เขาไม่กล้าเชื่อเกินไปหรือเปล่า?
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองคาเมดะอิจิโร่ครู่หนึ่ง สายตาเย็นชาอยู่บ้าง จากนั้นจึงเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งพลางขมวดคิ้ว เดิมทีเขาคิดว่าการมาประเทศจีนในครั้งนี้ตนพายอดฝีมือชั้นสูงทั้งสามสิบคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมาด้วย ขอเพียงกองทัพจีนไม่เคลื่อนไหว ไม่ว่ากลุ่มอำนาจใดพวกเขาก็สามารถกำจัดได้ ไหนเลยจะรู้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น สูญเสียอย่างต่อเนื่อง ทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกโกรธและอยากลงมือด้วยตัวเองแล้ว
เริ่มจากการกำจัดตระกูลหลิง สองพ่อลูกหลิงเยว่และหลิงอวี่สวิ๋นถูกทหารอันแข็งแกร่งของประเทศจีนช่วยออกไปได้ในเวลาสำคัญ จากนั้นเขาจึงแบ่งกำลังออกเป็นสามทางไปลอบสังหารญาติมิตรของเย่เทียนเฉิน แต่กับฆ่าไม่ได้แม้แต่คนเดียว ไม่เพียงแต่จะฆ่าไม่ได้ ตามคำพูดของอลิซ ยอดฝีมือเหล่านั้นที่ตนส่งออกไปล้วนตายกันหมดแล้ว กระทั่งฮิคาวะก็ยังถูกเย่เทียนเฉินฆ่า แล้วคนอื่นยังจะต้องพูดถึงอีกเหรอ?
“เรื่องที่แกสู้กับเย่เทียนเฉินเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเดือนกว่าแล้ว แกคิดจะบอกฉันว่าในระยะเวลาสั้นๆ เพียงเดือนเดียว ไอ้หนุ่มที่ชื่อเย่เทียนเฉินจะพัฒนาความสามารถขึ้นมาจนฆ่าซาโต้และฮิคาวะได้เลยเหรอ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกล่าวเสียงต่ำด้วยความโกรธเกรี้ยวหาใดเปรียบ
“นี่…ผมไม่รู้ครับ…ตอนที่ผมสู้กับเขา เขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ …” คาเมดะอิจิโร่ตกใจจนเหงื่อออกเต็มหน้า รีบร้อนเอ่ยปากพูด
“ดูท่าทางแกจะไม่ได้พูดความจริงกับฉัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันคงทำได้เพียงเก็บกวาดสำนักให้สะอาดแทนพี่แล้ว…” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดพลางมองไปทางคาเมดะอิจิโร่
ความจริงมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่เชื่อโดยเด็ดขาด ความสามารถของคาเมดะอิจิโร่เป็นอย่างไรเขาย่อมรู้ดี ไม่สามารถสู้ซาโต้และฮิคาวะได้เลย ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือนกว่าเย่เทียนเฉินสู้เสมอกับคาเมดะอิจิโร่ ไม่ว่าใครก็ฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าความสามารถของเย่เทียนเฉินและคาเมดะอิจิโร่ต่างกันไม่มาก ไม่ต้องพูดถึงระยะเวลาสั้นๆ เพียงเดือนเดียวเลย ต่อให้เป็นเวลาสามปีก็เกรงว่าจะไม่อาจพัฒนาความสามารถจนแข็งแกร่งเท่าซาโต้และฮิคาวะได้ จะมีผู้มีพรสวรรค์ขนาดนี้ได้อย่างไร? มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่เชื่อ เขาไม่เต็มใจเชื่อ ถ้าเป็นเช่นนั้น ภารกิจที่เขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นต้องทำในประเทศจีนคราวนี้คงดำเนินไปอย่างยากลำบากแล้ว
“มัตสึโมโตะ ความสามารถของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งจริงๆ แกจะลงมือเองหรือเปล่า?” อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้วเอ่ยถาม
ตอนนี้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นขมวดคิ้ว เขาเองก็เป็นเฒ่าสารพัดพิษคนหนึ่ง เขาย่อมไม่ล่วงเกินอลิซง่ายๆ และไม่เชื่ออีกฝ่ายง่ายๆ ด้วย ทำได้เพียงรักษาความสัมพันธ์ให้สมดุล หากล่วงเกินอลิซจนทำให้รัฐบาลประเทศ M กล่าวโทษอะไรประเทศชิบะ เขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นคงรับผิดชอบไม่ไหว
“ใช่แล้ว คุณอลิซ ผมได้ยินว่าคุณเริ่มได้รับความเชื่อใจจากเย่เทียนเฉินแล้วและยังเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาด้วย คราวนี้คนของผมลอบสังหารตระกูลเย่ แต่ในเวลาสำคัญดูเหมือนว่าคุณจะลงมือขัดขวาง ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันเพราะอะไร?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา เห็นได้ชัดว่าในใจไม่พอใจมาก เพียงแต่ไม่ได้ระเบิดออกมาเท่านั้น
อลิซเองก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ดูท่าทางมัตสึโมโตะชิโมะเค็นคงได้รับข่าวมาบ้าง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าฮิคาวะเองก็จะถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตายเท่านั้น ชายชราคนนี้ดูผิวเผินเพียงแค่ถามขึ้นมาลอยๆ แต่ความจริงในใจไม่พอใจมาก หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ฐานะหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M ของตน เกรงว่าชายชราคนนี้คงลงมือกับตนไปแล้ว
“นี่เป็นเรื่องของฉัน ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้แกฟัง นอกจากนี้สิ่งที่ฉันอยากจะบอกแกก็คือ ถ้าพวกแกจะฆ่าเย่เทียนเฉินฉันจะไม่ขวางแต่ก็จะไม่ช่วย ฉันเองก็ต้องฆ่าเย่เทียนเฉินเหมือนกัน แต่วิธีการของพวกเราไม่เหมือนกัน ไม่ขวางทางกันและไม่ช่วยเหลือกันก็พอ!” อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้วพูดขึ้น เธอเชื่อว่าแม้ชายชราคนนี้จะโกรธแค่ไหนก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ
“หึ งั้นเหรอ? คุณอลิซ ถ้าไม่ใช่เพราะการขัดขวางของคุณ คนของผมคงฆ่าครอบครัวของเย่เทียนเฉินได้แล้ว คงไม่กลับมามือเปล่าแน่ นี่คือสิ่งที่คุณเรียกว่าไม่ขัดขวางกันเหรอ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นถามเสียงเย็น
“แกคิดจะสอบสวนฉันหรือไง? ฉันควรรายงานให้ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะฟังหรือเปล่า?” อลิซถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณ…คุณอลิซ พวกเราเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน ตอนนี้คุณทำแบบนี้ หรือคิดกลับใจไปจะช่วยเหลือเย่เทียนเฉินแล้ว?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจ้องไปทางอลิซแล้วถามขึ้น
“นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแก ฉันยังคงพูดประโยคเดิม ไม่ขวางทางกัน ไม่ช่วยเหลือกัน!” อลิซพูดอย่างเย็นชา
“ถ้างั้นคุณอลิซมาที่นี่หมายความว่าอย่างไร?”
“ฉันแค่จะมาบอกแกว่าเรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้พวกแกมายุ่ง และอย่าได้มาล่วงเกินฉัน นอกจากนี้…เย่เทียนเฉินไม่ได้รับมือง่ายอย่างที่แกคิด หากต้องการฆ่าเขา แกต้องลงมือด้วยตัวเอง แกจะส่งคนของพวกแกไปอีกกี่คนก็เป็นการส่งไปตายเปล่า!” อลิซพูดอย่างไม่พอใจ
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปทางอลิซอย่างดุดัน ในใจรู้สึกโกรธมาก เพียงแต่ยังคงกัดฟันพูดออกไป “แบบนี้พวกเราคงต้องขอบคุณในเจตนาดีของคุณอลิซแล้ว ผมไม่ส่งนะครับ!”
………………………………..