เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 470 เย่เทียนเฉินเปิดฉากสังหาร
พลังเขตแดนปิดกั้น โล่ทองคำ!
เพียงพริบตาเดียวเย่เทียนเฉินก็ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษอันแข็งแกร่งทั้งสองไปแล้ว คู่ต่อสู้ของเขาคือมัตสึโมโตะชิโมะเค็นซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ ทำให้เขาไม่อาจลำพองใจได้ นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจนถึงขั้นลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเฉินยังไม่อยากเสียเวลา การต่อสู้ก็คือการต่อสู้ เมื่อสู้แล้วก็ต้องสู้จนถึงที่สุด สู้จนหมดแรงจนตายกันไปข้างหนึ่ง ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมีมากมาย อย่างน้อยก็มียอดฝีมือ 30 คน ต่อให้ถูกเขาฆ่าไปแล้วหลายคน แต่เมื่อเทียบจำนวนกันแล้วยังมากกว่ากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อยู่มาก อีกฝ่ายก็เป็นยอดฝีมือเช่นเดียวกัน ทั้งยังมีคนมากกว่า สำหรับกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ ความกดดันในการต่อสู้ครั้งนี้มากมายจริงๆ
การดวลกันกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ไม่ว่าตัวเองจะทำอย่างไรก็ต้องลงมือ ตอนนี้เขารีดเร้นพลังการต่อสู้ของตนจนไปถึงระดับสูงสุดของขอบเขตจักรพรรดิ ตั้งแต่ตนทะลวงมาถึงขอบเขตนี้ อาจเป็นเพราะการฝึกฝนคัมภีร์ดรุณีหยกหรืออาจเป็นเพราะการสนทนากับปรมาจารย์กระบี่ในช่องว่างอันแปลกประหลาดในกระบี่เซียวหยวน ทำให้เย่เทียนเฉินได้เรียนรู้มากมาย หลังจากที่เขาทะลวงไปถึงขอบเขตพลังพิเศษระดับจักรพรรดิก็รู้สึกว่าตนแข็งแกร่งมาก ต่อให้เขามีความสามารถเพียงขั้นต้นของขอบเขตพลังพิเศษระดับจักรพรรดิ หากต้องเผชิญหน้ากับยอฝีมือขั้นสุดท้ายของระดับนี้เขาก็ยังรู้สึกว่าตนมีความสามารถเพียงพอที่จะกดดันอีกฝ่าย นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริงและไม่ใช่การหยิ่งยโส แต่เป็นการรู้สึกถึงความแข็งแกร่งของพลังภายในร่างกายอย่างแท้จริง
ฟิ้ว!
ศีรษะของสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวคนหนึ่งปลิวออกไป เลือดพุ่งกระฉูดทั่วฟ้าก่อนจะล้มลงกับพื้น หัวกับตัวแยกออกจากกัน ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง จ้องมองไปทางเย่เทียนเฉินด้วยความหวาดกลัว เขาคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มเช่นนี้จะร้ายกาจขนาดนี้ เดิมทีคิดว่าเย่เทียนเฉินเดินอยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อาจเป็นไปได้ว่าพลังบ่มเพาะจะอ่อนแอที่สุดจึงคิดจะพุ่งออกมาฆ่าเจ้าไก่อ่อนนี่สักหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะเป็นพวกเคี้ยวยาก แข็งซะจนเขารับไม่ไหวแม้แต่กระบวนท่าเดียว ถูกฟันจนหัวขาด ในชั่วขณะที่ล้มลงกับพื้น มือสังหารสารเลวคนนั้นเห็นว่าบนแขนเสื้อของเย่เทียนเฉินปักคำว่า “หัวหน้าจ้าวสวรรค์” สีทองอยู่
สวมชุดคลุมต่อสู้สีแดงที่เป็นชุดหัวหน้าของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ เย่เทียนเฉินมีสีหน้าเคร่งขรึม ในดวงตาแน่วแน่ บนมือขวาถือกระบี่เซียวหยวน พลังที่สามารถบดขยี้โลกได้เช่นนั้นไม่อาจต่อต้านได้เลย เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไรให้มาก ตอนนี้เขากลายเป็นจักรพรรดิที่ไม่อาจแตะต้องแล้ว ก้าวเดินไปเบื้องหน้า มือขวาถือกระบี่ เปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ ตอนนี้เขาตัดสินใจจะเริ่มทำการฆ่าฟันแล้ว
ตั้งแต่ได้มาเกิดใหม่จากดาวสิ้นโลกเย่เทียนเฉินก็ไม่เคยโกรธอีกเลย ไม่เคยเปิดฉากฆ่าฟันครั้งใหญ่อีก ครั้งนี้เขาไม่ไว้ไมตรีแม้แต่ครึ่งส่วน เมื่อลงมือก็เริ่มฆ่าคน ต้องการฆ่าคนที่ไปข่มขู่ครอบครัวของเขาเหล่านี้ให้หมด ครอบครัวของฉัน ใครกล้าแตะต้อง ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ประโยคนี้ไม่ได้ล้อเล่น
เสียงปังดังขึ้น ประตูบ้านหลังหนึ่งบริเวณกลางเมืองเทียนซาถูกผลักออก พบว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นกำลังนอนคร่อมอยู่บนร่างของหญิงบริสุทธิ์คนหนึ่ง กำลังเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง หญิงบริสุทธิ์คนนั้นสลบไปแล้ว บริเวณร่างกายส่วนล่างเต็มไปด้วยเลือด สีหน้าขาวซีด บนร่างกายเล็กๆ อันเปลือยเปล่ามีรอยช้ำอยู่หลายแห่ง จะต้องถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นทรมานแน่นอน และบนพื้นด้านข้างยังมีหญิงบริสุทธิ์อีกคนหนึ่งขาดใจไปแล้ว ไม่หายใจอีก ร่างกายท่อนล่างของเธอก็มีเลือดไหล ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเลือดออกมากองใหญ่ ไม่รู้ว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นทำเรื่องต่ำช้าเดรัจฉานอันใดถึงทำให้มีสภาพแบบนี้ เด็กหญิงที่น่าสงสารทั้งสองเพิ่งจะมีอายุ 12 ปีเท่านั้นกลับต้องมาถูกทำร้ายเช่นนี้แล้ว ต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว
เมื่อเห็นว่ามีคนผลักประตูเข้ามา มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็ขยับสองครั้ง มือบีบอยู่ที่คอของหญิงบริสุทธิ์จนแน่นกระทั่งหญิงบริสุทธิ์คนนั้นเบิกตากว้างและตายไปเขาถึงจะปล่อยมือ ในขณะเดียวกันร่างกายท่อนล่างก็ยังเคลื่อนไหว มือทั้งสองขับเคลื่อนพลังภายในราวกับกำลังฝึกฝนอยู่อย่างไรอย่างนั้น ทอดถอนใจออกมาอย่างพึงพอใจ ในดวงตาทั้งสองแปรเปลี่ยนไปมีประกาย ยิ่งไปกว่านั้นกระดูกและผิวที่เดิมทีมีร่องรอยความแก่ชราก็ดูเหมือนว่าจะเต่งตึงขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวหนังบนมือกลายเป็นแข็งแกร่งมาก เหมือนกับคนอายุ 20 กว่าปี
“ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ ท่านทำสำเร็จแล้ว ยินดีด้วยครับ!” คาเมดะอิจิโร่มีความยินดีเต็มหน้า พูดขึ้นมาด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นสวมเสื้อผ้าเสร็จก็ไม่ได้ลำพองใจเพราะคำพูดของคาเมดะอิจิโร่ เดินไปเบื้องหน้าคาเมดะอิจิโร่แล้วเอ่ยถามเสียงเย็น “สถานการณ์ด้านนอกเป็นยังไง?”
“คนสิบสามคนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงบุกเข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นเมืองเทียนซาแห่งนี้ทั้งเมืองยังถูกปิดกั้นเอาไว้ ถูกปิดด้วยกำแพงสีทอง ผมลองทำลายดูแล้วแต่ทำไม่ได้เลย แข็งแกร่งมากจริงๆ ดูแล้วคงมียอดฝีมือมาปิดเมืองเทียนซา ต้องการฆ่าพวกเราทั้งหมดอยู่ที่นี่” คาเมดะอิจิโร่รายงาน
“คนสิบสามคน? สวมเสื้อคลุมสีแดง? รู้หรือเปล่าว่าเป็นใคร?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
“ไม่ทราบครับ!” คาเมดะอิจิโร่ตอบ
“ไม่รู้เหรอ? คาเมดะ ฉันว่าแกคงไม่อยากมีชีวิตอยู่จริงๆ แล้วสินะ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกวาดตามองคาเมดะอิจิโร่อย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถาม
“นี่…”
คาเมดะอิจิโร่คุกเข่าลงบนพื้นในพริบตา เขาคิดไม่ถึงว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะเปลี่ยนสีหน้าเร็วขนาดนี้ มัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่อยู่เบื้องหน้าเขาเป็นคนใจแคบคนหนึ่ง ขอเพียงมัตสึโมโตะชิโมะเค็นโกรธก็เป็นไปได้มากว่าจะฆ่าเขา คาเมดะอิจิโร่ไม่อาจต่อต้านได้เลย
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปยังคาเมดะอิจิโร่ หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงฆ่าคาเมดะอิจิโร่โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอนนี้ถึงกับมีคนกล้าบุกมาฆ่าพวกเขา นี่เป็นเรื่องที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคิดไม่ถึง จะมากจะน้อยคาเมดะอิจิโร่ก็ยังพอมีค่าให้ใช้ประโยชน์อยู่บ้าง ด้วยพลังการต่อสู้ของเขาในตอนนี้ จะฆ่าหรือไม่ฆ่าคาเมดะอิจิโร่ก็ย่อมได้ เนื่องจากเขาทำลายร่างกายของผู้หญิงบริสุทธิ์ไปแล้วสองคน ดูดพลังหยินมาแล้ว ทำให้พลังภายในของตนฟื้นฟูไปมาก
“ออกไปฆ่าพวกมันเถอะ ฆ่าคนที่บุกมาให้หมด ในประวัติศาสตร์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเรายังไม่เคยมีใครกล้าบุกมาถึงที่ ฉันไม่อยากปล่อยคนแบบนี้ไป ฉันต้องการฆ่าพวกมันให้หมด!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมขึ้นที่มุมปาก
“ครับ ขอบคุณผู้อาวุโส!”
คาเมดะอิจิโร่เดินตัวสั่นออกไปจากห้อง มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองครู่หนึ่ง เขาไม่ได้รีบออกไปทันที แต่นั่งขัดสมาธิเพื่อโคจรพลังภายใน เขาบ่มเพาะพลังภายในสายหยินมาชั่วชีวิต ในตอนที่ร่างกายแก่ชราก็ใช้วิธีการพิเศษเพื่อควบคุมพลังภายใน เนื่องจากร่างกายที่แก่ชราไม่สามารถรองรับพลังภายในที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องควบคุมเอาไว้ หากต้องการปลดปล่อยพลังต่อสู้ออกมาจะต้องทำลายหญิงบริสุทธิ์สามคนและดูดกลืนไอหยินอันบริสุทธิ์ในร่างกายของพวกเธอ ต้องทำแบบนี้ถึงจะฟื้นฟูพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้
จะอย่างไรมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็อายุ 70 ปีแล้ว ชั่วชีวิตนี้ฆ่าคนมาจำนวนนับไม่ถ้วน กลิ่นอายอำมหิตบนร่างเข้มข้นมาก เมื่อถึงวัยแก่ชรา กลิ่นอายอำมหิตเหล่านี้ก็เริ่มกลืนกินเขา ยิ่งไปกว่านั้นจะมากจะน้อยมัตสึโมโตะชิโมะเค็นในอดีตก็เคยได้รับบาดเจ็บมาบ้าง ดังนั้นร่างกายของเขาจึงไม่ได้ดีอย่างที่ เห็นหลังจากที่ทำลายร่างกายอันบริสุทธิ์ของผู้หญิงทั้งสองแล้วยังต้องใช้เวลาเพื่อฟื้นฟู
ฟิ้วๆๆ มือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวสามคนขวางอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน ตอนนี้สมาชิกของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์แยกย้ายกันไปในเมืองเทียนซา แต่ละคนต่างหาคู่ต่อสู้เพื่อทำการฆ่าฟัน มีเพียงเย่เทียนเฉินที่ทำการกวาดล้าง เริ่มเดินบนถนนด้านหลังของเมืองเทียนซาอีกครั้ง ถือกระบี่เซียวหยวนอยู่ในมือ เร่งเร้าพลังต่อสู้จนอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตพลังพิเศษระดับจักรพรรดิ เดินมุ่งหน้าไปยังจุดสิ้นสุดของถนนในเมืองเทียนซา ตอนนี้หากเขาพบพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็ฆ่าโดยไม่ลังเล สำหรับพวกสารเลวเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องยั้งมือและไว้ไมตรี
ฟุ่บ!
ในตอนที่คนที่สี่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก เอ่ยถามอย่างเรียบเฉยว่า “คาเมดะ ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันของแกทำให้ซาโต้ตาย ทำให้ฮิคาวะตาย แกไม่กลัวผีของพวกมันไม่ปล่อยแกไปรึไง?”
“เย่เทียนเฉิน ไอ้ลูกเต่า วันนี้ฉันจะแก้แค้นเรื่องที่บ้านตระกูลจาง จะหั่นศพของแกเป็นหมื่นชิ้น!” คาเมดะอิจิโร่ชักดาบทหารสไตล์ชิบะออกมาจากเอว ชี้ไปทางเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างดุดัน
เย่เทียนเฉินมองไปยังคาเมดะอิจิโร่ ไม่ได้หยุดฝีเท้าแม้แต่น้อย ยังคงเดินไปเบื้องหน้าและเอ่ยปากอย่างเย็นชาว่า “ฉันเย่เทียนเฉินเป็นคนใจดี ไม่ชอบตบตีฆ่าฟัน แต่จะมีคนบางจำพวกที่ชอบมาหาเรื่อง ดังนั้นพวกคนที่คิดจะหั่นศพฉันเป็นหมื่นชิ้น เกรงว่าพวกมันคงทำไม่สำเร็จ จะต้องกลายเป็นคนตายทั้งหมด…”
“ตายซะ!” คาเมดะอิจิโร่จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม กัดฟันพูดคำนี้ออกมา
คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังคาเมดะอิจิโร่พุ่งเข้ามายังเย่เทียนเฉินด้วยความรวดเร็ว ความสามารถของคนเหล่านี้แข็งแกร่งมาก ที่ต่ำที่สุดก็มีความสามารถอยู่ในระดับนักรบราชันขั้นต้น รายงานของท่านผู้นำสูงสุดไม่ผิด คราวนี้มียอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมากันจำนวนมาก หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินทะลวงขอบเขตไปถึงขอบเขตผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิแล้ว และยังทำให้ขอบเขตพลังเสถียรมาก อีกทั้งยังมีกระบี่เซียวหยวนอยู่ในมือ หากจะฆ่าพวกสารเลวเหล่านี้ราวหั่นผักคงเป็นเรื่องยาก
ฉัวะ!
เย่เทียนเฉินไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว เมื่อเขาลงมือก็จะไม่ยั้งมือ พุ่งเข้าไปยังลูกศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนราวกับสายฟ้า ประกายดาบเงากระบี่ส่องสว่าง เพียงไม่กี่พริบตาเย่เทียนเฉินก็เดินไปยังคาเมดะอิจิโร่ ส่วนพวกสารเลวทั้งสามที่อยู่ด้านหลังเขายังอยู่ในท่าดึงดาบออกจากฝัก ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย คาเมดะอิจิโร่ตื่นตะลึงไปทั้งร่าง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นซึมออกมา เขาไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไร แต่ดูเหมือนเย่เทียนเฉินไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ส่วนลูกศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสาม แต่ละคนต่างมีฝีมืออยู่ในขอบเขตนักรบราชันขั้นกลาง แต่กระทั่งดาบก็ยังไม่ได้ชักออกจากฝัก
ตุบ...เสียงสามเสียงดังขึ้น ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินไปหาคาเมดะอิจิโร่ในก้าวที่สาม พวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนที่อยู่ด้านหลังก็ล้มลงกับพื้น บริเวณหว่างคิ้วของทุกคนมีเลือดพุ่งออกมา ในช่วงเวลาเป็นตาย พวกเขาถูกเย่เทียนเฉินแทงเข้าที่หว่างคิ้ว ถูกปราณกระบี่ของกระบี่เซียวหยวนทำให้หน้าผากเป็นรู แต่เพราะเร็วเกินไปปฏิกิริยาจึงตามไม่ทัน ตอนนี้เพิ่งจะมีปฏิกิริยาขึ้นมา ทั้งหมดต่างตกตายไปเช่นนี้
“แก…”
เดิมทีคาเมดะอิจิโร่ยังมีความมั่นใจในการสู้กับเย่เทียนเฉิน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นคนทั้งสามตายอย่างอนาถก็อดไม่ได้ที่จะเดินถอยหลังไปสองก้าว มือที่จับด้ามดาบสั่นระริก
“ตอนนี้ถึงตาแกแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดกับคาเมดะอิจิโร่ด้วยรอยยิ้ม