เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 472 เย่เทียนเฉินโจมตีไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว
ฆ่าคนในพริบตา เพียงอ้าปากก็ส่งปราณดาบที่มีพลังมหาศาลออกมาได้ นี่ทำให้ผู้อื่นเพียงแค่คิดก็ต้องรู้สึกหวาดกลัวแล้ว ในความคิดของยอดฝีมือเหล่านี้ มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นยอดฝีมือระดับสูงแน่นอน ในความคิดของคนธรรมดาที่ไม่รู้ว่าอะไรคือความร้ายกาจ บางทีอาจจะมีเพียงประโยคเดียวที่สามารถบรรยายได้ นั่นก็คือ โลกนี้กว้างใหญ่ ไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่มี!
เย่เทียนเฉินใช้หมัดอัสนีสวรรค์เข้าปะทะกับปราณดาบสีดำทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นต้องขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มชาวจีนคนนี้จะมีศักยภาพและความใจกล้าขนาดนี้ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือความสามารถของเขา หลังจากโจมตีเข้าปะทะกันแล้ว เย่เทียนเฉินก็ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป แน่นอนว่าเขาสามารถสลายปราณดาบสีดำนั้นได้ แต่ร่างกายกลับกระแทกเข้ากับป้ายหินใหญ่บริเวณทางเข้าเมืองเทียนซา ทำให้ป้ายหินที่สูงประมาณสิบกว้าจั้ง กว้างประมาณห้าหกเมตร หนาเกือบหนึ่งเมตรถูกกระแทกจนแตกเป็นผง ถึงแม้กายเนื้อของเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งหาใดเปรียบก็ยังรู้สึกว่าเลือดในกายเอ่อทะลักออกมา มีความรู้สึกคล้ายกับจะกระอักเลือด
นี่เป็นครั้งแรกในชั่วชีวิตของเย่เทียนเฉิน หรืออย่างน้อยก็ตั้งแต่ได้มาเกิดใหม่บนโลกใบนี้ เป็นครั้งแรกที่มีคนสู้กับเขา เพิ่งจะดวลกันด้วยการโจมตีเดียว เขาก็ถูกโจมตีจนกระเด็นออกมา กระทั่งได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง นี่เป็นสิ่งที่เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึง ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถของเขายังทะลวงขอบเขตไปถึงขอบเขตผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิแล้ว เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของมัตสึโมโตะชิโมะเค็น เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ มิใช่เรื่องเท็จเลย
ในตอนที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นอ้าปากปล่อยปราณดาบสีดำออกมา เย่เทียนเฉินก็สัมผัสได้ว่าปราณดาบนั้นร้ายกาจมาก เต็มไปด้วยกลิ่นอายอำมหิต ยังอำมหิตยิ่งกว่าฝ่ามือสลายกระดูกของหลี่ชิงสุ่ยอยู่หลายส่วน แต่เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ถอย ตั้งแต่วินาทีที่เขาก้าวเข้ามาในเมืองเทียนซาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องฆ่าล้างให้ได้ จะต้องสู้เอาชีวิตกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็น ไม่อาจปล่อยให้มีอันตรายใดหลงเหลือไปถึงครอบครัวของตน ดังนั้นแม้จะรู้ว่าปราณดาบสีดำนี้บ้าคลั่งอำมหิต เย่เทียนเฉินก็ยังกระตุ้นหมัดอัสนีสวรรค์เข้าปะทะ นี่คือความใจสู้และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขา
ความใจสู้และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของคนผู้หนึ่งจะเป็นสิ่งค้ำจุนพลังการต่อสู้ของคนคนนั้น เมื่อความใจสู้และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พังทลาย ต่อให้คนคนนั้นจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่อาจใช้ออกไปได้ จะต้องแพ้ให้คู่ต่อสู้แน่นอน
“แกคือเย่เทียนเฉินงั้นเหรอ? พอมีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
“ฝีมือ? ฝีมือของฉันมีมาก ต้องดูว่าฝีมือของแกจะมีมากแค่ไหน!” เย่เทียนเฉินลุกขึ้นยืน ฝืนระงับความรู้สึกอยากกระอักเลือดเอาไว้ สายตามองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอย่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยวหาใดเปรียบ
“ไม่เลวๆ ตอนนี้ฉันมีความคิดอยากจะให้แกเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเราแล้วจริงๆ แกมีศักยภาพและพรสวรรค์ยิ่งกว่าฮิคาวะซะอีก!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ลงมือทันที ความสามารถของเย่เทียนเฉินทำให้เขารู้สึกชื่นชม อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา ตอนนี้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นทำลายหญิงบริสุทธิ์ไปสองคนแล้ว พลังการต่อสู้ฟื้นคืนไปกว่าครึ่ง เดิมทีตัวเขาก็เป็นคนที่มั่นใจในตนเองมากอยู่แล้ว และตอนนี้พลังการต่อสู้ก็ได้รับการฟื้นฟูแล้วจึงยิ่งยโสมากขึ้น เขาเชื่อว่าตนจะฆ่าเย่เทียนเฉินได้ดังนั้นจึงไม่รีบร้อน
“เข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกแกเหรอ? แกคิดจริงๆ เหรอว่าสำนักตดหมาของแกมีดีมากมายอะไรขนาดนั้น?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่พอใจ
“งั้นหรือ? ไอ้หนุ่ม ที่ประเทศจีนของพวกแกมีคนไม่รู้เท่าใหญ่ที่อยากเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเรา ทำไมแกไม่เรียนรู้จากพวกมันบ้างล่ะ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกล่าวไปตามปาก
“คนพวกนั้นมีแต่โจรขายชาติ แกก็ไม่ได้ดีไปกว่าโจรขายชาติเท่าไหร่หรอก ไปบวชที่วัดเส้าหลินในประเทศจีนของพวกเราหน่อยเป็นไง?” เย่เทียนเฉินถามกลับด้วยรอยยิ้ม
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้พูดอะไร การตายของฮิคาวะในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงความหงุดหงิด ไม่ง่ายเลยกว่าที่สำนักโฮคุชินอิตโตริวจะมีคนหนุ่มที่มีความสามารถแข็งแกร่งเหมือนฮิคาวะออกมาสักคน จนกระทั่งกลายเป็นเป้าหมายที่จะต้องให้ความสำคัญในการบ่มเพาะดูแล ฮิคาวะเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากจริงๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่มาพบกับเย่เทียนเฉิน เขาแพ้แล้ว ถูกฆ่าไปแล้ว ดังนั้นเมื่อได้พบกับเย่เทียนเฉินที่ยังหนุ่มแน่นเช่นนี้อีกทั้งยังมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าฮิคาวะ หากเลี้ยงดูบ่มเพาะบุคคลเช่นนี้ต่อไปบางทีอาจจะกลายเป็นลูกศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่ร้ายกาจกว่าฮิคาวะก็เป็นได้ เพียงแต่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้รู้เลยว่า หากต้องการโน้มน้าวเย่เทียนเฉินย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ฟุ่บ!
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ตอบเย่เทียนเฉินแต่หายแวบไปจากที่เดิม เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง หมัดทั้งสองกำแน่น มองไปรอบด้านอย่างระมัดระวัง มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแข็งแกร่งมาก เขาจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการระมัดระวังให้ดี ไหนเลยจะรู้ว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะไม่ได้ลงมือกับเขาแต่กลับทะยานตัวขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดของเมืองเทียนซา เหนือศีรษะของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็คือพลังสีทองที่เย่เทียนเฉินใช้โล่ทองคำครอบปิดเมืองเอาไว้
“เคล็ดวิชาป้องกันของแกไม่เลวเลย ตอนนี้ฉันจะให้แกได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพลังภายในแห่งสำนักโฮคุชินอิตโตริวสักหน่อย จะทำให้แกต้องเชื่อฟังทั้งกายใจ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดกับเย่เทียนเฉินอย่างไม่สบอารมณ์
เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงมองมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอยู่เช่นนั้น สีหน้าของเขาเกิดความสงสัย พบว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นนำมือซ้ายไปไขว้อยู่ด้านหลัง ส่วนมือขวายื่นนิ้วกลางและนิวชี้ออกไป รวบรวมปราณดาบสายหนึ่งออกมา ยังคงเป็นปราณดาบสีดำที่ปรากฏขึ้น คล้ายเก็บซ่อนคล้ายปรากฏ มิใช่เป็นปราณดาบที่มีขนาดใหญ่เช่นนั้นอีก แต่คล้ายกับมีดขนาดเล็กมากกว่า
บึ้ม!
เสียงอันกระจ่างชัดดังขึ้น ปราณดาบที่รวบรวมออกมาบริเวณนิ้วกลางและนิ้วชี้ที่มือขวาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นถูกยิงไปยังโล่ทองคำของเย่เทียนเฉินแตกสลายในพริบตา พลันนั้นทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ฝีมือของชายชราคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราณดาบสีดำของเขาคล้ายกับว่าจะไร้เทียมทาน แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หรือว่านี่จะเป็นเพลงดาบระดับสูงของสำนักโฮคุชินอิตโตริว? อำมหิตถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
ฟุ่บ! มัตสึโมโตะชิโมะเค็นทะยานมาถึงเบื้องหน้าของเย่เทียนเฉิน ห่างจากเย่เทียนเฉินเพียงแค่ 5 เมตร เย่เทียนเฉินไม่ได้ก้าวถอยหลัง ยืนมองมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอยู่เช่นนั้น ในใจรู้สึกแปลกใจขึ้นมา ชายชราคนนี้แข็งแกร่งมาก ตนจะทำอย่างไรถึงจะฆ่าเขาได้? การต่อสู้ครั้งนี้หากเย่เทียนเฉินไม่ตายมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็ต้องตาย นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้การต่อสู้ยังไม่ทันได้เริ่ม นั่นเป็นเพราะมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอยากจะเห็นเสียหน่อยว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เย่เทียนเฉินเข้าร่วมเป็นศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของเขาหรือไม่ จะอย่างไรหากมีความเป็นไปได้ย่อมเป็นเรื่องดีต่อสำนักโฮคุชินอิตโตริว
“เย่เทียนเฉิน ฝีมือของฉันเป็นยังไง? ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง ขอเพียงแกเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของฉัน ไม่เพียงแต่ฉันจะไม่ฆ่าแก แต่เรื่องที่แกฆ่าซาโต้และฮิคาวะก็จะนับว่าไม่เอาเรื่อง!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดจาโน้มน้าวเย่เทียนเฉินต่อไป
“เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของแก แล้วเรื่องที่ฉันฆ่าแกก็หายกันเป็นไง?” เย่เทียนเฉินถามด้วยรอยยิ้มเย็นชา
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองเย่เทียนเฉิน ในดวงตาปรากฏไอสังหาร เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะไม่รู้จักแยกแยะชั่วดีขนาดนี้ หากไม่ใช่ว่าเห็นแก่ฝีมือและความสามารถของเขา มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคงไม่เสียเวลามาพูดจาไร้สาระขนาดนี้ คงลงมือฆ่าเย่เทียนเฉินไปนานแล้ว ไหนเลยจะรอมาจนถึงตอนนี้
“ไม่รู้จักแยกแยะ ไม่รู้จักที่ตาย!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดออกมาอย่างดุดัน
“ฉันว่าคนที่ไม่รู้จักแยกแยะน่ะมันแกต่างหาก พวกไม่รู้จักที่ตายก็คือคนสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกแก!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
พลั่ก!
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นคนอำมหิตคนหนึ่ง มีไอสังหารและกลิ่นอายอำมหิตอันเข้มข้น ฝ่ามือหนึ่งถูกตบไปยังเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินชะงักไป เขารู้ว่านี่คือฝ่ามือโฮคุชิน ในตอนที่สู้กับฮิคาวะ ฮิคาวะเคยใช้ฝ่ามือนี้แล้ว เพียงแต่ตอนนี้เมื่อถูกใช้ออกมาจากมือของมัตสึโมโตะชิโมะเค็น เรียกได้ว่าแข็งแกร่งจนผิดปกติจริงๆ ทั่วทั้งเมืองเทียนซาสั่นสะท้าน นั่นเป็นฝ่ามือที่ดูธรรมดามากเท่านั้น
เย่เทียนเฉินชะงักไป ยังคงใช้หมัดอัสนีสวรรค์เข้าต่อสู้เช่นเดิม อาศัยกายเนื้ออันแข็งแกร่งรวมกับความแข็งแกร่งของหมัดอัสนีสวรรค์ต่อต้าน มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคิดไม่ถึงจริงๆ ฝ่ามือโฮคุชินของตนฝึกมาถึงขั้นสูงสุดแล้ว เป็นคนเพียงคนเดียวในสำนักโฮคุชินอิตโตริวนอกจากจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายที่ฝึกฝ่ามือถึงขั้นที่ร้ายกาจที่สุด ความร้ายกาจของฝ่ามือโฮคุชินนี้มีพลังอำนาจเคลื่อนภูเขาพลิกมหาสมุทร มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมีความมั่นใจมากว่าฝ่ามือนี้จะทลายตึกสูงได้ในฝ่ามือเดียว ส่วนจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของเขา หากใช้ฝ่ามือออกมาจะต้องสะเทือนฟ้าสะเทือนดินแน่ นั่นไม่ใช่เรื่องเกินจริงแม้แต่น้อย เย่เทียนเฉินอายุไม่ถึง 20 ปีเท่านั้นก็สามารถปะทะกับฝ่ามือโฮคุชินได้แล้ว ชั่วชีวิตของมัตสึโมโตะชิโมะเค็น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอคนเช่นนี้
ตู้มๆๆ …
หมัดอัสนีสวรรค์เข้าปะทะกับฝ่ามือโฮชิน สู้กันถึง 10 นาทีแล้ว เย่เทียนเฉินไม่รู้ว่าตัวเองซัดหมัดออกไปมากน้อยแค่ไหน และไม่สนใจบาดแผลบนร่างของตนด้วย ทำเพียงมุ่งโจมตีไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นสุดชีวิต ชายชราคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ เย่เทียนเฉินซัดออกไปหลายหมัดแต่กลับไม่สามารถโจมตีถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้แม้แต่หมัดเดียว แต่ตัวเขากลับโดนไปแล้วหลายฝ่ามือจนมุมปากมีเลือดไหลออกมา
ตู้ม!
เสียงหนึ่งดังสนั่น เย่เทียนเฉินและมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแยกออกจากกัน การโจมตีปะทะกันรุนแรงเกินไป บนหมัดทั้งสองของเย่เทียนเฉินเต็มไปด้วยเลือด มุมปากมีเลือดไหล ส่วนมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่มีความเสียหายแม้แต่น้อย ไม่ได้ถูกเย่เทียนเฉินโจมตีแม้แต่ครั้งเดียว แต่สีหน้าของเขากลับไม่ได้ผ่อนคลาย ออกจะเครียดขรึมมากด้วยซ้ำ บนฝ่ามือทั้งสองมีปราณแท้สีดำลุกโชนมากยิ่งขึ้น มีความรู้สึกราวกับว่าเพียงฝ่ามือเดียวก็สามารถตบเย่เทียนเฉินให้ตายได้แล้ว
การต่อสู้เมื่อครู่นี้ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะโจมตีไม่โดนมัตสึโมโตะชิโมะเค็น ส่วนตัวเองกลับถูกโจมตีเข้าไปหลายฝ่ามือ แต่นี่ไม่ได้ทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกว่าตนชนะเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกถึงความอัปยศด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้ยิ่งขึ้น เนื่องจากจะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะสามารถสู้กับตนได้เช่นนี้ ดูเหมือนเขาจะลงมือเต็มที่เพื่อใช้ฝ่ามือโฮคุชินออกไป ฝ่ามือนี้แข็งแกร่งและอำมหิตเป็นอย่างมาก หากเป็นคนธรรมดาโดนฝ่ามือนี้เข้าไปจะต้องลุกไม่ขึ้นแล้ว แต่เย่เทียนเฉินโดนไปอย่างน้อยสามหมัด ไม่เพียงแต่จะลุกขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นพลังการต่อสู้ก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย คนเช่นนี้ยังมีชีวิตอยู่และยังตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักโฮคุชินอิตโตริวด้วย มัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกกดดันมากจริงๆ หากปล่อยให้เย่เทียนเฉินเติบโตต่อไป สำนักโฮคุชินอิตโตริวย่อมต้องมีอันตรายที่จะถูกล้างสำนักแน่นอน
“เย่เทียนเฉิน ฉันอยากให้แกเข้าร่วมสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเราจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว คนแบบแกจะต้องตายเท่านั้น ฉันจะไม่ปล่อยให้อุปสรรคชิ้นใหญ่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมีชีวิตอยู่!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกล่าวพลางเดินไปหาเย่เทียนเฉิน ปราณแท้สีดำบนฝ่ามือทั้งสองพลุ่งพล่าน แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่นี้ไม่รู้กี่เท่า