เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 478 เจ็ดวันเจ็ดคืน
ตู้ม!
ระเบิดแล้ว เหนือเมืองเทียนซาเกิดระเบิดขึ้นแล้ว ทั่วทั้งเมืองเทียนซาราบเป็นหน้ากลอง ไม่มีอะไรเหลือ พวกอู๋เสวี่ยซึ่งเป็นกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์และพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวต่างก็ถูกพลังอันมหาศาลโจมตีจนกระเด็นออกไปไกล ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนถึงกับถูกฆ่าจนกลายเป็นฝนเลือด ไม่มีอะไรหลงเหลืออีก
บนถนนอันพร่าเลือนของเมืองเทียนซา เย่เทียนเฉินยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน มองไปเบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา ทั่วทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด ไหลหยดลงมาไม่หยุด เขายังไม่ได้ยกเลิกสภาวะการต่อสู้ข้ามขั้น กระบี่เซียวหยวน กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางต่างหันปลายกระบี่ลงด้านล่าง กลับมาอยู่ข้างกายเย่เทียนเฉินแล้ว ชุดออกศึก “หัวหน้าจ้าวสวรรค์” บนร่างของเย่เทียนเฉินก็ถูกทำลายจนสภาพย่ำแย่ มุมปากของเขามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ต้องทราบว่ากายเนื้อของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพลังอันอบอุ่นในร่างกายของเขาที่จางรั่วถงทิ้งไว้ให้ ความสามารถในการรักษาฟื้นฟูจึงแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้ปากของเย่เทียนเฉินกลับมีเลือดไหลลงมาไม่หยุด จินตนาการได้เลยว่าการปะทะกันครั้งสุดท้ายของเขาและมัตสึโมโตะชิโมะเค็นรุนแรงมากขนาดไหน
เดิมทีโล่ทองคำและพลังเขตแดนปิดกั้นที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองเทียนซายังเหลือพลังป้องกันเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับไม่มีเหลือแล้ว โชคดีที่มีการป้องกันเล็กน้อยนี้อยู่ มิฉะนั้นก็ไม่รู้ว่าพลังจากการปะทะกันจะส่งผลไปไกลแค่ไหน จะเกิดผลกระทบแบบไหน
“พี่ใหญ่…”
อู๋เสวี่ยเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาท่ามกลางซากปรักหักพัง ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดเช่นเดียวกัน ในตอนที่เขาเห็นเย่เทียนเฉินยืนอยู่ในเมืองเทียนซาเขาก็ต้องขมวดคิ้ว เย่เทียนเฉินมีเลือดโทรมกาย ทั้งยังไหลออกมาไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็นปาก หน้าอก หรือแผ่นหลัง ต่างก็มีเลือดไหลออกมาราวกับสายน้ำ เขายืนอยู่ท่ามกลางโลหิต ไม่รู้ว่ามีเลือดไหลออกมามากขนาดไหน
แต่ในตอนที่อู๋เสวี่ยคิดจะทะยานเข้าไปดูว่าเย่เทียนเฉินบาดเจ็บขนาดไหนกันแน่ เย่เทียนเฉินกลับยกมือขวาขึ้นอย่างเชื่องช้า ทำสัญลักษณ์มือห้ามไม่ให้เข้ามาใกล้ อู๋เสวี่ยชะงักไป เนื่องจากตอนนี้เบื้องหน้าเย่เทียนเฉินปรากฏเงาร่างของคนอีกคนหนึ่ง คนคนนั้นคล้ายกับผุดขึ้นมาจากดินก็มิปาน ซึ่งก็คือมัตสึโมโตะชิโมะเค็นนั่นเอง
พบว่าบนร่างกายของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่มีรอยเลือดอะไรอยู่เลย มุมปากก็ไม่มีเลือดไหลออกมา ทว่าตอนที่อู๋เสวี่ยเห็นหน้าอกของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นถึงกับอดรนทนไม่ไหวอยากจะหัวเราะเสียงดัง เดิมทีเขาคิดว่าพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินแพ้แล้ว บาดเจ็บจนมีสภาพแบบนี้ กลายเป็นมนุษย์เลือดโดยสิ้นเชิง อาการบาดเจ็บนั้นรุนแรงมาก จะสามารถอยู่ไปได้นานแค่ไหนก็ยังไม่รู้ แต่บริเวณหน้าอกของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นถูกโจมตีจนทะลุเป็นรู ปรากฏรูขนาดใหญ่ที่อาบย้อมไปด้วยเลือด เกรงว่าหัวใจคงแหลกสลายไปแล้ว ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็ช่วยเขาไม่ได้ มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะต้องตายแน่แล้ว
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเดินไปหาเย่เทียนเฉินทีละก้าว ตอนนี้ในดวงตาของเขาไม่มีความโหดเหี้ยมอะไรอีก กลับเรียบเฉยมากด้วยซ้ำ ชายชราคนนี้มีอายุ 70 กว่าปีแล้ว ความสามารถและการบ่มเพาะแข็งแกร่งสูงส่งหาใดเปรียบ แต่ที่ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกตื่นตะลึงก็คือตอนนี้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นถึงกับเดินมาหาตน เย่เทียนเฉินยังคงยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับเขยื้อน ตอนนี้เขาเองก็บาดเจ็บสาหัสและอ่อนแอจนถึงขีดสุด พลังในร่างกายไม่สามารถควบคุมให้มั่นคงได้อีก และไม่สามารถใช้ออกมาได้ด้วย อย่างไรก็ตามเขายังคงยืนขวางอยู่เบื้องหน้ามัตสึโมโตะชิโมะเค็น ขอเพียงมีลมหายใจก็จะลงมือสู้กับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นต่อไป นี่คือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเย่เทียนเฉิน
“แกแข็งแกร่งมาก ไอ้หนุ่ม คิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะมีผู้แข็งแกร่งแบบแกอยู่ ถ้าให้เวลาและโอกาสแกได้เติบโต แกจะต้องกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน แต่ว่า ฉันจะบอกแกให้ จักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของฉันจะไม่ยอมให้โอกาสนี้กับแกแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังรับการโจมตีของเขาไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว…”
เมื่อได้ยินคำพูดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็น อู๋เสวี่ยก็เกือบจะตกใจจนสั่นไปทั้งร่าง สำหรับอู๋เสวี่ย เขาก็นับว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งเช่นกัน แล้วยังเป็นยอดฝีมือระดับสูงอีกด้วย การต่อสู้ของเย่เทียนเฉินและมัตสึโมโตะชิโมะเค็นเกินกว่าขอบเขตของผู้แข็งแกร่งอย่างพวกเขาไปแล้ว ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านหาใดเปรียบ แต่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นถึงกับพูดว่าจนกระทั่งตอนนี้ ความสามารถอย่างเขาก็ยังรับการโจมตีของจักรพรรดิดาบไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว นี่เป็นความน่าหวาดกลัวระดับไหนกัน? เจตนาพูดให้ผู้อื่นกลัวหรือเปล่า?
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมีความสามารถที่แข็งแกร่งถึงระดับนักรบจักรพรรดิขั้นต้น แม้ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่อย่างน้อยก็ถูกจัดอันดับอยู่ในอันดับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกใบนี้ เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะกับการบ่มเพาะจะมีคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้อยู่ด้วย สิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก คนทั้งสิบนี้คือใครกันแน่? จะแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่? ทำให้ผู้คนไม่กล้าคิดจริงๆ
“แกวางใจได้ ฉันฆ่าแกได้ก็สามารถฆ่าจักรพรรดิดาบได้เหมือนกัน!” เย่เทียนเฉินกัดฟัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่หาใดเปรียบ ลักษณะเช่นนั้นไม่ได้เสแสร้งออกมาและไม่ได้เป็นการอวดอ้าง แต่นี่เป็นความมั่นใจในตนเอง
“ฮ่าๆๆๆ มีจิตวิญญาณนักสู้ที่ดี มีความใจกล้าดี ถ้าประเทศชิบะของพวกเรามีคนหนุ่มแบบแกก็คงดี…น่าชิงชังจริงๆ น่าถอนใจจริงๆ ไอ้ลูกเต่าคาเมดะอิจิโร่ถึงกับหาผู้หญิงบริสุทธิ์มาให้ฉันทำลายได้แค่สองคน ทำให้ฉันไม่สามารถฟื้นฟูพลังการต่อสู้ได้จนถึงที่สุด ไม่งั้นแกคงเอาชนะฉันไม่ได้…”
พลั่ก!
เมื่อมัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดจบก็ซัดฝ่ามือไปยังศีรษะของตน ร่างกายของเขาระเบิดออกจนไม่เหลืออะไรอยู่เลย กลายเป็นเพียงความว่างเปล่า ในตอนที่ยอดฝีมือคนหนึ่งตายล้วนทำเช่นนั้น เนื่องจากในร่างกายของพวกเขามีความลับอยู่มากเกินไป มีความทรงจำของเคล็ดวิชาอยู่มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดฝีมือของสำนักต่างๆ ในตอนตายจะทำเช่นนี้ทั้งนั้น เนื่องจากพวกเขาไม่อยากให้ศัตรูรู้เคล็ดวิชาของสำนักตนจึงคิดวิธีการระเบิดตัวเองออกมา
วิ้งๆๆ!
กระบี่เซียวหยวน กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางต่างเข้าไปอยู่ในร่างกายของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินเหมือนกับมนุษย์เลือดอย่างไรอย่างนั้น ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดที่กำลังไหลลงมาไม่หยุด เขามองไปด้านหน้าอย่างเย็นชา คิดถึงคำพูดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็น มัตสึโมโตะชิโมะเค็นยังไม่ได้ฟื้นฟูพลังจนถึงขีดสุด และต่อให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นฟื้นฟูพลังไปจนถึงขีดสุดเขาก็ยังรับกระบวนท่าของจักรพรรดิดาบไม่ได้ นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าเส้นทางเบื้องหน้าของเย่เทียนเฉินยังยากลำบากมาก ความเป็นความยังคงยากจะคาดเดา
“พี่ใหญ่…” อู๋เสวี่ยเอ่ยปากเรียก
“ไปเถอะ พาพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ออกไปจากที่นี่!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย
อู๋เสวี่ยมองไปยังร่างกายอันเหนื่อยล้าของเย่เทียนเฉิน ทั่วทั้งร่างล้วนเต็มไปด้วยเลือด เดินมุ่งไปเบื้องหน้าทีละก้าว เสื้อคลุมจ้าวสวรรค์บนร่างถูกเลือดอาบย้อมไปนานแล้ว ชุดคลุดลากยาวจนหายไปท่ามกลางเมืองเทียนซา
เจ็ดวันเจ็ดคืนต่อมา เย่เทียนเฉินยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในคฤหาสน์โดยไม่ขยับเขยื้อน ตั้งแต่สู้กับพวกสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวและฆ่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นไป เย่เทียนเฉินก็กลับมาที่คฤหาสน์ นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องมาโดยตลอด ไม่กินไม่ดื่มเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้ว
ในระยะเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนนี้ หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ยและเสี้ยวหยา ทั้งสี่ต่างก็คอยดูแลมาโดยตลอด ในใจรู้สึกร้อนใจมาก เย่เทียนเฉินยังไม่ได้สติกลับมา ตั้งแต่เจ็ดวันก่อนที่อู๋เสวี่ยพาเย่เทียนเฉินกลับมาส่ง เย่เทียนเฉินก็นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องบนเตียงของตัวเอง ไม่เคลื่อนไหวมาเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้ว ระหว่างนั้นอู๋เสวี่ยและสมาชิกกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมดต่างมาเยี่ยมกันหลายครั้ง พวกอู๋เสวี่ยต่างร้อนใจจนมีเหงื่อเต็มหน้าแต่กลับคิดหาวิธีไม่ได้ พวกเขาไม่รู้ว่าพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินเป็นอะไร บาดเจ็บขนาดไหนกันแน่ หมอธรรมดารักษาไม่ได้ อาการบาดเจ็บนี้เกรงว่าต่อให้เป็นหมอที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกก็คงไร้หนทาง
“ลูก ทำไมลูกยังไม่ตื่นอีก ตื่นมาคุยกับแม่หน่อยเถอะ!” หลัวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล กุมมือเย่เทียนเฉินแล้วเอ่ยขึ้น
ในตอนที่เย่เทียนเฉินถูกส่งกลับมายังคฤหาสน์ เมื่อเห็นว่าลูกชายของตนมีเลือกโทรมกาย บาดเจ็บจนไม่รู้ว่าสาหัสขนาดไหน หลัวเยี่ยนก็เกือบจะเป็นลมไป ต่อมาในเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนเธอก็คอยมาเฝ้าอยู่ข้างกายลูกชายของตัวเองทุกวันโดยไม่ได้หลับตาตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืนเต็ม ทุกวันต่างทำอาหารอร่อยๆ มาให้ เพียงแต่น่าเสียดายที่หลังจากเย่เทียนเฉินถูกส่งกลับมาก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงไม่เคยลืมตาขึ้นมาตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน และไม่กินไม่ดื่มมาเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้วด้วย
“แม่คะ แม่วางใจเถอะ พี่ต้องไม่เป็นอะไร หนูเชื่อว่าพี่จะต้องตื่นขึ้นมาแน่!” เย่เชี่ยนเหวินปลอบใจหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ของตนเช่นนี้ แต่ตนเองกลับอดไม่ได้ที่จะร้องไห้รับหลังพวกเธอ
“ทำไมนายยังไม่ตื่นอีก ไม่รู้เหรอว่าฉันทำกุ้งมังกรตัวใหญ่และผลไม้ไว้ให้ด้วย? คราวนี้ฉันใส่ผงสลอดเยอะเลย…”
ฉีหรูเสวี่ยพูดจนถึงคำสุดท้ายก็พูดอะไรต่อไปไม่ไหวอีกจริงๆ ใช้มือปิดปากของตน ส่งเสียงสะอึกสะอื้นออกมา เธอหลงรักเย่เทียนเฉินอย่างลึกซึ้ง เห็นเย่เทียนเฉินเป็นคนรักของตนไปแล้ว ตอนนี้เห็นว่าเขาเป็นตายก็ยังไม่แน่ชัดจะไม่ให้กังวลได้อย่างไร แอบไปร้องไห้หลายครั้งแล้ว
เสียงหนึ่งดังขึ้น ประตูห้องนอนของเย่เทียนเฉินถูกผลักออก เสี้ยวหยาเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยท่าทีรีบร้อน โยนกระเป๋าเป้ไปไว้ข้างหัวเตียง
“เทียนเฉินเป็นยังไงบ้าง? ยังไม่ฟื้นเหรอคะ?” เสี้ยวหยาเดินมาข้างเตียงเย่เทียนเฉิน มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วเอ่ยถาม
หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ย ทั้งสามต่างพากันส่ายหน้า เดิมทีด้วยนิสัยของฉีหรูเสวี่ย เมื่อรู้ว่าเสี้ยวหยาอยู่ในคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่คนเดียว เกรงว่าระหว่างผู้หญิงทั้งสองคงเกิดสงครามครั้งใหญ่แล้ว บางครั้งก็อย่าได้ดูถูกการทะเลาะกันของผู้หญิง หลายครั้งที่น่ากลัวยิ่งกว่าการต่อสู้ระหว่างผู้ชายซะอีก แต่ตอนนี้เย่เทียนเฉินอยู่ในสภาพนี้จึงไม่มีใครมีอารมณ์มาทะเลาะกัน
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ได้แน่ พวกเราจำเป็นต้องพาเทียนเฉินไปโรงพยาบาล ถือโอกาสตอนที่เขายังมีลมหายใจอยู่!” เสี้ยวหยารีบเอ่ยปากพูด
“ไม่ได้ พวกอู๋เสวี่ยเคยบอกว่าเทียนเฉินขอให้พวกเขาทำแบบนี้ นั่งขัดสมาธิไว้อย่าเคลื่อนย้ายเขา!” ฉีหรูเสวี่ยเป็นคนแรกที่เอ่ยปฏิเสธ
“บาดเจ็บแต่ไม่รักษา หรือจะปกปิดอาการบาดเจ็บเพราะกลัวหมอ? เจ็ดวันเจ็ดคืนแล้ว เทียนเฉินไม่เคยลืมตาขึ้นเลย ไม่ได้กินข้าวแม้แต่คำเดียว ไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่คำเดียว ถ้าเป็นคนปกติร่างกายคงทนไม่ไหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเทียนเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือพวกเราจะทำได้แค่ลืมตาดูบาดแผลของเขาแย่ลง?” ตอนนี้เสี้ยวหยาไม่ได้อ่อนโยนเช่นนั้นอีก ในใจของเธอเย่เทียนเฉินมีความสำคัญมาก เธอรู้สึกโกรธแทนเย่เทียนเฉินจริงๆ
“แต่พวกเราจะทำยังไงล่ะ? เรียกรถพยาบาลมารับเหรอ? พวกอู๋เสวี่ยพูดไว้ว่าเทียนเฉินสั่งไว้แล้ว หลังจากที่เขานั่งขัดสมาธิก็อย่าได้แตะต้องเขา ตอนนี้เขายังหายใจอยู่ หากเคลื่อนไหวตามใจแล้วมีปัญหาอะไรจะทำยังไง?” ฉีหรูเสวี่ยเองก็มีความโกรธเกรี้ยวในดวงตา ตะโกนใส่เสี้ยวหยา