เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 488 งานวันเกิดของผู้อาวุโสตระกูลเย่
“พ่อครับ ผมไม่สนิทกับคนพวกนี้ อีกอย่างผมก็ไม่ชอบเรื่องสานสัมพันธ์กับคนอื่นอะไรแบบนั้น ต่อให้ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก?”
เย่เทียนเฉินยังคงรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง ไปร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ต้องสวมชุดสูทเป็นทางการ แสร้งทำท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง และยังมีเรื่องมากมายให้ทำ บางครั้งยังต้องไปเป็นคู่เต้นรำอะไรแบบนั้นด้วย ยุ่งยากจริงๆ
“ไม่ได้ คราวนี้ลูกต้องไปร่วมงานด้วย ใช่แล้ว ทางที่ดีพาแฟนของลูกไปด้วย ต่อให้ลูกไม่มีแฟนก็คิดหาวิธีพาไปสักคน ในเมื่อลูกปฏิเสธเรื่องการแต่งงานของตระกูลฟ่านไปแล้วก็ควรทำให้คนตระกูลฟ่านมีทางลงบ้าง พ่อได้ยินว่าคราวนี้ผู้อาวุโสตระกูลฟ่านมาด้วยตัวเอง ฟ่านรั่วเซวียนก็อาจจะมาด้วย!” เย่หงพูดกับเย่เทียนเฉินด้วยท่าทีเคร่งขรึมแบบผู้เป็นพ่อ
“แต่ว่า…พ่อครับ…นี่พ่อจะบังคับเหรอ...” เย่เทียนเฉินยังพูดไม่จบ เย่หงก็ลุกขึ้นยืนเดินไปที่ประตูคฤหาสน์ก่อนจะตะโกนเสียงดัง
“บังคับลูกแค่ครั้งนี้แล้ว เตรียมตัวให้ดีเถอะ อย่าให้ตระกูลเย่ต้องขายหน้า” เย่หงพูดจบก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เย่เทียนเฉินมองไปยังเงาหลังของเย่หงผู้เป็นพ่อก่อนจะทอดถอนใจเบาๆ ทำอะไรพ่อไม่ได้เลยจริงๆ เขาไม่อยากไปเข้าร่วมงานรวมตัวอะไรเหล่านี้ พูดตรงๆ ก็คือ งานวันเกิดของบุคคลสำคัญในหมู่ผู้มีอิทธิพลหรือตระกูลใหญ่เหล่านี้เป็นแค่เพียงงานสานสัมพันธ์เท่านั้น เนื่องจากผู้ร่วมงานทั้งหมดต่างก็เป็นคนสำคัญของตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่อื่นๆ ระหว่างพวกเขาอาจจะเจรจากัน พูดคุยเรื่องธุรกิจกัน เย่เทียนเฉินย่อมเข้าใจความคิดของพ่อและปู่ดี
ครั้งนี้เป็นงานวันเกิดอายุครบ 75 ปีของเย่หย่วนซานผู้อาวุโสของตระกูลเย่ ตระกูลเย่จึงจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ เชิญคนในตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่มากมายมาร่วมงาน เรื่องวันเกิดของเย่หย่วนซานเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญก็คือการสานสัมพันธ์กับตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่เหล่านี้ต่างหาก หากตระกูลเย่คิดจะผงาดขึ้นมาโดยอาศัยความสามารถของตัวเองเพียงอย่างเดียวนั้นย่อมเป็นไปได้ยาก รวมกับที่ตระกูลเย่ตกต่ำไปนานแล้ว จากตระกูลชั้นหนึ่งกลายเป็นตระกูลชั้นสาม หากต้องการรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่พึ่งพาตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่อื่นๆ นั้นเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด และถ้าอยากได้ความช่วยเหลือจากตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่เหล่านี้ก็จำเป็นต้องมีเย่เทียนเฉิน พูดให้ถูกก็คือ ช่วงนี้ประตูบ้านตระกูลเย่เป็นที่นิยมมาก มีผู้คนมาเยี่ยมเยียนมากมาย เพราะหลายคนเห็นว่าเย่เทียนเฉินซึ่งเป็นลูกหลานของตระกูลเย่ผงาดขึ้นมาแล้ว และเกรงว่าตระกูลเย่เองก็จะรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งแน่นอน จึงอยากมาสานสัมพันธ์ไว้ก่อน คนเหล่านี้จึงมาร่วมงานวันเกิดอายุครบ 75 ปีของผู้อาวุโสตระกูลเย่ ส่วนใหญ่เพราะต้องการมาพบเย่เทียนเฉินสักหน่อย
“จะไปร่วมงานวันเกิดของปู่คงไม่ต้องพาแฟนไปหรอกมั้ง? ยุ่งยากจริงๆ!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำกับตัวเอง
ในเวลาสามวันต่อมาเย่เทียนเฉินไม่ได้ออกไปจากคฤหาสน์เลย อยู่รักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองมาโดยตลอด ระยะนี้หลิงอวี่สวิ๋นโทรหาด้วยความใส่ใจหลายครั้ง เย่เทียนเฉินก็ถามว่าตอนนี้ตระกูลหลิงเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะอย่างไร เพื่อเห็นแก่หน้าหลิงอวี่สวิ๋น หากเขาช่วยได้ก็จะช่วย
หลิงอวี่สวิ๋นและหลิงเยว่ปลอดภัยมาก คนระดับสูงของทางการส่งคนไปคุ้มครองพวกเขาแล้ว รวมกับที่ยอดฝีมือทั้งสามสิบคนของสำนักดาบชั้นหนึ่งที่ลอบเข้ามาถูกเย่เทียนเฉินสังหารไปหมดแล้วจึงไม่มีอันตรายอะไรมาก ที่สำคัญก็คือกลัวว่ารัฐบาลแห่งประเทศ M จะไม่สนหน้าตา ส่งยอดฝีมือมาสังหารหลิงอวี่สวิ๋นและหลิงเยว่อีกครั้ง
เรื่องของตระกูลหลิงในตอนนี้ต้องดูความเห็นของผู้อาวุโสตระกูลหลิงเป็นสำคัญ ซึ่งก็คือปู่ของหลิงอวี่สวิ๋น ต้องดูว่าจะถอยออกมาอย่างปลอดภัยได้หรือไม่ เพียงแต่เมื่อดูจากสถานการณ์แล้วคงยากมาก จะอย่างไรตระกูลหลิงก็หยั่งรากลึกอยู่ในประเทศ M มานานหลาย 10 ปี รวมกับที่คราวนี้ทั้งตระกูลต้องการย้ายกลับมาพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ นอกจากหลิงเยว่และพ่อของเขาซึ่งก็คือผู้อาวุโสหลิงที่มีความคิดเช่นเดียวกันแล้ว พี่น้องคนอื่นๆ ก็ไม่เห็นด้วย มีอุปสรรคไม่น้อยเลยทีเดียว
สามวันต่อมา เย่เทียนเฉินสวมสูทแบบตะวันตกและรองเท้าหนังเดินออกมาจากคฤหาสน์ ขับรถสปอร์ตเวย์รอนมุ่งหน้าไปยังบ้านเดิมตระกูลเย่ ในตอนที่เขาเพิ่งจะขับรถไปถึงบ้านเดิมตระกูลเย่ บริเวณประตูก็มีผู้หญิงสวยสุดยอดคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินขับรถเข้ามาก็ยิ้มหวานหยาดเยิ้มแล้วพูดว่า “ไอคิวของนายจะต่ำเกินไปหรือเปล่า ทุกครั้งที่นัดผู้หญิงจะต้องมาสายตลอด ระวังหาภรรยาไม่ได้!”
“โทษที พอดีต้องแต่งหน้า ตอนนี้ฉันดูโอเคหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินลงจากรถแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่แย่ น้อยกว่าฉันนิดหน่อย!”
“ฉันจะไปเทียบกับคุณหนูใหญ่ตระกูลซูอย่างเธอได้ยังไง เธอเป็นคุณหนูของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศนะ!” เย่เทียนเฉินพูดก่อนจะหัวเราะ
“ต่อปากต่อคำกับฉันให้มันน้อยหน่อยเถอะ คราวนี้ฉันช่วยนาย นายก็ติดหนี้ฉันครั้งหนึ่ง” ซูเฟยเฟยยิ้มอย่างซุกซน
“คุณหนูใหญ่ตระกูลซูแบบเธอต้องการอะไรก็ได้อย่างนั้น ยังต้องให้ฉันติดหนี้น้ำใจเธออีกเหรอ?” เย่เทียนเฉินส่ายหน้าถาม
“เรื่องนั้นนายไม่ต้องยุ่ง ยังไงซะแค่นายจำไว้ก็พอ”
ที่แท้เย่เทียนเฉินก็ทำตามความคิดของพ่อ หาสาวงามคนหนึ่งมาเล่นบทแฟนสาวของตัวเอง เขาคิดไปคิดมา คิดว่าซูเฟยเฟยเหมาะสมที่สุด ประการแรกเป็นเพราะซูเฟยเฟยเกิดในตระกูลใหญ่ เติบโตมาในตระกูลใหญ่ตั้งแต่เด็ก เจองานเลี้ยงแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ค่อนข้างรู้วิธีรับมือ ตนไม่ค่อยเชี่ยวชาญงานเลี้ยงแบบนี้จึงต้องการคนที่รู้เรื่องคอยเตือนอยู่ข้างกายจริงๆ ประการที่สองเนื่องจากได้ยินว่าความสามารถในการเต้นรำของซูเฟยเฟยดีมาก หากต้องร้องเล่นเต้นรำอะไร ตนเองในฐานะที่เป็นลูกหลานตระกูลเย่ก็ไม่อาจเสียมารยาทจนทำให้ขายหน้า
เดิมทีเย่เทียนเฉินยังคิดถึงคนอีกคนหนึ่ง ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ต้องรบกวนซูเฟยเฟย คนคนนั้นก็คือฉีหรูเสวี่ย แต่อารมณ์ของฉีหรูเสวี่ยค่อนข้างรุนแรง รวมกับที่ตอนนี้เธอกับเสี้ยวหยาอยู่ในคฤหาสน์เดียวกัน หากให้พวกเธอคนใดคนหนึ่งมาสวมบทบาทนี้คงกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญ ดังนั้นคิดไปคิดมาเย่เทียนเฉินยังคงโทรหาซูเฟยเฟยให้เธอช่วยตน วันนี้เขาแอบออกมา ไม่ได้บอกเสี้ยวหยาและฉีหรูเสวี่ยเกี่ยวกับเรื่องนี้ โชคดีที่เสี้ยวหยาไปเรียน มิฉะนั้นคงวุ่นวายจริงๆ
“ได้ๆ ต่อไปนี้ถ้ามีเรื่องอะไรที่ฉันช่วยได้ บอกมาแค่คำเดียวก็พอ ตอนนี้เข้าไปกันได้หรือยัง?” เย่เทียนเฉินส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเอ่ยถาม
“นายนี่โง่จริง จะเข้าไปแบบนี้เหรอไง?” ซูเฟยเฟยพูด มองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยท่าทีจนใจก่อนจะใช้มือขวาคล้องแขนซ้ายเย่เทียนเฉิน
เย่เทียนเฉินหัวเราะ เขาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้จริงๆ ทำได้เพียงเดินเข้าประตูบ้านตระกูลเย่ไปกับซูเฟยเฟยด้วยรอยยิ้ม เพิ่งจะเดินหน้าไปได้ไม่กี่ก้าว รถเฟอรร์รารี่คันหนึ่งก็จอดลงข้างรถสปอร์ตเวย์รอนของเย่เทียนเฉิน มีผู้หญิงคนหนึ่งลงมาจากรถ เธอสวมกี่เพ้าสีแดงปักลายมังกร ผู้หญิงคนนี้รูปร่างสูง อายุประมาณ 20 ปี ทรวดทรงองค์เอวร้อนแรง รวมกับที่เธอมีร่างกายค่อนข้างสูง เมื่อดูแล้วเหมือนกับพวกนางแบบอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าของเธอไม่ด้อยไปกว่าซูเฟยเฟยเลย ต้องทราบว่าชุดกี่เพ้าน่ามองมาก แต่ต้องให้คนที่น่ามองสวมใส่ถึงจะถูก มิฉะนั้นคงเป็นการทำลายภาพลักษณ์ตัวเอง
“ขอโทษค่ะ ที่นี่คือตระกูลเย่หรือเปล่าคะ?” ผู้หญิงที่สวมชุดกี่เพ้าเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน ถอดแว่นกันแดดสีดำของตนแล้วเอ่ยถาม
“ใช่ครับ” เย่เทียนเฉินตอบอย่างเรียบเฉย
“ขอบคุณค่ะ!”
เมื่อพูดจบ ผู้หญิงสวมชุดกี่เพ้าสีแดงปักลายมังกรคนนั้นก็เดินเข้าไปที่บ้านเดิมตระกูลเย่ก่อน เย่เทียนเฉินชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปกับซูเฟยเฟย
ภายในบ้านเดิมตระกูลเย่ เรียกได้ว่าติดโคมไฟหลากสีสรร มีโคมไฟมังกรสีแดงขนาดใหญ่อยู่ทุกที่ รวมไปถึงพรมแดงด้วย ห้องอาหารเป็นแบบเปิดโล่ง จัดอย่างหรูหราและเป็นทางการ ในตอนที่เย่เทียนเฉินและซูเฟยเฟยเดินเข้าไป ด้านในมีคนมาถึงมากแล้ว สมาชิกทั้งหมดของตระกูลเย่ออกมารับแขก เย่หย่วนซานพูดคุยสนทนากับผู้อาวุโสระดับเดียวกันของตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่ ส่วนเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วก็ยุ่งอยู่กับการต้อนรับคนอื่นๆ ผู้มาเยือนล้วนเป็นแขก จำเป็นต้องรับรองให้ดี นี่นับเป็นเรื่องปกติ
“คนมาไม่น้อยเลย หลายคนเป็นผู้อาวุโสของตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่ ตระกูลเย่ของนายได้หน้ามากจริงๆ!” ซูเฟยเฟยมองไปยังคนในงานแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“แต่ฉันไม่รู้จักเลยสักคน ไม่รู้ว่าจะให้ฉันมาร่วมงานวันเกิดแบบนี้ทำไม น่าเบื่อจริง!” เย่เทียนเฉินทอดถอนใจก่อนจะพูดแล้วส่ายหน้า
ซูเฟยเฟยมองเย่เทียนเฉิน อดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มเล็กน้อย ในใจคิดว่าเย่เทียนเฉินนี่ไม่รู้จักประเพณีเลยจริงๆ ไม่มีอีคิวก็ช่างเถอะ แต่กระทั่งงานสังคมแบบนี้ก็ทำไม่เป็น นับถือนิสัยเจ้าหมอนี่จริงๆ ไม่มีความคิดจะแย่งชิงผลประโยชน์อะไรเลยสักนิด
ต้องทราบว่าที่ตระกูลเย่จัดงานวันเกิดอายุครบ 75 ปีของผู้อาวุโสเย่หย่วนซานในครั้งนี้อย่างยิ่งใหญ่เพราะต้องการใช้โอกาสนี้รับรองคนจากกลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลใหญ่ต่างๆ เพื่อปูทางให้ความรุ่งเรืองในวันหน้าของตระกูลเย่ คราวนี้กลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลใหญ่ส่งคนมามากมายขนาดนี้ ทั้งยังมีคนระดับอาวุโสมาร่วมงานไม่น้อย แสดงให้เห็นว่าตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่เหล่านี้รับรู้ถึงความรุ่งเรืองของตระกูลเย่แล้ว และมาร่วมงานเพื่อเป็นการไว้หน้าตระกูลเย่ หากคนมาร่วมงานน้อย มากันแค่ไม่กี่คน ถ้าเช่นนั้นคงพูดได้แค่ว่าตระกูลเย่ตกต่ำย่ำแย่จนตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าตระกูลเย่
งานวันเกิดอายุครบ 75 ปีของเย่หย่วนซานในครั้งนี้มีคนมาร่วมงานมากมาย ทั้งยังมีคนใหญ่คนโตมามาก เป็นการสะท้อนให้เห็นแล้วว่าความรุ่งเรืองของตระกูลเย่เป็นเรื่องที่ไม่อาจขัดขวาง ตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่เหล่านี้ต่างมาเพื่อประจบประแจงตระกูลเย่ อย่างน้อยก็ต้องการสานสัมพันธ์โดยดี ไม่อยากเป็นศัตรูกับตระกูลเย่
“หิวแล้ว กินอะไรหน่อยเป็นไง?” เย่เทียนเฉินถามซูเฟยเฟยด้วยรอยยิ้ม
“เอาสิ ด้านนั้นมีอาหารตะวันตก พวกเราไปดูกันเถอะ” ซูเฟยเฟยพยักหน้าตอบ
ในตอนที่เย่เทียนเฉินและซูเฟยเฟยเดินไปที่ตำแหน่งของอาหารตะวันตก พบว่าด้านข้างมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังสนทนากันอยู่ ดูจากการแต่งตัวของวัยรุ่นกลุ่มนี้แล้ว รู้ได้เลยว่าพวกเขาเป็นพวกร่ำรวยมีเงิน จะต้องเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่แน่นอน คำพูดและการกระทำเต็มไปด้วยความมั่นใจและหยิ่งทนงในตัวเอง
“ได้ยินว่าตระกูลเย่มีคนที่ชื่อเย่เทียนเฉินโผล่ออกมา ช่วงนี้ก่อเรื่องไปทั่วทั้งเมืองหลวง ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ”
“ฉันเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน นับว่ามีความสามารถจริงๆ ดูท่าทางตระกูลเย่มีแนวโน้มจะรุ่งเรืองขึ้นมาแล้ว”
“วันนี้เป็นวันเกิดอายุครบ 75 ปีของผู้อาวุโสตระกูลเย่ ดูจากสถานการณ์แล้วคงเป็นการสร้างรากฐานให้ความรุ่งเรืองของตระกูลเย่ ต้องการแนะนำเย่เทียนเฉินซึ่งเป็นลูกหลานของพวกเขาให้แขกผู้ร่วมงานรู้จัก วันหน้าจะได้ร่วมมือกัน”
“หึ ก็แค่เย่เทียนเฉินคนเดียว คิดจะทำให้ตระกูลเย่ผงาดขึ้นมาได้เหรอ? จนถึงตอนนี้ไอ้หมอนี่ก็ยังไม่โผล่หัวออกมา ฉันว่ามันก็แค่นี้เอง” ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในงานมีเสียงไม่พอใจเสียงหนึ่งดังขึ้น