เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 497 หนี!
ทำตามหลักการโดยไม่สนใจใคร ประโยคนี้ไม่ได้พูดเล่นๆ เย่เทียนเฉินฆ่าสี่พี่น้องปีศาจสีเงินไปแล้ว ตอนนี้หลีซิ่นก็เป็นเพียงมดแมลง แต่ไม่อาจปล่อยไปได้ ถ้าปล่อยคนถ่อยแบบนี้ไป ภายภาคหน้าจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ มันก็ง่ายๆ แค่นี้เอง
เย่เทียนเฉินไม่สนใจคำเตือนของพ่อ ฟ่านชิงอวี่ และเย่หย่วนซานผู้เป็นปู่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ฟังคำแนะนำของผู้อาวุโส คำพูดของพวกเขาย่อมมีเหตุผลแน่นอน ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังหลีซิ่นมีอำนาจยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะปู่ของหลีซิ่นที่แม้แต่ผู้นำระดับสูงของทางการก็ยังต้องเคารพ ตระกูลหลีมีหลีซิ่นเป็นลูกหลานเพียงคนเดียว เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียว หากหลีซิ่นถูกฆ่า เกรงว่าต่อให้ตระกูลหลีทั้งตระกูลต้องพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ปู่ของหลีซิ่นก็ไม่ยอมจบง่ายๆ แน่นอน เรื่องนี้รุนแรงยิ่งกว่าการที่เย่เทียนเฉินฆ่าล้างตระกูลฉินและตระกูลลั่วซะอีก
ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเย่เทียนเฉินไม่กล้าสังหารหลีซิ่น อย่างมากก็แค่สั่งสอนหลีซิ่นนิดหน่อยนั้นเอง มือขวาของเย่เทียนเฉินพลันกำเป็นรูปปืน นิ้วชี้มีลูกบอลเล็กๆ ที่เปล่งประกายถูกยิงออกไป ในนั้นคละเคล้าไปด้วยพลังสายฟ้าอันบริสุทธิ์ เมื่อระเบิดอย่างน้อยก็มีพลังไม่ด้อยไปกว่าลูกปืน เย่เทียนเฉินต้องการสังหารหลีซิ่นจริงๆ ไม่ได้ดีแต่พูดเท่านั้น เขาจะฆ่าใครก็สนแค่หลักการของตัวเอง ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายมีเบื้องหลังฐานะอย่างไร นี่เป็นนิสัยของเย่เทียนเฉินที่ทำให้ตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่มากมายรู้สึกหวาดกลัว
หลีซิ่นที่วิ่งหัวซุกหัวซุนไปเบื้องหน้ารีบกลับมา พบว่ามีลูกบอลเล็กๆ ที่เปล่งประกายลูกหนึ่งถูกยิงโจมตีมาที่ตนก็ตกใจจนหน้าถอดสี จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะกล้าฆ่าตนจริงๆ ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าฆ่าหลานปู่ของตระกูลหลีจริงๆ เขาวิ่งไปเบื้องหน้าสุดชีวิต วิ่งไปที่หลังเสาต้นใหญ่ต้นหนึ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม ดึงผู้หญิงที่สลบไสลอยู่หลังเสาออกมาขวางอยู่เบื้องหน้า ขณะเดียวกันก็ตะโกนว่า
“เย่เทียนเฉิน แกคิดจะฆ่าฉันก็ฆ่าผู้หญิงของแกก่อนเถอะ!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะชะงักไป คิดไม่ถึงว่าหลีซิ่นยังมีไพ่ตายอยู่ในมือเช่นนี้ ตอนที่ลูกบอลสายฟ้าอันเปล่งประกายใกล้จะโจมตีถูกหลีซิ่น เขากลับดึงผู้หญิงไม่ได้สติคนหนึ่งมาขวางอยู่เบื้องหน้าตน ในตอนที่แขกรับเชิญจำนวนหนึ่งที่รู้จักผู้หญิงคนนี้เห็นเธอต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสี เนื่องจากผู้หญิงคนนี้ก็คือซูเฟยเฟย คุณหนูสูงศักดิ์แห่งตระกูลซูซึ่งเป็นตระกูลการค้าอันดับหนึ่งภายในประเทศ
เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าหลีซิ่นจะจับตัวซูเฟยเฟยเอาไว้ ผู้หญิงคนนี้เพิ่งจะถูกตนทำให้โกรธจนเดินมั่วซั่วไปทุกที่ จะต้องเป็นตอนนั้นที่ถูกหลีซิ่นพบและตีจนสลบแน่นอน หลีซิ่นยังรู้จักเผื่อสถานการณ์ ถ้าสี่พี่น้องปีศาจสีเงินฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ก็จะดึงซูเฟยเฟยมาเป็นตัวประกันเพื่อใช้ข่มขู่ตน ตอนนี้เห็นว่าตัวเองจะถูกฆ่าจึงใช้ซูเฟยเฟยมาเป็นเกราะกันกระสุน
“ฮ่าๆๆๆ เย่เทียนเฉิน แกดูผู้หญิงของแกตายไปซะเถอะ…”
ตู้ม!
คำพูดของหลีซิ่นยังไม่ทันจบ เบื้องหน้าของเขาก็เกิดเสียงดังสนั่นอันน่าตกใจ เขามองไปด้านหน้าด้วยความหวาดกลัว พบว่าเย่เทียนเฉินปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าเขาในเวลาเพียงชั่วพริบตา ยิ่งไปกว่านั้นยังจับบอลไฟฟ้านั้นเอาไว้ ทำให้บอลสายฟ้าระเบิดอยู่ในมือของเย่เทียนเฉิน หากไม่ไช่ว่ากายเนื้อของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่ง เกรงว่าแขนขวาทั้งหมดคงถูกระเบิดเป็นจุลไปแล้ว แม้จะเป็นเช่นนี้ มือขวาของเขาก็ยังมีเลือดไหลออกมา
บอลสายไฟเล็กๆ ลูกนั้นดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ มีความร้ายกาจเป็นอย่างมาก นี่นับเป็นการพัฒนาเคล็ดวิชาพลังพิเศษของเย่เทียนเฉินอีกด้านหนึ่ง เป็นวิชาการบีบอัดพลังแขนงหนึ่ง เหมือนกับการทำให้ภูเขาไท่ซานย่อขนาดลงจนเล็กเท่าเม็ดถั่ว หากนำไปใช้กับศัตรู เมื่อปะทะกับศัตรูโดยตรงก็จะมีพลังนับสิบล้านชั่ง ลูกบอลสายฟ้าเล็กๆ นี้เป็นการนำพลังสายฟ้าอันแข็งแกร่งมาอัดแน่นอยู่บนนิ้วชี้ขวา เมื่อระเบิดขึ้นมาจะทำให้ภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งแหลกเป็นผงได้เลยทีเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษย์คนหนึ่งเลย
เพื่อช่วยซูเฟยเฟย เย่เทียนเฉินจึงรีดเร้นเคล็ดวิชาเทพท่องจนถึงขีดสุด ทะยานตัวไปขวางอยู่เบื้องหน้าซูเฟยเฟยโดยไม่เหลือภาพติดตาอยู่ที่เดิมแม้แต่น้อย ถ้าหากซูเฟยเฟยถูกลูกบอลสายฟ้านี้เข้า เกรงว่าคงไม่มีแม้แต่โอกาสจะรักษา
“แก…อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา…” เมื่อหลีซิ่นได้สติกลับมาพลันต้องตกใจ รีบใช้มือบีบคอซูเฟยเฟยไว้ ลากเธอถอยไปด้านหลังไม่หยุด ดูเหมือนทุกคนจะเห็นว่ากางเกงของหลีซิ่นเปียกชื้น นั่นไม่ใช่เหงื่อของเขา แต่เขาถูกเย่เทียนเฉินทำให้ตกใจกลัวจนฉี่ราด
“ปล่อยเธอซะ แล้วแกจะได้ตายเร็วสักหน่อย” เย่เทียนเฉินมองไปยังหลีซิ่นแล้วพูดอย่างเย็นชา
“อย่าเข้ามา ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอจริงๆ ด้วย เย่เทียนเฉิน แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร? ถ้าแกฆ่าฉัน ตระกูลเย่ทั้งหมดของแกต้องตายเพื่อนฉันแน่” หลีซิ่นตกใจ จับตัวซูเฟยเฟยพลางถอยหลังไปยังประตูใหญ่ของบ้านเดิมตระกูลเย่
“จะฆ่าแก ฉันคนเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ตระกูลเย่ทั้งตระกูล” เย่เทียนเฉินแย้มยิ้มอย่างเรียบเฉย เดินเข้าหาหลีซิ่น
ตอนนี้เอง ทุกคนในงานต่างตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ด้วย ต้องการฆ่าหลีซิ่นจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำตัวเป็นหญ้าบนกำแพงที่ลู่ไหวไปตามลมพวกนั้น และคนที่เดิมทีมองตระกูลเย่ไม่ดี มางานเพื่อดูเรื่องน่าขัน ต่างก็ต้องตื่นตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก ในสมองของเขาปรากฏความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ทางที่ดีอย่าได้ล่วงเกินเย่เทียนเฉิน สานสัมพันธ์กับตระกูลเย่ให้ดีถึงจะเป็นตัวเลือกที่ฉลาดที่สุด
“ฆ่าฉันงั้นเหรอ? คนที่กล้าฆ่าฉันยังไม่เกิดมาบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ…ฉัน…อั่ก…”
เสียงร้องดังขึ้น หลีซิ่นทรุดลงกับพื้น เย่เทียนเฉินเห็นว่าซูเฟยเฟยจะล้มจึงรีบดึงเธอมากอดไว้ เขาไม่ได้ลงมือสังหารหลีซิ่น แต่ในตอนที่หลีซิ่นถอยหลังไปถึงประตูบ้านเดิมตระกูลเย่ ด้านหลังของเขากลับมีผู้หญิงในชุดกี่เพ้าปักลายมังกรสีแดงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นแล้วใช้ไม้กระบองฟาดลงไป ทำให้หลีซิ่นสลบ
เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง ดึงซูเฟยเฟยมากอดไว้ หันออกมาพูดกับทุกคนในงานด้วยรอยยิ้มว่า “การแสดงของผมจบแล้ว ทุกคนที่เต็มใจอยู่ต่อก็อวยพรให้ปู่ของผมต่อไป ตระกูลเย่ของผมยินดีต้อนรับแน่นอน ส่วนคนที่ไม่เต็มใจอยู่ต่อก็ไปได้เลย ไม่ส่ง!”
พูดจบเย่เทียนเฉินก็ทำเพียงยิ้มให้ผู้หญิงสวมชุดกี่เพ้าปักลายมังกรสีแดงคนนั้น จากนั้นจึงอุ้มซูเฟยเฟยจากไป เดินเข้าไปในบ้านเดิมตระกูลเย่ ไม่ได้ปลุกซูเฟยเฟยให้ได้สติกลับมาต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ส่วนเรื่องใหญ่ที่หลีซิ่นเพิ่งก่อ จะมากจะน้อยก็ยังมีผลกระทบอยู่บ้าง ดังนั้นถ้าเขาไม่พูดอะไรทิ้งท้ายเกรงว่าจะถูกคนอื่นห้อมล้อมแน่นอน
ไม่นานเย่หย่วนซานก็ให้คนรับใช้ของตระกูลเย่หามสี่พี่น้องปีศาจสีเงินและหลีซิ่นออกไปจากบ้านเดิมตระกูลเย่ เก็บกวาดพื้นที่แล้วฉลองงานวันเกิดอายุครบ 75 ปีของตนต่อไป นี่คือลักษณะของคนใหญ่คนโต ไม่ว่าเจอเรื่องอะไรก็จะไม่ตื่นตกใจเกินไป ต่อให้ก่อนหน้านี้เพิ่งมีภูเขาถล่มพื้นดินแยก ไม่ทันไรก็สามารถพูดคุยแย้มยิ้มกันได้ต่อไป นี่เป็นลักษณะของคนที่สามารถทำการใหญ่ได้สำเร็จ
สิ่งที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ เดิมทีหลายคนคิดว่าเย่เทียนเฉินล่วงเกินหลีซิ่น จะต้องมีจุดจบที่ความตายแน่นอน หลีซิ่นพาสี่พี่น้องปีศาจสีเงินมาก่อเรื่อง หลังจากถูกเย่เทียนเฉินสังหาร หลายคนคงหวาดกลัวว่าจะมีเรื่องมาถึงตนจึงรีบจากไป แต่กลับตรงกันข้าม ไม่เพียงแต่ตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่จำนวนหนึ่งที่มองเย่เทียนเฉินในแง่ดี กระทั่งคนที่ดูถูกอำนาจของตระกูลเย่ก็ยังอยู่ต่อ ยิ่งไปกว่านั้นยังตีสนิทกับตระกูลเย่คนอื่นอย่างเต็มที่ สร้างรากฐานความสัมพันธ์ให้ดี ดูท่าทางนิสัยที่ทำตามหลักการของตนโดยไม่สนใจใครของเย่เทียนเฉินจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกคล้อยตาม
ตอนนี้เย่หย่วนซานกำลังพูดคุยอยู่กับผู้อาวุโสที่มีอายุไม่ต่างจากเขากลุ่มหนึ่ง ในหมู่คนที่มารวมตัวกันเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยก้าวผ่านอุปสรรคเมื่อปีนั้นมาแล้ว นับได้ว่าเป็นบุคคลโด่งดังในประเทศจีน พวกเขากลุ่มนี้มารวมตัวกันนับว่ามีเหตุผล
“คุณเย่ เย่เทียนเฉินหลานของคุณร้ายกาจจริงๆ!”
“ใช่แล้ว มีวีรบุรุษเกิดในคนหนุ่มแล้วสินะ!”
“กล้าทำกล้ารับ นับว่ามีความกล้าจริงๆ”
“ไม่รู้ว่าจัดการเรื่องการแต่งงานมันหมายให้หลานชายหรือยัง?”
เย่หย่วนซานได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็รู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ เรียกได้ว่าตระกูลเย่ของตนมีลูกหลานที่สามารถค้ำจุนสถานการณ์ของตระกูลไว้ได้แล้ว คิดดูแล้ว ตนก็เป็นคนที่ขาข้างหนึ่งอยู่ในโลงศพ ความหวังเพียงอย่างเดียวก็คือไม่อยากเห็นตระกูลเย่ตกต่ำต่อไปจนกระทั่งถูกกลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลใหญ่อื่นๆ ทำลาย มิฉะนั้นเย่หย่วนซานจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษได้อย่างไร รอมา 20 ปี ในที่สุดก็มีเย่เทียนเฉินผู้เป็นหลานคนนี้โผล่ออกมา มิฉะนั้นตระกูลเย่จะครึกครื้นแบบนี้ที่ไหนกัน คนใหญ่คนโตของตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่อื่นๆ พวกนี้จะชื่นชมและเข้ามาสานสัมพันธ์แบบนี้ที่ไหนกัน? ไม่ต้องแม้แต่จะคิดเลย แต่ไม่ได้จะบอกว่าถ้าไม่มีเย่เทียนเฉิน คนระดับผู้อาวุโสเหล่านี้จะไม่ไปมาหาสู่กับตระกูลเย่ จะอย่างไรเย่หย่วนซานก็เป็นคนที่เคยมีตำแหน่งมาก่อน เพียงแต่คงไม่ใส่ใจเท่าวันนี้
ขณะเดียวกันเย่เทียนเฉินก็อุ้มซูเฟยเฟยเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ซูเฟยเฟยถูกหลีซิ่นตีจนสลบ เขาย่อมต้องปลุกให้ซูเฟยเฟยได้สติ ส่วนสาวงามที่สวมกี่เพ้าปักลายมังกรสีแดงที่ตามหลังเขามาตลอดคนนั้นเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องที่ต้องทำในตอนนี้ก็คือทำให้ซูเฟยเฟยตื่นขึ้นมาก่อนแล้วดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บหรือไม่
เย่เทียนเฉินวางซูเฟยเฟยลงบนเก้าอี้เบาๆ ใช้มือขวาวางประทับลงที่แผ่นหลังของซูเฟยเฟย พลังพิเศษสายหนึ่งแผ่เข้าไปอย่างเชื่องช้า ต้องการปลุกให้ซูเฟยเฟยตื่น
“ความสามารถของนายไม่เลวเลย แข็งแกร่งดี แต่ตอนนี้แม้แต่คำขอบคุณสักคำก็จะไม่พูดกับฉันหน่อยเหรอ?” ตอนนี้เอง ในที่สุดสาวงามที่สวนกี่เพ้าปักลายมังกรสีแดงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงดาว
เย่เทียนเฉินเงยหน้าขึ้น มองสาวงามคนนี้แล้วส่ายหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม “ฟ่านรั่วเซวียน คุณหนูฟ่าน พวกเราเจอกันที่ประตูของตระกูลเย่เเล้ว ฉันรู้จุดประสงค์ที่เธอมาที่นี่ แต่สิ่งที่ฉันอยากจะบอกเธอก็คือ ฉันคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ปกติพอขึ้นเตียงกับผู้หญิงแล้ว โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ แบบเธอแล้วก็จะหนีไป ถ้าเข้าใกล้ฉันจะต้องกลัวสักหน่อย!”
ที่แท้ในตอนที่เย่หย่วนซานผู้เป็นปู่เรียกตนมาพบฟ่านชิงอวี่ เย่เทียนเฉินก็เห็นฟ่านรั่วเซวียนแล้ว และคาดเดาฐานะของเธอได้แล้ว คิดไม่ถึงว่าสาวงามสวมชุดกี่เพ้าปักลายมังกรที่ชนกันหน้าประตูบ้านตระกูลเย่จะเป็นฟ่านรั่วเซวียน และดูจากการที่ฟ่านรั่วเซวียนมาที่นี่ผนวกกับการแสดงออกทั้งหมดของเธอ ต่อให้เย่เทียนเฉินจะเป็นคนโง่แค่ไหนก็เดาได้ว่าจะต้องมาเพื่อแก้แค้นเรื่องที่ตนบอกว่าเธอเป็นหญิงอัปลักษณ์ก่อนหน้านี้แน่นอน ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมฟ่านรั่วเซวียนถึงช่วยซูเฟยเฟยนั้นก็ไม่อาจรู้ได้!