เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 101-102
ตอนที่ 101 สองเมือง
ช่วงบ่าย
หลินหยางกำลังนั่งฟังรายงานในช่วงที่อยู่ไม่อยู่สองวันจากเทียนหนิงเจี้ยน
“นาย x กับ นางสาว x พวกเขากำลังคบหากันอยู่” เทียนหนิงเจี้ยนจดรายงานการเปลี่ยนแปลงภายในเมืองทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่เรื่องระหว่างชายหญิง
ตอนนี้เมืองของเขามีชายชาตรีกว่าสองร้อยคน ส่วนสตรีมีเกือบร้อยคนหากนับเป็นคู่มันจึงมิลงตัวกันเหล่าชายชาติทหารเหล่านี้จึงทำอย่างเต็มที่เพื่อพิชิตใจหญิงสาวที่ตนเองหมายปอง เช่นบางครั้งการฝึกฟันดาบ พวกเขามักถอดเสื้อโชว์กล้ามเนื้อเป็นมัดเพื่อข่มคู่แข่งคนอื่นที่หมายปองสตรีคนเดียวกัน ถึงแม้อากาศมันจะหนาวมากก็เถิด
แต่เนื่องจากเวลาฝึกซ้อมที่ต่างกันของชายหญิงพวกเขาจึงมิได้พบปะกันมากนัก พวกเขาจะมีเวลาพบปะพูดคุยกันช่วงเช้า พักกลางวัน และตอนเย็นขึ้นไปเท่านั้น หลินหยางเมื่อเห็นพวกมันหมกมุ่นอยู่แต่กับเหล่าสตรีเขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“เมื่อวานใกล้กับเมืองของคนแคระมีการต่อสู้กันระหว่างสองเมือง” เทียนหนิงเจี้ยนรายงานผลเรื่องราวต่างๆ
‘หืม’ หลินหยางเมื่อได้ฟังก็ขมวดคิ้ว เพราะแถบเมืองของคนแคระล้วนเป็นเมืองที่พึ่งมาใหม่กันทั้งสิ้นพวกมันพึ่งมายังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์กลับรบราฆ่าฟันกันเสียแล้วดูท่าในหมู่เมืองใหม่เหล่านี้คงจะมีคนที่บ้าสงครามอยู่เป็นแน่
“ผลการต่อสู้เป็นยังไง” หลินหยางกล่าวถามด้วยความสนใจ
“เมืองที่สู้รบกันคือเมืองมนุษย์เช่นกัน พวกเขารบกันมาสองวันแล้วครับ” เทียนหนิงเจี้ยนกล่าว
หลินหยางพยักหน้า เขาสนใจการต่อสู้ระหว่างสองเมืองนี้ไม่น้อยจึงตัดสินใจนำคนเพื่อไปสอดแนมดู
ณ เมืองแห่งนี้ไกลจากเมืองหลินหยางราวสิบกิโล
เคร้ง~ อ้ากก~
เมื่อเข้าใกล้พวกเขาจึงเห็นการสู้รบที่รุนแรงระหว่างเมืองทั้งสอง เมืองพวกมันอยู่ห่างกันไม่ถึงสามร้อยเมตร เมื่อมีผู้บาดเจ็บพวกมันก็หามส่งกลับเข้าเมืองของตน
ผู้นำของฝ่ายนึงเป็นชายรูปร่างสูงกว่าสองเมตรใบหน้าเจ้าเล่ห์ร่างกายผอมแห้งติดกระดูก หากลมพัดแรงๆมันคงจะปลิวไปกับสายลม
แต่เมื่อเห็นผู้นำของอีกฝ่ายหลินหยางก็อดรู้สึกแปลกใจมิได้ เพราะผู้นำอีกเมืองเป็นผู้หญิงอายุราวสามสิบปีรูปร่างสมส่วนมิเตี้ยมิสูงเหมาะสมตามวัย
พลเมืองทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด จากที่เทียนหนิงเจี้ยนกล่าวพวกมันสู้รบกันมากว่าสองวันแล้วแต่ยังไม่มีใครมีชัยเหนือกว่า
เพราะพวกมันสองฝ่ายมีกำลังพลเท่ากันคือห้าสิบคน แถมยังพึ่งมาใหม่กันทั้งสองฝ่ายจึงมิมีใครมีระดับสูงกว่าระดับหนึ่งเลย ทั้งสองเมืองต่างทำการต้านทานป้องกันเพียงเท่านั้นอาจเป็นเพราะมิเคยจับดาบต่อสู้กันมาก่อน
เมื่อตกเย็นพวกมันคล้ายกับสงบศึกกลับเมืองกันทั้งสองฝ่ายมิได้ออกมาสู้รบกันต่อ ฟังจากเทียนหนิงเจี้ยนทั้งสองเมืองเป็นแบบนี้มาได้สองวันแล้วเมื่อตกเย็นก็กลับสู่เมืองของตน
รุ่งเช้าก็ออกมาสู้รบกันอีกแม้จะสู้กันรุนแรงกลับมีผู้เสียชีวิตยังไม่ถึงห้าคนเสียด้วยซ้ำ พวกมันสู้รบเพราะสาเหตุใดมิทราบ
หลินหยางเมื่อเห็นการต่อสู้ที่ดูจะยืดเยื้อต่อไป เขาจึงเลิกให้ความสนใจไปเสีย เดินทางแวะไปที่เมืองของคนแคระ
ณ เมืองคนแคระ
“ช่วยซ่อมให้หน่อยนะ” หลินหยางกล่าวกับลู่คงพลางให้คนนำอาวุธวางกองเป็นภูเขาลูกย่อมๆตรงหน้า อาวุธพวกนี้ล้วนแต่นำมาจากเมืองของฉือเฉียวที่พวกมันเก็บรวบรวมไว้แต่ส่วนใหญ่ล้วนแต่ขึ้นสนิม บางชิ้นแตกหักเสียหายเนื่องจากมิได้ใช้งาน
“ได้เลย” ลู่คงและเหล่าคนแคระมองกองภูเขาอาวุธตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย หากมีอาวุธมากขนาดนี้สิ่งของแลกเปลี่ยนเพื่อซ่อมแซมย่อมต้องมากตามไปด้วยนั่นคือ สุรา!
ตอนที่ 102 พลเมือง
ผ่านไปสองอาทิตย์ ตอนนี้ล่วงเลยเข้าสู่เดือนที่เจ็ดแล้วตั้งแต่พวกเขาผ่านหลังประตูมาโผล่ที่สวรรค์แห่งนี้
หลินหยางมิได้อยู่นิ่งเฉยทุกๆวันเขาส่งทีมสำรวจออกไปตรวจสอบพื้นที่รอบๆไม่ลดละ เพื่อหาแหล่งอาหารเพิ่มเติม ตอนนี้เขาสำรวจไปได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว
โดยหลินหยางเองเป็นผู้นำทีมสำรวจทุกครา บางครั้งเขาเจอแหล่งอาหาร แหล่งน้ำเป็นครั้งคราวแต่สถานที่พวกนี้มีเมืองอื่นจับจองไปก่อนหน้าแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นเขารู้สึกเสียดายไม่น้อยที่เจอช้ากว่าพวกมัน
เมื่อถึงระยะห้าสิบกิโลเมตรพวกเขาก็กลับเมือง แม้จะเจอแหล่งอาหารนอกเหนือจากห้าสิบกิโลเมตรนี้พวกเขาก็ยึดครองไม่ได้อยู่ดีเนื่องจากมันไกลห่างจากเมืองของเขาเกินไป หลินหยางจึงมิได้สำรวจนอกเขตที่กำหนด
ณ เมืองหลินหยาง
บัดนี้กำแพงเมืองสร้างเสร็จหมดแล้ว ส่วนทีมก่อสร้างกำลังสร้างบ้านเรือนอยู่โดยเป็นบ้านพักแบบง่ายๆที่พอกันลมกันฝนได้เท่านั้น บ้านหนึ่งหลังจุคนได้สิบคนแบ่งแยกชายหญิง ตอนนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าหนึ่งเดือนคงจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเพราะจำนวนคนที่มากขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า
ทีมก่อสร้างคือทีมที่มีสมาชิกทีมมากที่สุดในเมืองของหลินหยาาง พวกเขามีสมาชิกกว่าเก้าสิบเอ็ดคน! เพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกสี่สิบคน โดยมีสมาชิกดั้งเดิมสิบหกคน สมาชิกจากเมืองหวงฮั่นสามสิบห้าคน และจากเมืองของฉือเฉียวอีกสี่สิบคน
ทีมระยะใกล้มีสมาชิกทั้งสิ้นห้าสิบเอ็ดคน เพิ่มขึ้นมาจากเดิมสามสิบคน โดยมีสมาชิกดั้งเดิมสิบเอ็ดคน สมาชิกที่เป็นมนุษย์หมาป่ารุ่นเก่าสิบคน ที่เหลือคือสมาชิกจากเมืองฉือเฉียวสามสิบคน พวกเขาเมื่อได้รับการรักษาฤทธิ์สุราพิษจากเถียนเหยาแล้วจึงเข้าร่วมกับทีมระยะใกล้ตามคำสั่งของหลินหยาง
ทีมระยะไกลมีสมาชิกทั้งหมดยี่สิบสี่คนซึ่งถือว่าเป็นทีมที่มีสมาชิกน้อยที่สุด มีคนจากเมืองฉือเฉียวสิบสี่คน จากเดิมสมาชิกเก่ามีสิบเอ็ดคนโดยมีมนุษย์เก้าคนและมนุษย์หมาป่าสาวสองตนมีเหมยเหมยเป็นหัวหน้าทีม โดยหลินหยางแต่งตั้งซู่ฟางเป็นรองหัวหน้าทีมแห่งนี้เพราะความสามารถของเธอที่เกือบลอบสังหารหลินหยางได้สำเร็จนั่นเอง พวกเธอล้วนเป็นผู้หญิงทุกคน
ทีมจู่โจมนั้นสมาชิกยังคงเท่าเดิมนั่นคือยี่สิบเจ็ดตน พวกเขาเป็นกลุ่มมนุษย์หมาป่ารุ่นใหม่ที่ศรัทธาในตัวหลินหยาง
ส่วนทีมรักษานั้นมีสมาชิกเพียงคนเดียวนั่นคือหรงเถียนเหยา หลินหยางแม้ต้องการทักษะรักษาแต่ก็มิสามารถหาเพิ่มได้เมื่อไถ่ถามแก่คนของฉือเฉียวพวกเขาล้วนมิทราบว่าทักษะดังกล่าวมาจากมอนสเตอร์ตัวใด เพราะฉือเฉียวมันยึดมาจากเมืองอื่นเช่นกัน หากหลินหยางทราบแหล่งที่มาเขาคงรวบรวมกำลังพลไปกวาดล้างบางมอนสเตอร์ตัวนั้นเป็นแน่
ที่เหลือล้วนเป็นเด็กและคนชราที่ไม่สามารถสู้รบจึงมิได้เข้าร่วมทีมใดๆ พวกเขามีจำนวนมากกว่าร้อยยี่สิบคนเสียอีก ถึงแม้พวกเขามิได้ออกไปเสี่ยงชีวิตใดๆหลินหยางก็มิได้ให้พวกเขาอยู่เฉย มอบหมายงานเล็กๆน้อยๆให้พวกเขาช่วยเหลือทีมก่อสร้าง
ใครที่พอมีกำลังเหลือช่วยกันแบกหามท่อนไม้สร้างบ้าน ส่วนเด็กและคนชราที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งล้วนทำงานเล็กน้อย ปักเย็บ ทำลูกธนู ทำอาหาร ทำความสะอาดภายในเมือง แม้พวกเขามิค่อยทำประโยชน์อันใดมากนักแต่หลินหยางก็ไม่สามารถละทิ้งชีวิตพวกเขาได้ เนื่องจากเมื่อเห็นคนชราเหล่านี้เขามักนึกถึงตาและยายของเขา หลินหยางจึงดูแลพวกเขาให้ความเคารพตามความอวุโส