เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 121-122
ตอนที่ 121 อวสานถ้ำมด
เมื่อตั้งขบวนทัพใหม่โดยมีพลโล่สามคนดังเดิม และเพิ่มคนอีกสามคนประชิดตัวพลโล่ออกแรงค้ำร่างพวกเขาช่วยอีกแรงป้องกันการโจมตีระเบิดเมื่อครู่
หลินหยางสั่งการเดินทัพเข้าประชิดดันกำลังกับพวกมันอีกครา
กี๊สส~~
บรึมม!
ตามคาดเมื่อมดไฟระดับสี่เข้าประชิดโล่กำบังร่างกายของมันระเบิดออกแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย รวมถึงพักพวกบริเวณโดยรอบที่โดนลูกหลงจากการโจมตีของมันตกตายตามกันไป
แต่ครานี้พลโล่มิได้รับแรงกระแทกจนเสียขบวนดังคราแรก เพราะมีคนมาเสริมกำลังต้านทานแรงกระแทกเอาไว้
แต่ร่างกายพวกเขาทั้งหกก็ได้รับความเสียหายอยู่ดีแม้จะไม่ถูกแรงระเบิดจนถอยหลัง แต่ก็แรกมาด้วยอาการบาดเจ็บจากการปะทะ เมื่อมดไฟระดับสี่ระเบิดร่างของตน หลินหยางจึงสลับเปลี่ยนตัวพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ หลินหยางที่คอยสังเกตุดูพวกมันพบว่าบางตัวแม้จะถูกอัดจนแบนติดกับโล่กำบังร่างกายพวกมันก็มิได้ระเบิดออกแต่อย่างใด
เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงอดสงสัยมิได้ หากเป็นทักษะเหตุใดมิระเบิดพร้อมกัน หากพวกมันซักสิบตัวเข้าประชิดและระเบิดพลีชีพพร้อมเพรียงกันแน่นอนว่าโล่กำบังคงไม่เอาไม่อยู่แน่
ฉึบบ!
ฉึกก!
ในที่สุดมดไฟตัวสุดท้ายก็ตกตายลง การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว! นับว่าเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานเลยทีเดียวสำหรับรังมดแห่งนี้ พวกเขาคร่าชีวิตมดไฟไปไม่ต่ำกว่าสองพันตัว
‘เฮ้อ’ หลินหยางทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยหอบหมดแรง เพียงวันเดียวเขาใช้ทักษะสบั้นพสุธาไปกว่าสิบครั้งเขาฝืนตนเองเข้าต่อสู้อย่างมิหยุดหย่อนมิสามารถแสดงความอ่อนแอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นได้ เพราะตัวเขาคือผู้นำการสู้รบหากคนของเขามองเห็นผู้นำอ่อนล้าหมดแรงพวกเขาย่อมหมดกำลังใจจะสู้ต่อ
ครานี้จึงนับว่าหนักหนาสาหัสยิ่งนัก มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่าห้าสิบคน มากกว่าครึ่งนึงของขบวนทัพนี้เสียอีกแต่โชคดีที่มิมีผู้เสียชีวิต และมิได้บาดเจ็บร้ายแรงเมื่อพวกเขากลับไปถึงเมืองก็จะได้รับการรักษาจาหน่วยแพทย์หรงเถียนเหยานั่นเอง
บัดนี้ทุกผู้คนภายในถ้ำนั่งหอบอยู่กับพื้น บ้างนั่งพิงผนังหายใจเหน็ดเหนื่อย ในการบุกรังมดครั้งที่สองนี้หลินหยางมิได้ให้เทียนหนิงเจี้ยนอยู่แนวหน้า เนื่องจากพวกมดมีการวางแผนการรบเขาจึงมิวางใจ จึงให้มันเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือดูแลผู้บาดเจ็บ เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดมันออกมาภายนอกถ้ำนำอาหาร และน้ำ เดินแจกจ่ายให้เหล่าชายชาตรีที่ต่อสู้อย่างเหน็ดเหนื่อยไร้เรี่ยวแรง
หลินหยางเมื่อพละกำลังฟื้นฟูมาเล็กน้อยเขาจึงลุกเดินตรวจซากมดที่เกลื่อนกลาดทั่วบริเวณ รวบรวมเหรียญเงินได้กว่าเจ็ดร้อยเหรียญ และหนังสือทักษะอีกร่วมสิบเล่ม นับว่าการต่อสู้ครานี้คุ้มค่ายิ่งนัก รวมแล้วพวกเขาได้เหรียญเงินมากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยเหรียญ และหนังสือทักษะอีกยี่สิบเอ็ดเล่ม!!
“ฮ่าๆ” หลินหยางหัวเราะมองหนังสือทักษะและเงินที่กองรวมกันเขาตื่นเต้นยินดีราวกับได้รับเงินเดือนหลังจากทำงานมาอย่างเหน็ดเหนื่อย
กีกี๊~
ทันใดนั้นเองมีเสียงดังออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ หลินหยางเปลี่ยนสีหน้าทันทีเพราะเสียงนี้เขาจำมันได้มันคือเสียงที่ออกคำสั่งวางแผนรวมถึงให้สัญญาณที่โจมตีตอบโต้พวกเขานั่นเอง
ตอนที่ 122 ทางโค้ง
“เสียงอะไรน่ะ” ฝูงคนที่กำลังทรุดนั่งพักผ่อนกันอย่างเหน็ดเหนื่อยหมดแรง เมื่อได้ยินเสียงมดไฟพวกเขาตื่นตระหนกทันที เพราะเกรงว่าการต่อสู้จะยังมิสิ้นสุด
“เฝ้าระวังเอาไว้” หลินหยางหันไปกล่าวแก่จิ่นเหอ หลิวไห่ และเจียวซิ่นให้พวกเขาเฝ้าระวังบริเวณรอบๆ รวมถึงปากถ้ำเช่นกัน
หลินหยางเมื่อจัดวางเวรยามเสร็จสิ้น เขาถือคบเพลิงเดินลึกเข้าไปตามหาต้นตอของเสียง เขามิต้องการนำคนติดตามไปด้วยเพราะหากเจอกับกองทัพมดไฟอีกคราเขาคนเดียวที่มีสถานะความเร็วมากกว่าคนปกติถึงสองเท่าย่อมสามารถวิ่งหนีเอาตัวรอดได้ แต่หากมีคนติดตามไปเป็นจำนวนมากการจะเคลื่อนขบวนทัพในพื้นที่ที่คับแคบเช่นนี้ย่อมเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงยิ่งนัก
ตอนนี้เข้าเดินลึกเข้ามาจนมองมิเห็นกลุ่มคนของเขาแล้ว เส้นทางภายในถ้ำมืดมิดมิสามารถมองเห็นในระยะที่ไกลได้ แม้จะมีคบเพลิงภายในมือก็ทำให้มองเห็นเพียงระยะห้าเมตรรอบบริเวณเท่านั้น หากเขามิได้จุดคบเพลิงการมองเห็นของเขาจะสั้นเพียงระยะหนึ่งเมตรเท่านั้น
เมื่อเดินลึกเข้ามาเสียงที่ส่งออกมากลับเงียบหายไป
หลินหยางมิสนใจมุ่งหน้าเดินต่อ แม้จะเดินทางเข้ามาท่ามกลางความมืดเพียงผู้เดียวจะทำให้บรรยากาศน่าขนลุก และสั่นกลัว
แต่เขาก็อดกลั้นความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นที่มากจากสัญชาตญานดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้มิได้ เขาอยากเห็นเจ้าตัวที่บงการวางแผนการรบแก่เหล่าไฟเหล่านี้ เพราะครานึงพวกมันสามารถบุกฝ่าแนวป้องกันของเขาและทำให้คนของเขาบาดเจ็บไปไม่น้อย
มิทราบเขาเดินห่างจากปากถ้ำมาไกลแค่ไหนแล้ว เขารู้สึกว่าผนังถ้ำทั้งสองฟากฝั่งมันขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากปากถ้ำที่ใกล้ชิดติดกันเพียงสองเมตร เมื่อเขาลองตรวจสอบ ปรากฏว่าผนังถ้ำที่สองฝั่งตรงจุดนี้ห่างกันกว่าสี่เมตร แสดงว่ามิใช่เขาที่คิดไปเอง ยิ่งเดินเข้ามาลึกเท่าใดเส้นทางตรงหน้ายิ่งกว้างออกเรื่อยๆ
เมื่อมุ่งหน้าต่อได้ไม่นาน จู่ๆเส้นทางที่มืดมิดภายในถ้ำบัดนี้ตรงทางโค้งข้างหน้ามันมีแสงสีแดงส่องกระทบผนังถ้ำ พร้อมกับอุณหภูมิที่ค่อยๆอุ่นขึ้นทีละน้อยกระทบกับผิวหนังของเขา
‘คงมิใช่ฝูงมดไฟระลอกใหม่หรอกนะ’ หลินหยางขมวดคิ้วทันที เมื่อคิดได้เช่นนั้นความเคร่งเครียดถาโถมเข้าใส่เขาทันที เพราะดูจากตรงนี้แสงสีแดงที่สาดส่องกระทบผนังถ้ำมันเข้มเสียกว่ามดไฟระดับสี่ร้อยตัวที่รวมตัวกันเสียอีก หากเป็นเช่นนี้แสดงว่าตรงหน้าของเขามีมดไฟระดับสี่มากกว่าสองร้อยตัว! รวมถึงเส้นทางที่กว้างขวางกว่าเดิมหากพวกมันกรูกันออกมาคงไม่ต่างจากคลื่นทะเลที่ถาโถมเข้าใส่เป็นแน่
กีกี๊~
หลินหยางที่ยืนหยุดนิ่งครุ่นคิดอยู่ ได้ยินเสียงดังส่งออกมาจากเส้นทางตรงหน้าปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ทันที ฟังจากเสียงที่ส่งออกมาแม้จะก้องกังวาลไปทั่วภายในถ้ำ แต่คล้ายกับว่ามันเป็นเสียงที่ส่งออกมาจากมดเพียงตัวเดียวเท่านั้น
‘เอาเถอะ’ หลินหยางตัดสินใจไปดูภายใน หากมันเป็นฝูงมดจริงเขายังสามารถถอยหนีได้ และถ้ามันมีมากกว่าคราแรกจริงย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีเพราะมันไม่ต่างจากขุมทรัพย์ที่รอให้พวกเขามาเก็บเกี่ยว
เขาค่อยๆเดินเข้าไปอย่างช้าๆระวังทุกย่างก้าวมิให้เกิดเสียง เมื่อเข้าใกล้ทางโค้งของถ้ำกลับมีเรื่องน่าแปลกใจเพราะอุณหภูมิไม่ได้สูงขึ้นดังที่ควรเป็น เขาเพียงรู้สึกถึงความอบอุ่นเท่านั้นมิได้ร้อนแรงจนแสบผิวหนัง
เมื่อถึงทางโค้งหลินหยางแอบอยู่ข้างผนังถ้ำ พลางกลั้นหายใจชะโงกหัวออกไปดูต้นตอที่ปล่อยความอบอุ่นออกมาเช่นนี้
เมื่อเห็นตัวของมัน
“…” หลินหยางแข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้าง