เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 143-144
ตอนที่ 143 กังวล
ช่วงเย็น
ตอนนี้ทีมจู่โจมที่ส่งออกไปยังมิได้กลับมา หลินหยางจึงเป็นกังวลไม่น้อย จากการบอกกล่าวของเทียนหนิงเจี้ยนเมืองแห่งนั้นอยู่ห่างจากเมืองของเขาเพียงยี่สิบกิโลเท่านั้น ทีมจู่โจมเดินทางตั้งแต่เช้าแต่ตอนนี้ตกเย็นแล้วพวกเขายังมิกลับ
หากเป็นมนุษย์ปกติไม่เกินช่วงบ่ายพวกเขาควรจะกลับมาเป็นที่เรียบร้อย แต่สำหรับทีมจู่โจมที่มุ่งเน้นสถานะไปที่ความรวดเร็ว การที่กลับมาช้าเช่นนี้ทำให้หลินหยางต้องเป็นกังวลไม่น้อยเกรงว่าจะเกิดเรื่องมิคาดคิดขึ้น
แต่กังวลไปก็ป่วยการ ยังมีมนุษย์หมาป่าที่เป็นประชากรดั้งเดิมของเมืองเจียวฮั่นอยู่ หากมีมนุษย์หมาป่าตนใดเสียชีวิตไปพวกเขาก็จะได้ยินเสียงเตือนขึ้นมาเอง แต่จนถึงบัดนี้ยังมิมีสิ่งใดเกิดขึ้น หลินหยางจึงคิดว่าพวกเขามิได้เจอะเจอกับปัญหาที่ร้ายแรงมากนัก
เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกระยะไกลแล้ว หลินหยางเดินทอดน่องภายในเมืองตรวจตราพลเมืองของเขา โดยมีเจ้าเขียวหนึ่ง สอง สาม … เจ็ด ทั้งเจ็ดตัวเดินตามต้อยๆ มิห่างกาย รวมถึงเหมยเหมยและเทียนหนิงเจี้ยนเช่นกัน..
เมื่อมาถึงคอกกินบริเวณกว้างแห่งหนึ่งมีชายคนนึงนั่งเฝ้าอยู่ เมื่อมันเห็นหลินหยางมันเร่งรีบออกมาต้อนรับ นี่คือที่ที่เจ้าเขียวทั้งเจ็ดฟักออกมานั่นเอง บัดนี้มิได้เป็นดังเดิมแล้ว มีไข่ขนาดเท่าฝ่ามือวางเรียงกันเป็นแถว วางอยู่บนหญ้าและใบใม้แห้งกว่าห้าร้อยฟอง
ภายในไข่เหล่านี้คือมดไฟตัวน้อยที่ยังมิได้ลืมตามาดูโลก ชายคนนี้คือผู้รับหน้าที่ฝักให้พวกมันเกิดออกมา เขาใช้วิธีเดียวกับการฟักไข่ไก่ซึ่งได้ผลดีไม่น้อยเนื่องจากผลลัพธุ์ก็คือเจ้าพวกที่เดินติดตามหลินหยางเป็นขบวน เจ้าเขียวหนึ่งถึงเจ็ดนั่นเอง
แต่สำหรับไข่มดแล้วมิทราบเหตุใดมันจึงยังมิฝักออกมาเป็นตัวเพราะจากวันนั้นจนปัจจุบันผ่านมาร่วมเดือนกว่าแล้ว ไข่มดทั้งห้าร้อยฟองยังมิมีแม้เพียงตัวเดียวที่ฟักออกมาจากไข่ที่ห้อหุ้มมันเลยแม้แต่ตัวเดียว
ชายผู้ได้รับมอบหมายทำการฟักพวกมันเขาจึงกดดันไม่น้อยเลยทีเดียว
หลินหยางเดินมองดูไข่ที่วางเรียงกันเป็นแถวพลางแตะต้องจับลูบเบาๆ เมื่อถึงไข่ฟองหนึ่งที่ใหญ่โตก็ไข่ฟองอื่นรอบกายมัน จึงสะดุดตาอย่างยิ่้งหลินหยางลูบมันอย่างเอ็นดูเพราะนี่คือไข่ที่พิเศษอย่างยิ่ง ภายในมันคือนางพญามดไฟ!
หลินหยางวางมือบนไข่นางพญามดชั่วครู่ก็รู้สึกถึงแรงกระทบเบาๆจากภายใน จึงทำให้หลินหยางยิ้มออกมาเพราะนี่คือสัญญาณของชีวิตเพื่อแสดงว่านางพญามดไฟภายในยังมิได้ตกตายไป รอเพียงวันที่มันจะฟักออกมาดูโลกที่กว้างใหญ่เท่านั้น
ท้องฟ้ามืดพระอาทิตย์ดับแสง
หลินหยางนั่งทานเนื้อปลาย่างสุกงอมส่งกลิ่นหอม แต่ใบหน้าเขาเคร่งเครียดหมวดคิ้ว ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใดความกังวลเขายิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
เพราะทีมจู่โจมที่มีความสามารถด้านความเร็วสูงที่สุดในกองกำลังของเขา ยังมิกลับมาจนถึงบัดนี้มิทราบเป็นตายร้ายดีอย่างไร เวลาตอนนี้ก็มืดค่ำแล้วจึงมิสามารถส่งกองกำลังออกไปตามพวกเขาได้
หลินหยางจึงตัดสินใจรอให้ผ่านพ้นวันนี้ หากพวกเขายังมิกลับมารุ่งเช้าเขาจะเป็นผู้นำทีมออกติดตามไปเอง
“%(*#@$” ทันใดนั้นเอง มีเสียงตะโกนโหวกเหวกเสียงมาจากทางเข้าเมือง
หลินหยางที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยตื่นจากภวังค์ทันที แต่เสียงที่ได้ยินนั้นมิใช่เสียงจากทีมจู่โจมของเขาแต่เป็นเสียงจากคนแปลกหน้า!
ตอนที่ 144 ฉางเปา
หลินหยางรีบลุกมุ่งตรงไปยังทางเข้าเมืองทันที
“เกิดอะไรขึ้น” เมื่อถึงจุดหมายหลินหยางกล่าวถามแก่เวรยามบนกำแพงทันที
“เห้ยเปิดประตูซะ” มีเสียงจากอีกฟากของกำแพงกล่าวแทรกขึ้นมาก่อนที่เวรยามจะได้ให้คำตอบแก่หลินหยาง
หลินหยางขมวดคิ้ว พลางเดินขึ้นไปบนกำแพงเมือง เขามิต้องการเปิดประตูเมืองสุ่มสี่สุ่มห้า
เมื่ออยู่บนกำแพงเมือง หลินหยางมองลงไปตรงหน้าประตูเมืองของเขา มีกลุ่มมนุษย์อยู่กลุ่มหนึ่งพวกมันมีกว่าสิบคน เป็นชายชาตรีแปดคน และ หญิงสาวสองคน พวกมันกลุ่มนี้มองมายังหลินหยางด้วยใบหน้าเฉยเมย
“พวกคุณเป็นใคร” หลินหยางกล่าวถาม
“เปิดประตูเมืองสิวะ” ชายคนหนึ่งกล่าว ร่างกายมันกำยำมีบาดแผลกากบาทอยู่ตรงแก้ม หน้าตาดุร้ายเลวทรามคล้ายกับอันธพาลก็มิปาน ดูท่ามันจะเป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้
“พวกคุณมีอะไร” หลินหยางกล่าวถามไปอีกครา
ตึงง~
ชายคนนั้นเมื่อเห็นท่าทีของหลินหยางที่มิสนใจคำพูดของมัน ใบหน้ามันแดงก่ำใช้เท้าเตะเข้าใส่ประตูเมืองอย่างแรง
หลินหยางเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเริ่มมีน้ำโห เพราะมันพึ่งเตะใส่ประตูเมืองที่ล้ำค่าของเขา!
ไม่นานหลินหยางก็สงบสติอารมณ์และใช้ทักษะตาเหยี่ยวตรวจสอบพวกมันเหล่านี้
ชื่อ ฉางเปา เผ่า มนุษย์ อาชีพ ผู้เริ่มต้น
ระดับ 11
สถานะ
พลัง 1.6
ป้องกัน 1.3
ความเร็ว 1.4 (0.3 เพิ่มขึ้น)
วิญญาณ 1
ทักษะ ศรวายุ ระดับ 3 2/10
ทักษะติดตัว ความเร็ว ระดับ 1 4/10
คำอธิบาย : มีความแข็งแรงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย
คนอื่นๆรอบๆตัวมันล้วนแต่มีระดับ 8-9 กันทั้งสิ้น และพวกมันเหล่านี้ล้วนมีทักษะกันทุกคนซึ่งทักษะนั้นก็คือ ศรวายุ ระดับ 2
มีเพียงฉางเปาที่เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้เท่านั้นที่มีทักษะติดตัว ความเร็ว และมีทักษะศรวายุระดับสาม ดูท่ามันจะใช้ค่าพิเศษจากการเพิ่มระดับสิบไปอัพทักษะดังกล่าว
หลินหยางแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นค่าสถานะของฉางเปาเพราะมันเพิ่มค่าสถานะทั้งสามอย่างเลยทีเดียว และทักษะติดตัว’ความเร็ว’ นี้ของมันดูท่าจะคล้ายคลึงกับทักษะราชสีห์คำรามของเขา เมื่อเพิ่มขั้นทักษะจะได้ค่าสถานะพิเศษเพิ่มขึ้น
เมื่อตรวจสอบพวกมันแล้วหลินหยางมองไปบริเวณผืนหญ้ารอบๆด้วยทักษะดวงตาเหยี่ยวจึงทำให้การมองเห็นของเขากว้างไกลขึ้นกว่าคนทั่วไป
เมื่อมองไปทั่วผืนหญ้ามิพบคนกลุ่มอื่นเขาจึงให้สัญญาณเพื่อเปิดประตูเมืองให้แก่พวกมันเหล่านี้ หลินหยางที่เห็นระดับของพวกมันแล้วเขาจึงมิได้หวาดเกรงอันใด เนื่องจากหากมันเป็นศัตรูคนของเขาก็สามารถรับมือมันได้อย่างแน่นอน
ครืนนน~~
ประตูเมืองขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งทำจากเหล็กที่ได้มาจากประตูที่หลินหยางและพวกออกมาเมื่อคราแรกมันจึงมีน้ำหนักมากทีเดียว ทีมก่อสร้างนำมันมาต่อกันเป็นประตูขนาดใหญ่สองบานติดตั้งเป็นประตูเมือง ตามปกติแล้วเมืองหลินหยางจะปิดประตูเมืองไว้ตลอดเวลา เปิดเฉพาะตอนที่ทีมอื่นจะออกไปข้างนอกเท่านั้น
“ฮ่าๆ” เมื่อฉางเปามันเห็นประตูเมืองเปิดอ้าต้อนรับมันและพวก มันจึงหัวเราะออกมาเสียงดังและสาวเท้าเดินเข้ามาภายในเมืองหลินหยางด้วยท่าทีอวดเบ่งคล้ายกับมาเฟียก็มิปาน
เสียงดังโหวกเหวกของฉางเปา ปลุกความอยากรู้อยากเห็นของพลเมืองส่งผลให้คนภายในเมืองหลินหยางบัดนี้ยืนออรวมกันมองไปยังฉางเปาและพวกเป็นตาเดียวคล้ายกับมองสัตว์ในสวนสัตว์ก็มิปาน…