เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 147-148
ตอนที่ 147 สงสาร
หลินหยางที่ฟังเรื่องราวจากปากเจ้าตัว เขาอดรู้สึกสงสารฉางเปาและพวกไม่น้อย หากเป็นเมืองของเขาแทนที่เมืองของฉางเปาคงมีสภาพไม่แตกต่างกันมากนัก
ดูท่าการต่อสู้แย่งชิงในผืนหญ้าที่ราบแห่งนี้มิได้ง่ายดายอย่างที่ตัวเขาคิดเลย เมื่อมีเมืองใหญ่เข้ามาคุกคามเป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องปกป้องเอาชีวิตแม้กระทั่งยอมตกเป็นเบี้ยล่าง
หากแข็งข้อขัดขืดก็คงมีสภาพอย่างฉางเปาตอนนี้ พวกมันเร่ร่อนพเนจรเสาะหาเมืองร้างที่ไร้ผู้คนเพื่อเข้าไปอยู่อาศัย
พวกมันทั้งสิบเดินทางกันมากว่าหนึ่งเดือนแล้วเมื่อเจอเมืองร้างมักแวะเข้าพักแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น เนื่องจากเมืองเหล่านี้ส่วนมากหากไม่มีมอนสเตอร์อาศัยอยู่ ก็ทรุดโทรมจนไม่สามารถพักอาศัยได้ จนกระทั่งมาพบเจอเมืองของหลินหยางนี่เองที่ใหญ่โตสะดุดตาและยังอยู่ในแถบเมืองมาใหม่อีกด้วย
ฉางเปาจึงพาพวกพ้องเข้ามาพักอาศัย หากหลินหยางและพวกมิยินยอมมันคงใช้กำลังเพื่อเข้ายึดเป็นแน่ เนื่องจากตัวมันคุยโม้โอ้อวดเกี่ยวกับระดับของตนเป็นการใหญ่ โดยหารู้ไม่คนที่พูดคุยกับมันอย่างนอบน้อมตรงหน้านั้นมีระดับยี่สิบ…
มองดูสภาพฉางเปาตอนนี้หากมันมิพ่นถ้อยคำหยาบคายเป็นกระพรวนออกมา หลินหยางอาจจะช่วยเหลือพวกมันซักหน่อยก็เป็นได้ เพราะจากที่ฟังมันก็มิได้เป็นคนเลวร้ายต่ำทรามอันใด เพียงแต่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากปลาใหญ่เท่านั้น
‘แร่เหล็ก’ หลินหยางเมื่อได้ฟังเรื่องราวของฉางเปามันพูดถึงเหมืองแร่เหล็กเขาหูผึ่งทันที สำหรับเมืองที่อยู่มาเกินหนึ่งปี เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์นั้นพวกเขามิต้องกังวลมากนัก
เนื่องจากในร้านค้าที่ปรากฏขึ้นมาเพียงปีละครั้ง สิ่งของที่ขายอยู่ภายในมีแม้กระทั่งอาวุธ ชุด เสื้อผ้า ขายอยู่ แต่สำหรับเหมืองแร่เหล็กที่ฉางเปายึดครองมา หากมันเป็นดั่งโพรงกระรอก หรือ คลองน้ำของหลินหยางละก็… พวกเขาจะมีเหล็กใช้อย่างมิมีวันสิ้นสุด!!
หลินหยางได้เพียงคิดเท่านั้น จากที่ฟังมาจากฉางเปาดูท่าเมืองที่ครอบครองเหมืองแร่เหล็กปัจจุบันจะเป็นเมืองใหญ่กว่าเมืองของหลินหยางมากเลยทีเดียว แค่กำลังพลทหารที่ส่งออกมาปราบเมืองของฉางเปาก็ปาไปกว่าสามร้อยนายแล้ว
ตอนนี้กองกำลังที่สามารถสู้รบได้ภายในเมืองหลินหยางมีทั้งหมดสองร้อยคน แต่หากไม่นับรวมทีมก่อสร้างและทีมระยะไกลที่ไม่สัดทัดการต่อสู้และไร้ประสบการณ์ จะเหลือเพียงแค่ทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมซึ่งรวมแล้วมีเพียงแปดสิบคนเท่านั้น
จำนวนคนเพียงเท่านี้คงไม่สามารถไปสู้รบปรบมือกับเมืองใหญ่ที่อยู่มานานกว่าได้ รวมถึงระดับและประสบการณ์ของเมืองใหญ่แห่งนั้นย่อมสูงกว่าเมืองของหลินหยางไม่น้อย
หลินหยางยังคงถามฉางเปาและพวกเกี่ยวกับเรื่องที่เขาสงสัย ทั้งเรื่องถ้ำ และชายชราเผ่ามังกร แต่ดูท่าพวกมันจะมิรู้เรื่องดังกล่าวมากไปกว่าหลินหยาง หรือ เป็นเพราะพวกมันเมาหนักเกินไปก็มิทราบแน่
หลินหยางจึงได้แต่ส่ายหัว
เมื่ออยู่ต่อไปก็มิได้ประโยชน์อันใดหลินหยางจึงเดินออกมา กลับไปยังที่พักของตน เพราะพรุ้งนี้เขาต้องออกเดินทางแต่เช้าเพื่อติดตามทีมจู่โจมที่ยังมิกลับเมืองไร้ข่าวคราว
ตอนที่ 148 เปลี่ยนท่าที
ตอนเช้า
หลินหยางกำลังเตรียมตัวเพื่อออกไปยังโพรงกระรอกพร้อมกับเวรยามชุดใหม่เพื่อไปสับเปลี่ยนกับเวรยามชุดเดิมที่เป็นเวรเฝ้าโพรงกระรอกเมื่อวาน
โดยตอนนี้มีคนกว่าหกสิบคนกำลังตระเตรียมความพร้อมของร่างกายและอาวุธคู่ใจ
เกือบห้าสิบคนในนี้คือทีมระยะใกล้และมีเวรยามสิบคนเพื่อไปเปลี่ยนกะพวกเขาล้วนเป็นคนของเมืองหวงฮั่น โดยมีหวงฮั่นติดตามหลินหยางไปด้วยเช่นกันมันอดเป็นห่วงพวกพ้องผู้ร่วมเมืองเดียวกับมันมิได้
หลินยหยางเองก็กังวลใจมิน้อยเพราะทีมจู่โจมมิกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หากมีเรื่องมิคาดคิดตามปกติพวกเขาควรจะส่งคนมาเพื่อบอกกล่าวข่าวสารบ้าง แต่นี้พวกเขาทั้งหมดกว่าสามสิบคนกลับเงียบหายเข้ากรีบเมฆมิได้ส่งข่าวคราวติดต่อใดๆมาเลยแม้แต่น้อย
หลินหยางมิได้นำทีมระยะใกล้ไปด้วยทั้งหมด เขาทิ้งจิ่นเหอและหลิวไห่เอาไว้เพื่อป้องกันการก่อจราจลของผู้มาเยือนทั้งสิบคนนั่นคือฉางเปาและพวกนั่นเอง
จิ่นเหอและหลิวไห่ทั้งสองมีระดับสิบสามซึ่งมากเพียงพอที่จะจัดการกับฉางเปาและผู้ติดตามของมันและยังมีทีมก่อสร้างและทีมระยะไกลคอยสนับสนุน หากเกิดเรื่องมิคาดฝันพวกเขาย่อมสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
โป๊กก~
ตึงงง~
เสียงทีมก่อสร้างที่กำลังสร้างบ้านเรือนพวกเขาทำงานกันตั้งแต่เช้าอย่างขยันขันแข็งมิอิดออด เสียงการก่อสร้างดังเป็นระยะๆ ภายในเมืองจึงมิได้เงียบสงบดังคืนวาน ส่งผลให้ฉางเปาและพวกที่เมาหลับตื่นขึ้นจากภวังค์มิสามารถหลับต่อไปได้
พวกมันทั้งกลุ่มออกมาจากบ้านพักที่เทียนหนิงเจี้ยนตระเตรียมให้พวกมัน เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมภายในเมืองที่ผู้คนทำงานกันอย่างขมักเขม่น ไม่เว้นแม้แต่เด็กและคนแก่ มันก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะเมืองของหลินหยางคล้ายคลึงกับเมืองเก่าก่อนของมันยิ่งนัก
แต่กว่าเมืองของพวกมันจะเริ่มตั้งตัวได้จากการที่มายังพื้นที่ไม่คุ้นเคยอย่างสวรรค์แห่งนี้ก็ร่วมหนึ่งปีเลยทีเดียวกว่าพวกมันจะควบคุมสถานการณ์ภายในเมืองและมอบหมายงานต่างๆได้
“พวกเขาจะไปไหนหรอ” ฉางเปาเมื่อมองเห็นกลุ่มหลินหยางกำลังเตรียมตัวกันอยู่ มันจึงหันไปถามชายคนหนึ่งที่เดินผ่านมันไป
ชายคนนั้นเมื่อได้ยินคำถามของฉางเปา
“หึ” มันหันมามองฉางเปาหัวจรดเท้าพร้อมกับเข่นเสียงในลำคอ มิได้ตอบคำถามและเดินจากไปมิสนใจใยดี
“…” ส่งผลให้ฉางเปาและพวกยืนนิ่งเงียบอยู่กับที่ไม่ไหวติง
‘นี่มันอะไร? เมื่อคืนผู้นำของพวกมันยังประจบประแจงพูดคุยอย่างนอบน้อมอยู่เลย’ ฉางเปาสับสนกับท่าทีของพลเมืองหลินหยางที่มีต่อมันไม่น้อยเพราะเมื่อคืนพวกมันเหล่านี้ยังมองกลุ่มของมันอย่างนอบน้อมจนถึงขั้นหวาดเกรง
ตัวมันนึกหลงดีใจที่เหล่ามือใหม่ให้ความเกรงกลัวแก่ตนแต่เพียงข้ามผ่านเพียงคืนเดียวพวกมันกลับเปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหนังมือ สายตาที่มองมายังฉางเปาและพวกคล้ายกับมองตัวตลกก็มิปาน
มิผิด เพราะเมื่อวานนี้ประชาชนเหล่านี้เห็นผู้นำของมันนั่นคือหลินหยางแสดงอาการนอบน้อมแก่พวกมันทั้งสิบจึงทำให้พวกเขาคาดคิดกันไปเองว่าหลินหยางหวาดกลัวต่อพวกมัน และคิดว่าพวกมันอาจเป็นผู้มีอำนาจหรือระดับสูงส่ง
แต่เมื่อตอนเช้าของวันเทียนหนิงเจี้ยนมันคันปากยุบยิบมิอาจเก็บความลับเอาไว้ได้อีกต่อไป จึงบอกกล่าวเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่หลินหยางต้องการ
รวมถึงเรื่องที่ฉางเปาและพวกกดขี่อวดเบ่งระดับของตนอย่างโอ้อวดต่อหน้าหลินหยาง เมื่อพวกเขาได้ยินจึงเปลี่ยนท่าทีมองไปยังพวกมันอย่างกับตัวตลก
“ออกเดินทาง!” หลินหยางตะโกนให้สัญญาณ