เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 159-160
ตอนที่ 159 สมรภูมิ(ตอนสี่)
เมื่อหลุดออกจากวงล้อมหลินหยางและพวกจึงลดความเร็วลง มองไปยังด้านหลังกลุ่มของฉือเทียนวิ่งไล่เข้ามาอย่างใกล้ชิด
คนกว่าร้อยแปดสิบคนที่กรูกันเข้ามาเช่นนี้ สำหรับกองกำลังของหลินหยางที่มีเพียงสี่สิบคน พวกเขาคงไม่สามารถรับมือได้อย่างปลอดภัยเป็นแน่
หลินหยางมิต้องการสู้แลกชีวิตกับพวกมัน กองกำลังของฉือเทียนนี้ไม่สามารถเทียบได้กับเส้นผมคนของเขาได้แม้เพียงเส้นเดียว
การจะต่อสู้กับมนุษย์ที่มีสติปัญญาสูงเช่นนี้ หากเอาไปเทียบไปศึกภายในถ้ำมดไฟ มดไฟเหล่านั้นก็ไม่ต่างกับเด็กตัวเล็กๆมือไม้อ่อนปวกเปียกไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้าน แม้แต่สติปัญญาก็ต่ำทรามเช่นกันมีเพียงนางพญามดไฟเท่านั้นที่่น่าหวาดเกรง
พวกเขายังคงรักษาความเร็วเอาไว้ เมื่อห่างออกมาจากโพรงกระรอกราวสามกิโล
หลินหยางใบหน้าที่เคร่งเครียดของเขาบัดนี้ได้รับการปัดเป่าเข้าแทนที่ด้วยใบหน้ายิ้มย่องดีใจ
เพราะตอนนี้กองกำลังเสริมของพวกเขามาถึงแล้ว!!
จากไกลๆมองเห็นคนกว่าสี่สิบคนกำลังมุ่งหน้าตรงมาเข้าหาหลินหยางและพวก โดยมีชายคนหนึ่งวิ่งนำทัพอยู่ภายในมือพวกเขาเหล่านี้ล้วนถืออาวุธคู่ใจที่พกติดตัวกันอยู่ตลอดเวลาไม่ปล่อยห่างนั่นคือธนู และผู้ที่เข้ามาเสริมกำลังทัพให้หลินหยางครานี้นั่นคือลี่จู!
ลี่จูนำกำลังเอลฟ์วิ่งเข้ามาแม้จะไกลห่างก็มิสามารถรอดพ้นสายตาหลินหยางไปได้
“ตั้งขบวนโต้กลับ” หลินหยางตะโกนพลางหันตัวกลับทันที
พรึ่บบ~
เมื่อได้รับสัญญาณคำสั่งจากหลินหยาง ขบวนทัพหยุดฝีเท้าทันทีหันตัวกลับตั้งขบวนใหม่ เรียงแถวกระดานยาวเป็นแถบคล้ายกับกำแพงมนุษย์!
“หยุดด!” ฉือเทียนเมื่อเห็นกองกำลังที่ถอยหนีหางจุกตูดเมื่อครู่ บัดนี้กลับหันตัวตั้งขบวนทัพคล้ายกับเตรียมกวาดล้างฆ่าฟันพวกของมัน มันจึงตกใจและออกคำสั่งหยุดขบวนทัพที่กำลังวิ่งไล่อย่างเอาเป็นเอาตายทันที
“พวกมันทำอะไรกัน” ชายคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างสงสัย
“หรือว่าพวกมันจะยอมแพ้แล้ว ฮ่าๆ” ชายคนนึงออกความเห็น
“ใช่แน่ๆ ฮ่าๆ” คนของฉือเทียนเมื่อได้ยินจึงกล่าวเสริมหัวเราะกันดังลั่น เนื่องจากคิดว่าหลินหยางและพวกหมดหวังที่จะถอยหนี
แต่ตอนนี้ใบหน้าของฉือเทียนเคร่งเครียดครุ่นคิด เพราะเขาทราบดีว่าหลินหยางและพวกมิได้อ่อนแอยอมแพ้ปราชัยง่ายดายเพียงนี้ หากหลินหยางต้องการยอมแพ้พวกเขาคงยอมแพ้ไปตั้งแต่คราแรกที่เจอะเจอกันแล้ว
แต่มันก็มิสามารถหาสาเหตุอื่นขึ้นมาขัดความคิดนี้ไปได้ เพราะหลินหยางมีกำลังพลเพียงสี่สิบคนยังมีผู้บาดเจ็บจากลูกธนูอยู่กว่าสิบคนย่อมไม่สามารถต่อต้านกำลังคนกว่าร้อยแปดสิบคนได้แน่
‘คงไม่ใช่ว่าพวกมันคิดจะแลกชีวิตหรอกนะ’ ฉือเทียนคิดขึ้นในใจ หากเป็นแบบนี้ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับมัน แม้หลินหยางและพวกจะอยู่มานานกว่าแต่มันก็มิได้หวาดเกรง แม้จะต้องเสียสละพวกพ้องบางส่วนแลกกับชีวิตหลินหยางและกำลังพล ย่อมคุ้มค่ากับสิ่งของที่แลกได้มา
ฟิ้วว~
ฟิ้ววว~
ทันใดนั้นเองขณะที่ฉือเทียนกำลังใช้ความคิดพลางยิ้มอย่างยินดี จู่ๆก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่แหวกชั้นอากาศออกจนเกิดเสียงแสบน่าหวาดเสียว
ฉึกก!
อ้อก!
ไม่นานชายคนหนึ่งข้างกายมันผู้ที่มันให้ความไว้วางใจและเป็นดั่งมือซ้ายจู่ๆก็ล้มลง พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างจับกุมบีบลำคอของตนเอาไว้แน่นส่งเสียงอู้อี้ที่ฟังมิได้ศัพท์ ดวงตาแข็งค้าง ไม่นานมือที่จับกุมลำคอของตนก็คลายออกเผยให้เห็นรูกลวงโบ๋พร้อมกับเลือดที่ไหลนองอยู่บนพื้น!
ข้างลำคอของมันมีลูกธนูดอกหนึ่งปักลึกเข้าไปบนผืนดินมากกว่าครึ่งดอกเสียอีก!!
ตอนที่ 160 สมรภูมิ(ตอนห้า)
ฉึกก!
อ้อกก!
ผู้คนที่กำลังสับสนตกใจกันอยู่ไม่นานก็มีคนล้มลงตามไปติดๆ สภาพไม่ต่างจากผู้เคาะห์ร้ายรายแรกมากนัก
ฉือเทียนตื่นตกใจมองไปยังกองกำลังของหลินหยาง พวกเขายังมิได้ขยับเขยื้อนใดๆเลยแม้แต่น้อยยังคงยืนเรียงกันอยู่ดังเดิม
ตอนนั้นเองที่ฉือเทียนสังเกตุเห็นบางอย่าง ท้องฟ้าด้านบนนั้นกำลังมีบางอย่างพุ่งเข้ามาดูคล้ายจุดเล็กๆจากไกลๆ ความเร็วของมันพุ่งมาอย่างรวดเร็วจนผ่านพ้นกองกำลังของหลินหยางมุ่งตรงเข้าใส่เป้าหมายนั่นคือฉือเทียนและพวก ตอนนี้มันเห็นจุดเล็กๆเหล่านี้แล้ว มันคือลูกธนู!!
ฟิ้วว~~
เมื่อลูกศรเหล่านี้เข้าใกล้พวกมันขึ้นเรื่อยก็ส่งเสียงน่าหวาดเสียวดังระงมไปทั่วบริเวณคล้ายกับเสียงเรียกร้องของมัจจุราชเพื่อมาหยิบจับเอาวิญญาณของเขากลับคืนสู่นรกภูมิ
“โล่” ฉือเทียนแตกตื่นตะโกนออกคำสั่งอย่างลุกลี้ลุกลน เพราะถูกโจมตีอย่างมิทันตั้งตัว
เมื่อสิ้นเสียงก็มีคนหยิบจับโล่เหล็กที่ติดไม้ติดมือมาจากห้องภายในต้นไม้เมื่อข้ามผ่านประตูสวรรค์มา มันเป็นโล่เหล็กอันเล็กมิสามารถครอบคลุมได้ทั่วร่าง ปกปิดได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นและพวกเขามีโล่ไม่ถึงสามสิบอันด้วยซ้ำ ย่อมไม่สามารถปกป้องชีวิตของพวกมันให้คลาดแคล้วปลอดภัยได้หมด!
เคล้งง~
ฉึกก!
ดังคาด คนที่มิมีโล่ป้องกันลูกธนูจึงถูกห่าฝนธนูกลืนกินชีวิตไปอย่างไร้หนทางต่อต้าน การโจมตีด้วยธนูนี้รุนแรงอย่างยิ่งลูกศรที่พุ่งเข้ามาทะลุผ่านร่างกายปักติดอยู่บนพื้นส่งผลให้ร่างกายผู้ถูกโจมตีเป็นรูโบ๋!
จวบจนบัดนี้ฉือเทียนยังมิเห็นตัวผู้โจมตีมันเลยแม้แต่น้อย มิทราบพวกมันโจมตีมาจากหนแห่งใด ยิ่งคิดได้เช่นนี้มันยิ่งหวาดกลัว คนที่สามารถโจมตีจากระยะไกลแถมยังแม่นยำและรุนแรงขนาดนี้ได้…
การโจมตีด้วยธนูที่แม่นราวกับจับวางนี้แน่นอนไม่ได้มาจากกองกำลังของหลินหยาง มันมาจากกองทัพเอลฟ์ที่อยู่ห่างออกไปด้านหลังกว่าห้าร้อยเมตร และห่างจากกองกำลังของฉือเทียนมากกว่าเจ็ดร้อยเมตร!!
เนื่องจากขบวนทัพของหลินหยางบดบังทัศนวิสัยของฉือเฉียวอยู่ พวกมันจึงมิสามารถมองเห็นกองกำลังเอลฟ์ได้เมื่อลูกธนูถูกปล่อยจากคันศรพวกมันก็ต้องล้มลงโดยที่ยังมิทันรู้ตัว ไม่มีเวลาให้ตั้งรับใดๆทั้งสิ้น!!
ขบวนทัพของฉือเทียนตกอยู่ในความโกลาหล
“ถอย ถอยย!!” ฉือเทียนเห็นท่าไม่ดีออกคำสั่งให้สัญญาณเพื่อถอยทัพกลับขบวนอย่างเร่งรีบ
กองกำลังของฉือเทียนเมื่อได้ยินคำสั่ง หันตัวกลับอย่างรวดเร็ววิ่งหนีกันอย่างสุดชีวิตทิ้งผู้บาดเจ็บไว้ข้างหลังมิหันกลับมามอง
“บุกก!” เมื่อเห็นฉือเฉียวมันถอยกลับ หลินหยางจึงเดินทัพเข้าโจมตีไล่ต้อนทันที!
เฮฮ~
ขบวนทัพที่เรียงแถวกันเป็นแนวเดียววิ่งเข้าใส่ไล่ตามติดฉือเทียนและพวก เมื่อมาถึงจุดที่ฉือเทียนเคยอยู่บัดนี้มีร่างไร้วิญญาณนอนเกลื่อนกลาดกว่าสี่สิบชีวิต และบาดเจ็บจนลุกไม่ขึ้นอีกกว่าสิบชีวิต
กองกำลังของฉือเทียนบัดนี้สมควรเหลือคนอยู่เพียงร้อยสามสิบคน!
หลินหยางและพวกแม้จะมีจำนวนคนน้อยกว่าแต่กำลังใจพวกเขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหายเลือด เพราะตั้งแต่ต่อสู้มาพวกเขาเป็นฝ่ายถูกกดดันอยู่ตลอดเวลา บัดนี้จึงได้เวลาแก้แค้นเอาคืน!!