เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 183-184
ตอนที่ 183 หนึ่งอาทิตย์
หลินหยางจึงเดินเข้าไปทักทายมัน เมื่อมันเห็นหลินหยางจึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วกล่าวทักทายอย่างลุกลี้ลุกลน
“มั-มันยังไม่ฟักเลยครับ” ชายคนนั้นกล่าวใบหน้าสลด
หลินหยางจับไข่ใบหนึ่งที่ใหญ่กว่าไข่ฟองอื่นๆไข่นางพญามดไฟนั่นเองเมื่อรู้สึกถึงชีวิตภายในเขาก็ยิ้มออกมา เมื่อตรวจสอบไข่มดไฟฟองอื่นก็พบว่าพวกมันยังมีชีวิตกันอยู่เพียงแต่ไม่ทราบสาเหตุเท่านั้นว่าเหตุใดจึงยังมิฟักออกมาเป็นตัวเสียทีอาจเป็นเพราะพวกเขามิทราบวิธีตามธรรมชาติของมัน
เมื่อถึงตอนนี้จะไปศึกษาวิธีการก็คงมิได้เพราะนางพญามดผู้ให้กำเนิดพวกมันก็ตายจากไปเสียแล้ว คงได้แต่เฝ้ารอวันเวลาต่อไปเท่านั้นในเมื่อพวกมันยังไม่ตายคงมีซักวันที่ฟักออกลืมตามาดูโลก
“ไม่เป็นไร” หลินหยางยิ้มกล่าว
ไม่นานหลินหยางก็เดินจากไป หากอยู่ต่อตรงนั้นชายผู้ทำหน้าฟักไข่มดไฟคงกดดันจนตายเป็นแน่ เพราะตั้งแต่ได้รับมอบหมายให้ฟักไข่ของมดไฟนี้ก็ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้วไข่มดไฟกว่าห้าร้อยฟองยังไม่ฟักออกมาเป็นตัวแม้แต่ฟองเดียวและดูเหมือนว่าจะไม่มีทีท่าฟักออกมาในเร็ววันด้วยจึงทำให้ชายผู้ที่ได้รับมอบหมายจัดการกับไข่กว่าห้าร้อยฟองนี้เคร่งเครียดกดดันยิ่งนัก
ตอนนี้ถึงเวลาอาหารคนกว่าสามร้อยคนนั่งล้อมรอบกองไฟขนาดใหญ่ปิ้งย่างเนื้อกระรอกและปลาสดส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วเมือง เหล่าเด็กตัวน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน
คนชรานั่งมองยิ้มอย่างมีความสุข เหล่าสตรีจับกลุ่มพูดคุย ชายชาตรีบอกเล่าวีรกรรมแต่เก่าก่อนอย่างสนุกปาก เรียกว่าครึกครื้นทีเดียว
แต่พวกเขาคงสงบสุขได้อีกไม่นานเท่านั้นเพราะอีกเพียงหนึ่งอาทิตย์พวกเขาก็จะไม่ได้พักผ่อนหย่อนใจกันอีกแล้วเนื่องจากถึงกำหนดเวลาที่จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ไปทั่วผืนแผ่นดินทุกหนแห่งเป็นสัญญาณในการเกิดใหม่ของเหล่ามนุษย์เมืองใหม่ แหล่งอาหาร
ยิ่งมีเมืองใหม่ๆเพิ่มขึ้นมากเท่าใดความอันตรายยิ่งสูงขึ้น แหล่งอาหารที่เพิ่มขึ้นมาใหม่แต่ละครั้งไม่เคยเพียงพอต่อจำนวนคนที่มีมากกว่าหลายร้อยเมืองในบริเวณรอบข้าง จึงเกิดการต่อสู้แย่งชิงกันอยู่ตลอดเวลาหากมิมีกำลังพลและความแข็งแกร่งเพียงพอก็ไม่สามารถแย่งชิงครอบครองอยู่รอดในพื้นที่ราบแห่งนี้ได้
เพราะฉะนั้นช่วงนี้เหล่าทหารหน่วยรบต่างๆจึงฝึกหนักกันเป็นพิเศษ ตอนนี้มิใช่เพียงเมืองหลินหยางเท่านั้นที่มีการฝึกทหารเหล่าเมืองใหม่เห็นกำลังพลของหลินหยางและกองกำลังทหารที่มีแบบแผนการรบอย่างเป็นระเบียบ พวกมันเหล่านี้จึงเอาหลินหยางเป็นเยี่ยงอย่างตั้งการฝึกซ้อมกันอยู่ทุกวันคืน
แม้จะไม่สามารถต่อต้านท้าชิงกับเมืองใหญ่อย่างเมืองหลินหยางได้ แต่สำหรับเมืองใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นมาในอีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้าหากเมืองใหม่เหล่านี้ไม่เจียมตนท้ารบกับพวกมันแน่นอนย่อมต้องพ่ายแพ้ปราชัยเป็นแน่แท้
หลินหยางมิได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยที่เมืองของตนมีอิทธิพลยิ่งใหญ่กว้างขวางไปทั่วบริเวณ
เขานั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เนื้อกระรอกที่ชุ่มช้ำไปด้วยความสดใหม่ไขมันที่ไหลย้อยออกมาจากการย่างนี่คือสิ่งที่เป็นความสุขเพียงเล็กน้อยที่หลินหยางสามารถหาได้ตั้งแต่ผ่านประตูสวรรค์เข้ามา
เพราะทุกวันต้องระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาไม่สามารถผ่อนปรนความตรึงเครียดได้เลย หากลดการป้องกันหย่อนความระมัดระวังลงวันใดวันนั้นคงเป็นวันที่เมืองของหลินหยางจะถูกกวาดหายไปตลอดกาล..
ตอนที่ 184 รอคอย
กาลเวลาผ่านล่วงเลยเข้าวันที่เจ็ด
วันนี้คือวันครบกำหนดซึ่งจะมีเมืองใหม่มาเติมเต็มที่เว้นว่างอยู่ แหล่งอาหาร แอ่งน้ำ จุดใหม่เพื่อให้เหล่าผู้เอาชีวิตรอดได้จับจ่ายใช้สอยเพื่อประทังชีวิตไปแต่ละวัน
ณ เมืองหลินหยาง
บรรยากาศภายในเมืองวันนี้จึงตรึงเครียดยิ่งนัก พวกเขาฝึกซ้อมกันเบาๆมิได้หักโหมกันอย่างที่เป็นเพื่อเก็บแรงเอาไว้มิได้ใช้ไปจนหมด ป้องกันเผื่อเอาไว้หากเกิดเหตุการณ์มิคาดฝัน
หลินหยางวันนี้มิได้ร่วมฝึกกับเหล่าทหารเขามาช่วยงานทีมก่อสร้าง เดิมทีพวกเขามีกำหนดการสร้างที่พักสำหรับคนกว่าสามร้อยคนแต่วันนี้เปลี่ยนแปรออกไปพวกเขากำลังสร้างเครื่องตีเมืองเพิ่มเติม โดยใช้เครื่องตีเมืองขว้างหินที่ยึดมาจากเมืองของฉือเฉียวเป็นต้นแบบจากเดิมมีทั้งหมดสามลำ ตอนนี้สร้างเพิ่มเติมเสร็จไปหนึ่งลำแล้ว
หลินหยางต้องการจำนวนอีกเจ็ดลำเพื่อเตรียมพร้อมเอาไว้กรณีฉุกเฉินซึ่งเหล่านี้นับว่าเป็นประโยชน์ยิ่งนักสำหรับการต่อสู้กันเองระหว่างมนุษย์หรือเผ่าพันธ์อื่นๆที่มีกำแพงป้องกันเอาไว้ พวกเขาไม่สามารถใช้เพียงกำลังคนบุกฝ่าเข้าไปได้จึงต้องใช้เครื่องทุ่นแรงที่มีพลังโจมตีสูงโจมตีเปิดทาง
นับตั้งแต่มาถึงหลินหยางยังมิเคยเริ่มต้นบุกเมืองใดด้วยต้นเองมาก่อน เขาเพียงเป็นฝ่ายป้องกันถูกคุกคามเท่านั้น เขาจึงต้องโต้ตอบปราบปรามป้องกันชีวิตของตนเองและพักพวก
เมื่อเห็นว่าเมืองใดเป็นอันตรายต่อชีวิตของพวกเขาหลินหยางจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ หากเป็นพันธมิตรนับว่าเป็นเรื่องดียิ่งนัก แต่หากพวกมันเป็นศัตรูต้องรีบจัดการก่อนที่จะเติบใหญ่ไปมากกว่านี้
เวลาสำหรับวันนี้ดูท่าจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า แท้จริงแล้วเวลาเดินตามปกติมิได้ถูกบิดเบือนอันใด แต่เป็นเพราะพวกเขาจดจ่อกับเวลามากเกินไปจึงทำให้ดูเหมือนเวลาค่อยๆเดินอย่างเนิบนาบ
ช่วงบ่ายผ่านไป
ยังมิเกิดแผ่นดินไหวอันใดขึ้น หลินหยางยังคงช่วยทีมก่อสร้างทำงานอย่างขะมักเขม่นนับรอการมาถึงของแผ่นดินไหวอย่างใจจดใจจ่อ
ตอนค่ำ
ยิ่งเวลาเดินผ่านไปนานเท่าใดความกดดันยิ่งเพิ่มมากขึ้น แม้จะเป็นช่วงเวลาอาหารที่ยามปกติมักครึกคักครื้นเครงเหล่าพลเมืองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่วันนี้กลับเงียบกริบทุกคนสนใจแต่อาหารของตนทานกันอย่างรวดเร็วเร่งรีบ
เมื่อทานอาหารกันจนเสร็จเรียบร้อยพวกเขามิได้ไปอาบน้ำพักผ่อนแต่อย่างใด ยังคงรวมตัวเป็นกลุ่มอยู่บริเวณศูนย์กลางของเมืองบรรยากาศโดยรอบช่างอึมครึมยิ่งนัก
หลินหยางเองก็นั่งรวมกลุ่มกันอยู่หากเขาไปอยู่ภายในที่พักอาศัยที่สร้างจากไม้อย่างง่ายๆมิได้แข็งแรงทนทานอันใดเพียงพอทีจะกันลมกันฝนนอนพักผ่อนหย่อนใจได้เท่านั้นมันจึงมิปลอดภัยเท่าที่ควร
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง
และแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเขารอคอยอย่างใจจดใจจ่อ จู่ๆก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณโดยรอบ
โครมม~
บ้านพักที่ยังสร้างมิเสร็จดีพังลงมาเละทะ ส่วนที่พักที่สร้างเสร็จแล้วล้วนสั่นไหวไปมาน่าหวาดกลัวยิ่งนัก แผ่นดินไหวกินเวลาไปกว่าห้านาทีจึงหยุดลง
เมื่อแผ่นดินไหวสิ้นสุดหลินหยางยืนขึ้นทันที
“ทีมจู่โจมและทีมระยะใกล้เตรียมตัว” หลินหยางกล่าว นำทีมทั้งสองเพื่อออกไปค้นหาแหล่งอาหารเพื่อนำมาเลี้ยงปากท้องและกักตุนเอาไว้เขาต้องแข่งกับเวลาและแข่งกับเมืองรอบข้าง ครานี้พวกเขามิจำเป็นต้องรอวันรุ่งขึ้นอีกต่อไป