เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 221-222
ตอนที่ 221 เมฆครึ้ม
วูบบ
ลินหยางและเจียวซิ่นราวกับถูกผลักออกมาจากปากถ้ำร่างกายของพวกเขาทั้งสองกระเด็นกลิ้งไปมากลับพื้นหลายตลบจนหยุดนิ่งในที่สุดพวกเขาก็สามารถออกมาจากถ้ำค้างคาวหฤโหดได้อย่างปลอดภัย
เหล่าทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมที่ตั้งแนวป้องกันยืนเรียงกันอยู่รอบๆปากถ้ำ จู่ๆผู้นำของตนและมนุษย์หมาป่าเจียวซิ่นที่จับคู่กันเพื่อเข้าไปสำรวจภายในถ้ำกลับกระโดดกระเด็นปลิวออกมาด้วยความรุนแรงกลิ้งไปกว่าหลายตลบเลยทีเดียวส่งผลให้พวกเขาตกใจรีบวิ่งเข้าไปหา
“พี่หยาง” เหล่าทหารอยู่ในความตื่นตระหนกรีบวิ่งเข้ามาประคองหลินหยางเพื่อลุกขึ้น
หลินหยางและเจียวซิ่นที่วิ่งพุ่งตัวเข้าใส่ทางออกอย่างรวดเร็วเมื่อถึงทางออกของถ้ำจึงถูกแรงดันของปากถ้ำผลักออกมาเมื่อรวมกับความเร็วของคนทั้งสองจึงถูกเสริมเพิ่มเติม
หลินหยางพยายามตะกายตัวลุกขึ้นร่างกายของเขามีรอยแผลถลอกจากการเสียดสีกับพื้นมีเลือดไหลซิบบางเบา การกลิ้งหลายตลบเมื่อครู่ส่งผลให้ศรีษะของเขามึนงงสับสน
เมื่อสติของตนกลับคืนมาอย่างเต็มที่
“วิ่ง” หลินหยางกล่าวออกมาอย่างแหบแห้งเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งอย่างต่อเนื่องและการใช้ทักษะระดับสูงที่สูบพลังของตนออกไป
“วิ่ง?” เหล่าทหารที่กำลังยืนล้อมหลินหยางและเจียวซิ่น พวกเขาอยู่ในความสับสนกับคำกล่าวของหลินหยาง
“วิ่งไปไหนครับพี่หยาง” ทหารคนหนึ่งกล่าวถามด้วยความสงสัย
“อย่าพึ่งถาม เร็ววิ่งให้ไว” หลินหยางตะโกนเสียงดังส่วนเขารีบพยุงเจียวซิ่นเพื่อลุกขึ้นและออกตัววิ่งไปอย่างรวดเร็ว
เหล่าทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมเมื่อได้ฟังเช่นนั้นแม้พวกเขาจะไม่ทราบเหตุผลก็ตามแต่ ออกตัววิ่งทันทีไม่เสียเวลาเอ่ยถามอันใดต่อสับฝีเท้าตามหลินหยางไปติดๆไม่หันหลังกลับมามองทิ้งเพิงพักที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเขาไว้ด้านหลัง
พวกเขาวิ่งห่างออกมาได้ราวแปดร้อยเมตร หลินหยางจึงค่อยๆลดความเร็วและหยุดลงพลางหันหลังกลับไปมองยังปากถ้ำปริศนาแห่งนั้น
เหล่าทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหลินหยางพวกมันทำตามมองไปยังเป้าหมายสายตาของหลินหยาง
บัดนี้ปากถ้ำหินที่มีเพียงที่พักชั่วคราวที่สร้างขึ้นมาอย่างลวกๆของพวกเขานั้นมิได้มีเพียงแค่นั้นอีกต่อไป บนท้องฟ้ามืดครึ้มอึมครึมราวกับว่าฝนกำลังจะตกลงก็ว่าได้
แต่เมื่อเพ่งมองไปยังที่แห่งนั้นก็พบว่ามันมิใช่เมฆฝนสายฟ้าอันใดมันคือค้างคาว ค้างคาวตัวใหญ่เท่าแมว!
ค้างคาวเหล่านี้บินว่อนไปทั่วท้องฟ้าพวกมันเกาะกลุ่มกันจนเห็นเป็นเพียงกลุ่มก้อนคล้ายกับก้อนเมฆสีดำ
เพิงพักชั่วคราวที่พวกเขาสร้างบัดนี้มันเละเทะพังลงด้วยฝีมือของเหล่าค้างคาวตัวใหญ่พวกนี้ที่บินโฉบเฉี่ยวไปมาทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
เหล่าชายชาตรีเมื่อเห็นเช่นนั้นใบหน้าพวกเขาซีดขาวหวาดกลัว เขาทราบเหตุผลคำกล่าวของหลินหยางเมื่อครู่แล้ว
หากตอนนี้พวกเขายังปักหลักอยู่ที่ตรงนั้นบัดนี้คงต้องตกตายลงด้วยฝีมือค้างคาวพวกนี้เป็นแน่ ดูจากสายตาแม้จะอยู่ในระยะไกลพวกเขาก็เห็นค้างคาวที่บินไปทั่วท้องฟ้านี้กว่าหลายพันตัว!
ตอนที่ 222 ข้อสรุป
“พี่หยางพวกเราจะเอายังไงกันดี เข้าไปจัดการพวกมันเลยไหมครับ” หลิวไห่กล่าวถาม
“ยังก่อน พวกเราจะถอยกลับเมืองไปตั้งหลักวางแผนกันเสียใหม่” หลินหยางกล่าว หากจะเข้าไปจัดการเหล่าค้างคาวพวกนี้ พวกเขาย่อมเสียเปรียบเป็นแน่เพราะตอนนี้มันบินว่อนเต็มไปทั่วท้องฟ้าทำให้ท้องฟ้ายามนี้ช่างดูน่าหวาดกลัวยิ่งนัก หากพวกเขาดื้อรันต่อสู้กับมันต้องมีบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย
เนื่องจากสภาพแวดล้อมจุดนี้เอื้ออำนวยให้แก่เหล่าค้างคาวปีกเหล็กพวกนี้ยิ่งนัก พวกเขาที่ยืนหยัดอยู่บนพื้นดินโล่งกว้างแห่งนี้ไร้ที่หลบกำบัง ส่วนค้างคาวปีกเหล็กนั้นตัวมันมีความคล่องแคล่วว่องไวบินโฉบเฉี่ยวหลบหลีกบนผืนนภากว้างใหญ่
อาวุธที่มีอยู่ตอนนี้คงไม่สามารถจัดการพวกมันได้แน่ ส่วนเรื่องธนูนั้นปัดทิ้งไปได้เลยเพราะคนของเขาส่วนใหญ่ฝีมือการยิงธนูนั้นต่ำทรามยิ่งนัก ส่วนการปาหอกนั้นไม่สามารถโจมตีพวกมันที่อยู่ไกลห่างเกินตัวได้
แถมเป้าหมายนั้นอยู่สูงเกินกว่าแรงที่พวกเขาจะขว้างปาไหวเพราะต้องสู้กับแรงโนมถ่วงตามธรรมชาติทำให้พลังโจมตีนั้นลดหย่อนลง
ส่วนค้างคาวปีกเหล็กที่บินโฉบลงมาแนวดิ่งนั้นทำให้ความรวดเร็วของมันเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว หากผู้ใดตกเป็นเป้าหมายของมันหากร่างกายมิมีเกราะกำบังคงต้องขาดวิ่นเป็นสองท่อนเป็นแน่ ดูจากปีกของมันที่บางเฉียบคล้ายกับใบมีด
“กลับเมือง” หลินหยางตะโกน เมื่ออยู่ต่อก็ไม่สามารถทำอันใดได้เพียงจะรนหาที่ตายเท่านั้น
ณ เมืองหลินหยาง
หลินหยางและพวกเดินทางกลับมาถึงเมืองเป็นที่เรียบร้อย พวกเขานั่งรวมกันเป็นกลุ่มก้อนปรึกษาหารือระดมความคิดแก้ไขปัญหากันอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีคนมากเท่าใดความคิดแปลกใหม่ก็ยิ่งมาขึ้นเท่านั้น นี่ถือเป็นเรื่องดี
“ใช้ธนูจัดการมันไ..” ชายคนหนึ่งกล่าวมิทันจบก็พบเจอกับสายตาจ้องมองจากเหล่ามนุษย์หมาป่าเขม็ง ทำให้มันหุบปากของตนลง
“ใช้ตาข่ายรวบพวกมันแล้วจัดการดีไหม” ชายคนหนึ่งเสนอความเห็น
หลินหยางปัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะตาข่ายที่ทอขึ้นมาจากเถาวัลย์และเศษหญ้านั้นมิแข็งแรงพอที่จะจัดการกับเหล่าค้างคาวปีกเหล็กได้
ด้วยจำนวนที่มากมายหลายพันตัวของพวกมันนี้มิทราบพวกเขาต้องใช้ตาข่ายมากมายเพียงใดถึงจะจับกุมพวกมันให้อยู่หมัด มันสิ้นเปลืองเกินไปรวมถึงทรัพยากรที่หายากเช่นนี้พวกเขาคงไปหาเถาวัลย์มากมายขนาดนั้นมิได้
“ใช้รถยิงธนูได้ไหม” ชายคนหนึ่งกล่าวแต่แล้วใบหน้าเขาก็สลดลง เพราะรถยิงธนูที่พวกเขามีตอนนี้เพียงสิบคันเท่านั้น แม้จะมีมากกว่านี้อีกสิบเท่าพวกเขาก็ไม่สามารถจัดการค้างคาวปีกเหล็กได้อยู่ดี
มีแต่จะตกเป็นเป้าหมายให้แก่พวกมันเสียเปล่าเนื่องจากการจะเคลื่อนย้ายรถยิงธนูแต่ละครานั้นช่างยากเย็นยิ่งนักต้องใช้คนอย่างน้อยสองคนในทำให้มันเคลื่อนที่ได้และอีกหนึ่งคนที่เป็นผู้เล็งโจมตี ส่วนการยิงออกไปแต่ละครานั้นอย่างมากคงจัดการค้างคาวปีกเหล็กที่ทับซ้อนกันได้เพียงสี่ถึงห้าตัวเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วก็มิมีหนทางที่จะสามารถแก้ปัญหากับเหล่าค้างคาวปีกเหล็กที่บินว่อนไปทั่วท้องฟ้านี้ได้ และเมื่อไม่สามารถจัดการพวกมันขณะที่อยู่บนท้องนภาได้พวกเขาจึงได้ข้อสรุป
นั่นคือการเข้าไปจัดการพวกมันภายในถ้ำ!