เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 27-28
ตอนที่ 27 รวบรวม
หลังจากตัดสินใจได้แบบนั้นหลินหยางให้พาพวกเขากลับเมืองของหลินหยางก่อน เขายึดอาวุธทั้งหมดของพวกมัน แล้วเขาก็เผาศพของเหล่ามนุษย์หมาป่า
มนุษย์หมาป่าที่เห็นบางตนก็ร้องไห้ บางคนแสดงออกถึงความเสียใจ เพราะผู้ที่เสียชีวิตก็ต่างเป็นเพื่อน พวกพ้อง ฝูงเดียวกัน
แต่เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของผู้นำพวกเขาจึงเกิดการสูญเสียใหญ่หลวง
เมื่อเห็นหลินหยางเดินกลับเมืองไปพร้อมทหารของเขาเหล่าเอลฟ์ยืนมองด้วยใบหน้าระรื่นเพราะศึกครั้งนี้พวกเขาชนะ ชนะแบบไม่มีผู้สูญเสียแม้แต่ตนเดียว!! ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณหลินหยาง
“ท่านหลินหยางช่างมีเมตตาจริงๆ” เอลฟ์ตนนึงมองแผ่นหลังเขาและกล่าวขึ้น
“ถูกต้องแล้ว เขาทั้งกล้าหาญและฉลาดอีกด้วย” เอลฟ์อีกตนกล่าวเสริมเขามองหลินหยางเยี่ยงวีรบุรุษ ดวงตาเป็นประกาย เอลฟ์หญิงบางตนตั้งความหวังว่าจะได้หลินหยางมาครอบครอง ส่วนเอลฟ์ชาย…
เนื่องจากหลินหยางเดินออกมาไกลแล้ว จึงไม่ได้ยินสิ่งที่เอลฟ์พูด มิฉะนั้นเขาคงขนลุกขนพองเป็นแน่
ณ เมืองหลินหยาง
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มนุษย์หมาป่าและมนุษย์ จะอยู่ร่วมกันไม่แบ่งฝักฝ่ายไม่เหยียดเผ่าพันธุ์ หากใครไม่ทำตาม จะถูกลงโทษสถานหนักมนุษย์ก็มิได้ยกเว้น” หลินหยางกล่าวกับทุกคนน้ำเสียงดุดัน
“ครับ/ค่ะ” ผู้คนในเมืองตอบ
พลางมองเหล่ามนุษย์หมาป่าที่ยืนด้านหลัง หากมองดีๆพวกหมาป่าหนุ่มพวกนี้ก็ดูดีมิใช่น้อย พวกเขาเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้อง กล้ามแขน ที่แข็งแรง ใบหน้าใสซื่อเหมือนหมาน้อยน่ารักก็มิปาน
เพราะพวกนี้ ก็คือหมานั่นแล
“วันนี้พวกนายพักที่นี่ไปก่อน ห้ามก่อจลาจรและห้ามหนี มิฉะนั้น…” หลินหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกมันต่างตัวสั่นและทำตามอย่างว่าง่าย
จากนั้นซิ่นก้งก็เอาปลาและน้ำมาให้เหล่ามนุษย์หมาป่า
เมื่อพวกมันเห็นดังนั้น รีบกินอย่างรวดเร็ว โดยที่ปลายังดิบๆและดิ้นอยู่
“ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้น เดี๋ยวก็ติดคอหรอก ยังมีอีกเยอะ” ซิ่นก้งขมวดคิ้ว
‘ไม่คาวหรอฟ่ะ’ เขาคิดในใจ
“ขอบคุณท่านมากๆ พวกเราไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” มนุษย์หมาป่ากล่าวและกินอย่างมูมมาม
เนื่องจากการขาดแคลนอาหาร พวกเขาจึงต้องมาสู้รบกับเหล่าเอลฟ์ แม้เอลฟ์บอกว่าพวกเขาสามารถใช้แม่น้ำได้แต่เพราะผู้นำที่โง่เขลาที่ต้องการ อำนาจและสงคราม ปฏิเสธ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกจำต้องสู้เท่านั้น
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก” ซิ่นก้งยิ้มตอบ
หลินหยางกำลังนั่งย่างปลาอยู่ ก็มีคนเดินเข้ามารายงาน
“พี่หยาง พรุ้งนี้กำแพงเมืองคงจะเสร็จแล้ว” หลิวเจี่ยหัวหน้าทีมก่อสร้าง มารายงานผลให้หลินหยาง
“ดีมาก” หลินหยางตอบอย่างพึงพอใจ
ต้นไม้ที่ล้อมรอบเมืองตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นกำแพงทั้งหมดต้นไม้เหล่านี้แข็งแรงมาก พวกเขาต้องใช้หลายคนในการจะตัดมันหนึ่งต้น เขาพบว่าหลังจากตัดต้นไม้ลงประตูที่พวกเขาเคยเดินออกมาจากภายในที่เคยมีห้องขนาดใหญ่ซึ่งปูพื้นด้วยกระเบื้องกลับหายไปทั้งห้อง ภายในต้นไม้เป็นเพียงลำต้นตันเหมือนต้นไม้ปกติ ที่มีประตูติดอยู่
หลังจากเอาประตูออกมาจากต้นไม้ได้แล้ว พวกเขาพบว่ามันเป็นเพียงแค่แผ่นเหล็กที่หนาและแข็งแผ่นนึงเท่านั้น จึงใช้มันเชื่อมต่อกันโดยทักษะหลอมไฟของหลินหยาง ทำเป็นประตูเมืองสูงเกือบสามเมตรเท่ากำแพงเมือง ที่ต้องใช้สามถึงสี่คนในการเปิดประตูเมืองเพราะมันหนักมากนั่นเอง
“พี่หยาง หลังจากสร้างกำแพงเสร็จแล้ว จะให้พวกผมทำอะไรต่อครับ” หลิวเจี่ยถาม
“อืม.. สร้างที่พักแล้วกัน ใช้เศษไม้ที่เหลือทำลูกธนูด้วย” หลินหยางตอบหลังจากคิดไม่นาน
เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ต้องอยู่ที่นี้อีกนานแค่ไหนจึงจำเป็นต้องทำที่พักเพื่อกันฝนและลมหนาว ตั้งแต่มาที่นี่กว่าหนึ่งเดือนพวกเขายังต้องนอนกับพื้นอยู่
ตอนที่ 28 การมาเยือน
วันรุ่งขึ้น
หลินหยางพาทีมระยะใกล้ห้าคนติดตามเขาไปยังเมืองของมนุษย์หมาป่าป้องกันไว้หากเกิดการต่อสู้
เมื่อมาถึงเมืองมนุษย์หมาป่ามียามสองตนเฝ้าทางเข้าอยู่ พวกมันกำลังเคร่งเครียดเนื่องจากเมื่อวานพวกของมันออกไปสู้รบกับเผ่าเอลฟ์กว่าสามสิบคน
แต่ตอนนี้ผ่านมากว่าหนึ่งวันแล้ว ไม่มีข่าวคราวอะไรเลยมันไม่รู้ชะตากรรมของพวกเขา
ตอนนั้นมันก็เห็นพวกของมันเดินกลับมาทั้งสิ้นแปดคนเห็นดังนั้นพวกมันก็สบายใจขึ้นมาบ้าง กำลังจะเข้าไปต้อนรับ
กลับเจอมนุษย์หกคนเดินตามหลังพวกเขาถืออาวุธครบมือ
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน เมื่อวานพวกเราไปสู้กับเอลฟ์ไม่ใช่หรอทำไมถึงกลับมากับมนุษย์ล่ะแล้วอาวุธพวกเขาไปไหน’ ยามทั้งสอง กระซิบกันพลางหวาดระแวง
“อย่าโจมตี เจียวจ้าน ตายแล้ว พวกของเราที่เหลือก็พ่ายแพ้และสิ้นชีวิตหมดแล้ว” มนุษย์หมาป่าหนึ่งในแปดตนที่เดินนำหลินหยางบอก
กล่าวแก่ยามทั้งสอง
เขาชื่อว่า เจียวซิน เป็นหนึ่งในผู้ที่ขอยอมแพ้ แม้คนอื่นจะมองว่าเขาขี้ขลาดแต่สำหรับหลินหยางเขามองว่าเจียวซินตัดสินใจถูก ซึ่งแม้จะเป็นหลินหยางหากเมืองของเขาต้องตกอยู่ในวงล้อมดังเช่นมนุษย์หมาป่าไม่มีทางสู้และหมดหนทางหนี เขาก็ต้องยอมแพ้เช่นกัน มิเช่นนั้นพวกพ้องของเขาก็ต้องดับสูญเป็นแน่
แน่นอนหลินหยางคงไม่รอให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น
“อะไรนะ แพ้แล้ว” ยามเมื่อได้ยินดังนั้นราวกับฟ้าถล่ม ผืนดินทลายพวกเขาคิดว่ามนุษย์ที่ตามหลังเพื่อนของเขาทั้งแปดตน คงจะมาเพื่อกวาดล้างพวกเขาเป็นแน่ จะมิให้หวาดกลัวได้ยังไง
“ไม่ต้องตกใจ พวกเขาไม่ได้มาเพื่อโจมตีพวกเรา” เจียวซินกล่าวใบหน้ายิ้มแย้ม
“…” พวกยามลังเลไม่รู้ต้องทำเช่นไร หากแม้แต่เจียวจ้านผู้เก่งกาจที่สุดในฝูงยังต้องสิ้นชีพ พวกเขาก็คงไม่ต่างอะไรกับมดปลวกคิดได้เช่นนั้นพวกเขาจึงนำทางหลินหยางเข้าไปภายในเมือง
ภายในเมืองมนุษย์หมาป่า
หลังกำแพงหิน
ด้านในไม่แตกต่างจากเมืองของเขามากนัก มีมนุษย์หมาป่าที่ตัวเล็กหากเทียบกับมนุษย์ พวกเขาก็ไม่ต่างกับเด็กอายุสิบขวบและมนุษย์หมาป่าที่ขนยาว ผิวหนังเหี่ยวย่นเทียบกับมนุษย์พวกเขาคงอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปี มีทั้งหญิงและ ชายร่างกายผอมแห้ง
‘เจียวจ้านก็ไม่ได้เลวไปทุกส่วน’ หลินหยางคิดเพราะเขาไม่ได้นำมนุษย์หมาป่า เด็กและชราเหล่านี้ออกไปสู้
ทั้งเมืองมีเพียง มนุษย์หมาป่าที่พอต่อสู้ได้อยู่เพียงสองตน นั่นคือยาม ทั้งสองนั่นเอง
เหล่ามนุษย์หมาป่าเด็กและชราทั้งสิบสี่ตนนอกจากพวกที่ยอมแพ้แล้ว มองหลินหยางเป็นตาเดียว ด้วยความหวาดกลัว
เนื่องเพราะเจียวซินเล่าเรื่องการสู้รบเมื่อวานให้พวกเขาฟังแล้ว กลุ่มที่สามารถต่อสู้ได้ได้พ่ายแพ้ให้แก่ชายคนนี้
“หากพวกคุณยินดีที่จะเข้าร่วมกับเมืองของผม พวกคุณจะได้กินอิ่มทุกมื้อพวกคุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอาหารสามารถใช้ชีวิตอย่างเท่าเทียมกับคนของผม จะไม่มีแบ่งแยกและดูถูกเผ่าพันธุ์ ผู้ที่มีอายุสิบถึงสิบห้าต้องเข้าร่วมการฝึกทุกวัน ส่วนใครที่มีอายุสิบหกถึงสี่สิบต้องเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกองกำลังของผม” หลินหยางตะโกน
“ที่พี่ชายพูดเป็นความจริงเหรอ พวกเราจะมีอาหารกินทุกมื้อจริงๆใช่ไหม” มนุษย์หมาป่าเด็กตนนึงร่างกายผ่ายผอมกล่าวถามด้วยเสียงสั่นๆ
“แน่นอน” หลินหยางยิ้มให้กับมนุษย์หมาป่าตัวน้อย
“พ-พวกเรา ขอบคุณนายท่านพวกเราขอติดตามท่านตลอดไป” เหล่ามนุษย์หมาป่าชรา ทั้งหลายคุกเข่ายอมจำนนและกระซิบบอกเด็กที่ยังมิรู้ความให้ทำตาม
“เอ่อ.. ลุกขึ้นเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย” หลินหยางรีบกล่าวด้วยความทุลักทุเล
“เรียกผมหลินหยางก็ได้ อย่างที่ผมบอกพวกเราจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมพวกคุณและผมก็เช่นกัน” เขายิ้ม