เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 287-288
ตอนที่ 287 รักษา(ตอนต้น)
เมื่อเห็นพักพวกของตนส่งอาวุธให้ตามคำเรียกร้องแกมบังคับ พวกมันทั้งหมดจึงค่อยๆยื่นอาวุธส่งให้แก่มนุษย์หมาป่าที่ล้อมรอบตนเองทั้งหมด
ตอนนี้พวกมันปราศจากอาวุธป้องกันตัวแล้ว ยืนเกาะกลุ่มกันอย่างหวาดระแวง
เมื่อริบรอนอาวุธทั้งหมดจากศัตรูเป็นที่เรียบร้อย เจียวฮั่นนำอาวุธและโล่ทั้งสามสิบชิ้นนั้นรวบรวมส่งเข้าคลังแสงของพวกเขาโดยส่งมอบให้แก่เทียนหนิงเจี้ยนเพื่อนำไปเก็บ พวกเขามิได้กะจะคืนให้พวกมันเลยแม้แต่น้อย!
ตอนนี้หมาป่าที่พลัดหลงทั้งสามสิบตัวเมื่อไร้อาวุธพวกมันจึงมิเป็นภัยให้แก่พวกเขาอีก หลังจากใช้สายตาจ้องมองมนุษย์หมาป่าแปลกหน้าทั้งสามสิบตัวจนหนำใจ
มนุษย์หมาป่าเกือบเจ็ดสิบชีวิตจึงแยกย้ายกันไปทำงานของตนเองที่ได้รับมอบหมาย ปล่อยให้หมาป่าทั้งสามสิบตัวยืนเกาะกลุ่มกันกับที่มิเคลื่อนไหว มองสอดส่องไปรอบๆภายในเมือง
“ถอยไปๆ อย่ามายืนเกะกะ” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงชายคนหนึ่งตะโกน พร้อมกับแหวกเส้นทางเดินแหกกลางกลุ่มมนุษย์หมาป่าทั้งสามสิบตัวอย่างมิเกรงกลัว เขาคือหลิวไห่นั่นเอง
เขาเดินผ่านไปอย่างมิสนใจใยดี ไต่บรรใดขึ้นไปยืนประจำบนกำแพงเมือง ทิ้งให้หมาป่าทั้งสามสิบตนยืนนิ่ง พวกมันคล้ายกับอากาศที่ไร้ตัวตน…
หลิวไห่พึ่งรวบรวมอาวุธที่เสียหายจากการต่อสู้ภายในถ้ำค้างคาวไปกองรวมกันอยู่เพื่อรอส่งมอบให้แก่คนแคระนำไปซ่อมแซมต่อไป
การต่อสู้กับค้างคาวปีกเหล็กนั้นทำให้โล่โลหะที่ใช้กำบังตนเสียหายไปเกือบไปหลายสิบใบ
เนื่องจากปีกเหล็กของพวกมันมีความแข็งแรงไม่ด้อยไปกว่าโล่เหล็กที่พวกเขาถือครองอยู่เลย เมื่อเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นมาจึงสร้างรอยขีดข่วนให้แก่โล่เหล่านั้น
เมื่อถูกระดมโจมตีเข้าใส่จากค้างคาวหลายสิบตัวจากรอยขีดข่วนเล็กน้อยเริ่มสั่งสมจนมากมี โล่บางชิ้นถึงขั้นเกิดรอยแตกสามารถมองทะลุไปยังอีกฝั่งได้เลย..
ส่วนหอกเหล็กอาวุธสำคัญที่ใช้ในการต่อสู้ภายในถ้ำค้างคาว สิ่งที่เสียหายส่วนใหญ่คือปลายหอกที่แหลมคม เนื่องจากการแทงใส่ค้างคาวเหล่านั้นล้วนทำให้ความแหลมคมทื่อลงไปเล็กน้อย ยิ่งใช้งานมากเท่าใดยิ่งทื่อบิ่นมากขึ้นเท่านั้น
หลินหยางหลังจากเข้ามาภายในเมืองเขาพยุงร่างของผู้บาดเจ็บส่งตรงไปยังลานกว้างกลางเมือง ตอนนี้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดรวมกันอยู่ใจกลางเมือง
“รักษาพวกเขาก่อน” หลินหยางกล่าวกับสตรีนางนึง เธอคือหรงเถียนเหยา ทีมแพทย์คนเดียวของเขานั่นเอง
“รักษาพวกเขาก่อนไม่ดีกว่าหรอ” หรงเถียนเหยากล่าวถาม
เมื่อเธอเห็นเป้าหมายที่่หลินหยางชี้ไปนั้นเป็นผู้บาดเจ็บที่มีบาดแผลขีดข่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากเทียบกับร่างกายที่แข็งแรงแล้วนับว่าห่างไกลจากความตายมากนัก
หันกลับมามองยังผู้หมดสติทั้งสิบรายที่นอนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ แม้แต่จะลืมตาพวกเขายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ไม่หรอก พวกเขาแค่หมดสติเท่านั้นไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอันใด ส่วนพวกเขาเหล่านั้นแม้จะไม่มีบาดแผลใหญ่โตอันใดแต่ว่าบาดแผลของพวกเขามีเลือดไหลซึมออกตลอดเวลา
หากปล่อยไว้พวกเขาจะเสียเลือดมากเกินไป..” หลินหยางกล่าวเล่ารายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับค้างคาวปีกเหล็กและการโจมตีจากพวกมันให้แก่หน่วยแพทย์ของพวกเขาฟังอย่างระเอียด
ตอนที่ 288 รักษา(ตอนปลาย)
“เข้าใจแล้ว” หรงเถียนเหยาตอบรับ ตรวจดูอาการของผู้บาดเจ็บทันที
มองไปยังชายผู้บาดเจ็บ เขายื่นแขนของตนที่มีรอยแผลจากการบาดเจ็บให้แก่หรงเถียนเหยา
บาดแผลของเขานั้นนับว่าสาหัสที่สุดในหมู่พักพวก บนแขนของเขานั้นมีรอยเส้นสีดำยาวมากกว่าหนึ่งคืบ บาดแผลนั้นแม้จะยาวกว่าคืบนึงแต่ก็มิได้ลึกอันใดเลย
หากตามปกติแล้วมันคงมิอันตรายมากมายอันใดนักหากใช้เวลาไม่กี่วันบาดแผลคงสมานกันเองโดยธรรมชาติ
แต่ทว่าเลือดสีดำที่ไหลออกมานั้นอาบลำแขนของเขานั้นกลับสร้างความเจ็บปวดให้แก่บริเวณรอบปากแผล แต่กระนั้นนับตั้งแต่ได้รับบาดแผลมาจวบจนบัดนี้เขายังมิได้ส่งเสียงร้องอวดครวญแห่งความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย จิตใจเขากล้าแข็งยิ่งนัก
วิ้งง~
จากนั้นเธอก็ยื่นมือของตนสูงเหนือบาดแผลเล็กน้อยไม่นานก็มีละอองแสงอ่อนๆส่องออกมาพร้อมกับบาดแผลที่ชายผู้นั้นได้รับสมานตัวอย่างรวดเร็วหายเป็นปลิดทิ้งราวกับว่าบาดแผลนั้นมิเคยเกิดขึ้นมาก่อน!
หลินหยางยืนมองหรงเถียนเหยารักษาพลทหารของตนด้วยใบหน้าผ่อนคลาย ตอนนี้เขาส่งผู้บาดเจ็บถึงมือหมอแล้ว ขืนอยู่ต่อก็รังแต่จะเกะกะ เมื่อหมดหน้าที่ของตนเขาจึงเดินจากไป
“ถ่ายทอดคำสั่ง ใครที่ยังเหน็ดเหนื่อยอยู่ให้ใช้ช่วงเวลานี้พักผ่อนเก็บตุนแรงเอาไว้” หลินหยางกล่าวกับเทียนหนิงเจี้ยน
“ครับ” มันตอบรับกลับและกระจายข้อความของหลินหยางทันที
เหล่าพลทหารทั้งหลายแม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดจากการสู้รบที่ผ่านมา แต่ทว่าพวกทุกคนก็ใช้แรงกายไปอย่างมหาศาล เพราะการต่อสู้ในถ้ำค้างคาวนั่นเอง
มออ~
กี๊ซซ~
จู่ๆก็มีเสียงสิ่งมีชีวิตบางอย่างร้องออกมาเสียงดังเลยทีเดียว เสียงทั้งสองเสียงร้องประสานกันสลับไปมา
‘หืม’ หลินหยางมองไปยังต้นตอของเสียง ก็พบเจอเข้ากับวัวตัวใหญ่สองตัว
เจ้าวัวทั้งสองตัวนี้มาจากแหล่งอาหารแห่งใหม่นั่นเอง รอบกายพวกมันมีเจ้าเขียวหนึ่งถึงเจ็ดกำลังจ้องมองพวกมันเอาเป็นเอาตาย เดิมทีเขาแปลกใจเล็กน้อยที่กลับเข้าเมืองมาไม่พบเจ้าเขียวทั้งหลาย
กลายเป็นว่าพวกมันกำลังสนใจสิ่งมีชีวิตแปลกใหม่อยู่นั่นเอง วัวตัวอ้วนทั้งสองตัวนั้นมิได้มีพิษสงอันใดไม่มีวี่แววของความดุร้าย พวกมันไม่มีทีท่าว่าจะหนีเลยแม้แต่น้อยกัดแทะเล็มหญ้าอย่างเอร็ดอร่อย
แหล่งอาหารอย่างโพรงกระรอกนั้น เนื่องจากพวกมันตัวเล็กเขาจึงจับพวกมันขังเอาไว้ รอวันสังหารพวกมันเพื่อนำมาเป็นอาหารที่สดใหม่นั่นเอง
ด้วยขนาดตัวของพวกมันหากเขาปล่อยให้กระรอกทั้งหลายหลุดออกมาพวกมันต้องวิ่งเตลิดชุลมุนวุ่นไปทั่วเมืองเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาจึงตั้งใจจะนำวัวทั้งหลายที่ออกมาได้มา นำมาชุปเลี้ยงเอาไว้
หากพวกเขาฆ่าพวกมันเสียหมดตั้งแต่ออกจากปากถ้ำวัว พวกเขาคงกินไม่หมดและปล่อยให้เนื้อเน่าเสียเป็นแน่ ส่วนการนำมาทำเนื้อตากแห้งนั้นทำให้คุณค่าทางรสชาติของพวกมันรสต่ำลง
ไม่นานเจ้าเขียวทั้งหลายก็เข้าไปวนเวียนอยู่รอบกายเจ้าวัวตัวอ้วนทั้งสอง เจ้าเขียวหนึ่งลองยื่นจะงอยปากกัดกินหญ้าบนพื้นและคายทิ้งอย่างรวดเร็ว บ้างก็เกลือกกลิ้งไปบนพื้น
เห็นเช่นนั้นเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ เจ้าเขียวทั้งหลายไม่ต่างจากลูกรักของเขาที่ได้ฟูมฟักเลี้ยงพวกมันจนเติบใหญ่