เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 289-290
ตอนที่ 289 มูมมาม
หลินหยางเดินไปตรวจตราความพร้อมเพื่อรับมือกับศัตรูกลุ่มใหม่ที่กำลังจ้องบุกโจมตีเมืองของเขา
เขาต้องเตรียมทุกอย่างให้อยู่ในสภาพที่พร้อมรบเพื่อมิให้เกิดความผิดพลาดเขาจึงตรวจดูซ้ำหลายรอบ
“พวกนั้นทำอะไรน่ะ?” หลินหยางกล่าวถามเทียนหนิงเจี้ยนที่เดินตามติดเขาเป็นเงาตามตัว
มองไปยังกลุ่มมนุษย์หมาป่าตัวน้อยทั้งหลายที่ยืนล้อมรอบมนุษย์หมาป่ากลุ่มใหม่ฝ่ายศัตรพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์นั่นเอง
“พวกเขากำลังฝึกอยู่ครับ” เทียนหนิงเจี้ยนกล่าวตอบ
‘หืม?’ หลินหยางคิดพลางมองจ้องมองอย่างสงสัย
มนุษย์หมาป่าทั้งสามสิบชีวิตที่หนีเตลิดจากฝูงค้างคาวเข้ามาพักพิงหลบภัยในเมืองของเขานั้นกำลังนั่งเกาะกลุ่มทานอาหารกันอย่างมูมมาม
โดยส่วนใหญ่เป็นเนื้อกระรอกและปลาสด ด้วยการที่ต้องอยู่ประทังชีวิตด้วยอาหารแห้งที่ได้รับมาจากห้องตอนที่พึ่งข้ามผ่านหลังประตูมา อาหารที่ไร้รสชาติเหล่านั้นทำให้พวกเขาแทบเอียน
เมื่อเห็นเนื้อสัตว์สดใหม่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนมีหรือจะอดใจไหว
รอบข้างพวกเขามีมนุษย์หมาป่าตัวน้อยราวสิบชีวิตยืนคุมอยู่ ในมือพวกเขาล้วนถือดาบสั้นอันเล็กเอาไว้เฝ้าดูการกระทำของพวกมันทั้งหมด
มนุษย์หมาป่าเด็กตัวน้อยเหล่านี้คือพวกที่ต้องการเข้าร่วมทีมระยะใกล้ของหลินหยางนั่นเองทว่า พวกเขานั้นตัวเล็กเกินไป พละกำลังต่ำเกินไป ร่างกายยังมิโตเต็มที่และจะไม่มีวันเติบโตไปมากกว่านี้
หลินหยางไม่สามารถให้พวกเขาออกไปรบนอกเมืองได้เพื่อความปลอดภัยจึงตั้งใจจะฝึกฝนพวกเขาต่อไปให้มีฝีมือไม่ด้อยค่าไปกว่าผู้ใหญ่ แต่กว่าจะถึงตอนนั้นคงใช้เวลาอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนนี้เนื่องจากคนอื่นๆกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมตัวรับมือกับศัตรูที่กำลังจะเผชิญ
เทียนหนิงเจี้ยนจึงให้เหล่าหมาป่าตัวเล็กเหล่านี้เป็นผู้คุมมนุษย์หมาป่าทั้งสามสิบตนแทน พวกเขาจะได้ฝึกฝนรับมือกับความกดดันและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปในตัว
มนุษย์หมาป่าตัวน้อยทั้งหลายหากเทียบกับสมาชิกทีมระยะประชิดหรือทีมจู่โจมนับว่ายังด้อยความสามารถมากนัก หรือแม้กระทั่งมนุษย์หมาป่าที่ไร้อาวุธทั้งสามสิบตนนั้นก็ยังมีความสามารถในการต่อสู้มากกว่าพวกเขา
ประสบการณ์ที่สั่งสมมาจนมีชีวิตถึงบัดนี้ของพวกมันมิใช่ของที่มีไว้เพียงแค่พูดคุยโอ้อวดมือของพวกเขาล้วนเปื้อนเลือดของศัตรูมาแล้วทั้งสิ้น ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นของจริง
ต่างกับมนุษย์หมาป่าตัวน้อยพวกเขาไม่เคยลงสมรภูมิสู้รบปรบมือกับศัตรูแต่อย่างใด จึงไร้ประสบการณ์จริง ส่วนใหญ่ยังมิเคยแม้แต่ปลิดชีวิตผู้ใดเลยด้วยซ้ำ พวกเขาพึ่งมาฝึกฝนอย่างจริงจังหลังจากเข้าร่วมกับหลินหยางนี่เอง
หลินหยางครุ่นคิด หากเขาต้องการให้เหล่าเด็กที่มีร่างกายเล็กกระทันรัดเหล่านี้สามารถออกไปสู้รบภายนอกเมืองได้
เขาคงต้องเพิ่มการฝึกฝนหรือให้พวกมันไปพบเจอกับสถานการณ์จริงเสียที เพราะการฝึกอยู่ในเมืองทุกวันคืนเช่นนี้ก็มิใช่ว่าไร้ประโยชน์แต่มันได้เพียงทฤษฎีเท่านั้น
ไม่ว่าจะฝึกมากมายเพียงใดแต่ซักวันก็ต้องถึงจุดสิ้นสุดหากพวกเขายังไม่เคยผ่านสมรภูมิของจริงก็เป็นได้เพียงเด็กที่จับอาวุธได้เท่านั้น
เห็นทีเขาคงต้องแก้ไขปัญหานี้และให้เด็กๆมาเป็นกำลังรบที่สามารถใช้งานได้จริงเสียแล้ว
ตอนที่ 290 คนชรา
เมื่อเดินตรวจตราไปจนทั่วเมือง ก็มาพบเข้ากับกลุ่มคนชราทั้งหลายที่กำลังทำงานกันอย่างขมักเขม่น
“ธนูไฟเตรียมไปถึงไหนแล้วครับ?” หลินหยางกล่าวถามด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม
“อีกไม่นานก็เสร็จแล้วละ” หญิงชราคนหนึ่งกล่าวตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ในมือของนางมีลูกธนูไม้ดอกหนึ่งที่สร้างขึ้นมาใช้เองทดแทนลูกธนูเหล็กที่เสียหาย หญิงชราคนนั้นกำลังนำเศษผ้ามามัดไว้ที่ปลายศรถ่วงน้ำหนักเอาไว้เล็กน้อย
“ครับ”หลินหยางยิ้ม
ในเมืองแห่งนี้เหล่าชายหญิงชราทั้งหลายนับว่าได้ความเคารพจากหลินหยางมากกว่าผู้ใด ไม่ว่ามนุษย์หรือมนุษย์หมาป่าก็ไม่ต่างกัน
คราใดก็ตามที่เขาคิดถึงตาและยายจากโลกเดิม เขามักจะมานั่งพูดคุยกับชายหญิงชราทั้งหลายทำให้จิตใจของเขาผ่อนคลายและเป็นสุข
ชายหญิงชราผมหงอกขาวทั้งหมดนี้ล้วนถูกลูกหลานของตนทอดทิ้งผลักใสไล่ส่งเข้ามาในประตูมาพบเจอกับโลกที่โหดร้าย
การที่ถูกคนที่ตนเองรักใคร่หักหลังทอดทิ้ง ชั่วชีวิตนี้นี่อาจจะเป็นความเจ็บปวดอย่างสุดแสนที่ไม่อาจลบออก
ด้วยเหตุนี้หลินหยางจึงไม่สามารถซ้ำเติมทอดทิ้งพวกเขาไปได้
คนชราทั้งหลายกำลังนำเศษผ้ามัดเข้ากับลูกธนู พวกเขาทำงานกันไม่แพ้คนหนุ่มเลยทีเดียว ห่างออกไปไม่ไกลมีชายฉกรรจ์กว่าสิบคนนั่งรวมกลุ่มกันเป็นวงกลม
ตรงกลางวงนั้นมีบางอย่างถูกห้อยเอาไว้อยู่ พวกเขากำลังใช้ลูกธนูภายในมือสอดลงไปในช่องว่างของสิ่งที่ห้อยอยู่นั้นไม่นานก็ดึงกลับมา ปลายลูกศรที่แต่เดิมเป็นเหล็กมันวาวสะท้อนแสงสวยงาม บัดนี้กลับกลายเป็นสีดำทมิฬ!
ปลายลูกธนูดอกนั้นเกิดรูเล็กๆขึ้นมา ลูกธนูดอกอื่นๆบางชิ้นก็แหว่งหายไป บางดอกก็เสียหายจนมิสามารถใช้งานได้อีกต่อไป สิ่งที่ห้อยอยู่ตรงกลางวงล้อมของพวกเขานั้นก็คือ ผิวหนังของกบพิษ!
ผิวหนังของกบพิษที่ถูกถลกออกมานั้นได้นำมาเป็นภาชนะในการกักเก็บเลือดพิษของพวกมันนั่นเอง ตอนนี้มันมีสภาพคล้ายกับลูกตุ้มที่ถูกมัดแขวนอยู่
ส่วนชายฉกรรจ์ทั้งหลายที่รอบล้อมพวกเขานำลูกธนูจุ่มลงไปในพิษนั้นเรื่อยๆ พวกเขากำลังสร้างอาวุธที่ร้ายแรงขึ้นมา ธนูพิษ!
ด้วยพิษที่ร้ายแรงนี้แม้จะละลายผสมลงไปอาหารเพียงหยดเดียวก็ทำให้ศัตรูของพวกเขาหมดหนทางต่อสู้ คราก่อนยามที่ใช้แผนสุราพิษเพื่อปรามฉือเฉียวนั้น พวกเขาผสมเลือดกบพิษในสุราเพียงหนึ่งส่วนร้อยเท่านั้น แต่กลับเห็นผลอย่างชัดเจนและโหดร้าย
ตอนนี้พวกเขากำลังสร้างลูกธนูพิษที่ไม่มีสิ่งใดเจือปนเลยแม้แต่น้อย หากมนุษย์คนใดถูกปักเข้าคงไม่รอดพ้นความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสไปได้อย่างแน่นอน หากได้รับในปริมาณที่มากพออาจให้มันผู้นั้นถึงขั้นสิ้นลมหายใจตกตายลงเลยก็เป็นได้
การสร้างลูกธนูพิษนี้มีความอันตรายอยู่มาก เขาจึงให้คนหนุ่มที่มีความระมัดระวังมากกว่าทำงานที่ใช้สมาธิสูงเหล่านี้ หากพวกเขาพลาดพลั้งถูกพิษเหล่านี้เข้าแม้จะไม่ตายเพราะว่ามีหมอมือดีอย่างหรงเถียนเหยาอยู่
แต่กระนั้นก็ต้องเจ็บปวดอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นซากกบพิษนี้ช่างส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลยิ่งนัก