เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 33-34
ตอนที่ 33 ราชสีห์ตาเดียว(ตอนปลาย)
หลินหยางมึนงงไปชั่วขณะก่อนที่มันจะค่อยๆคืนสติรีบพยุงตัวลุกขึ้นด้วยความแตกตื่นทิ้งระยะห่างจากศัตรูอย่างรวดเร็ว
‘การโจมตีทางวิญญาณ’ หลินหยางนึกย้อนถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดตัวนี้
ไม่มีทางป้องกัน ไม่สามารถตอบโต้ ช่างเป็นการโจมตีที่โหดเหี้ยม
พลังวิญญาณของเหล่าราชสีห์ตาเดียวมีอยู่ทั้งหมดสองแต้ม ซึ่งมากกว่าตัวเขาหนึ่งขั้นก็ยังเกือบจะทำให้เขาหมดสติเลยทีเดียว
หากพลังวิญญาณของมันมากกว่านี้เขาคงสิ้นสติไปแล้ว คราแรกเขาไม่รู้ความหมายของพลังวิญญาณเขาจึงไม่ได้สนใจมันนักแต่ตอนนี้เขารู้ซึ้งถึงการโจมตีที่ไร้การป้องกันนี้แล้ว มันช่างน่ากลัวเสียจริง
อ้ากก!!
คนที่เข้าโจมตีพร้อมกับหลินหยางร้องอย่างเจ็บปวด ชายผู้นี้โชคร้ายในจังหวะที่มันถูกการโจมตีทางวิญญาณพร้อมกับหลินหยางนั้นมันประชิดอยู่ใกล้กับเจ้าราชสีห์คำรามมากเกินไป เมื่อมันถูกผลของการโจมตีด้วยเสียงทำให้ร่างชะงักค้างจึงถูกราชสีห์ตัวยักษ์ใช้ฟันอันแหลมคมงับเข้าที่แขนของมันอย่างจัง
“ช่วยคนเจ็บ” หลินหยางตะโกนเสียงดังปลุกทุกคนให้คืนสติ
ชายหนุ่มปรี่เข้าไปให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บฟันดาบเข้าใส่แผงคอของศัตรูและด้วยขอบเขตการมองเห็นที่แคบของราชสีห์ตาเดียวทำให้มันมิได้รับรู้ถึงภัยอันตรายที่กำลังมาเยือนส่งผลให้มันถูกฟันเข้าอย่างจัง
ฉับบ!!
หัวของมันตกลงกับพื้น ทว่าปากมันก็ยังมิได้คลายออกจากแขนผู้เคาะห์ร้าย หลินหยางจึงไปช่วยลูกทีมง้างปากเจ้าอสูรที่สิ้นชีวิตไปแล้วก็ยังกัดมิปล่อย
เมื่อแขนของเขาหลุดออกมาแล้ว รูปร่างบาดแผลเป็นรอยฟันซี่ใหญ่ราวกับนิ้วคนเขาจึงให้คนพาผู้บาดเจ็บถอยกลับเข้าไปภายในเมือง
มีผู้ที่ถูกจู่โจมตีจนไม่สามารถต่อสู้ได้กว่าห้าคนหลินหยางจึงให้พวกเขาถอยกลับอย่างไม่มีทางเลือก หากยังให้พวกเขาสู้ต่อไปก็เพียงแต่จะเป็นภาระของผู้อื่น
เขามองไปบนกำแพง ทีมระยะไกลยังยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ พวกเขาไม่ทราบว่าเหตุใดทีมระยะใกล้ถึงถูกสิงโตตาเดียวกัดได้ พวกเขาเห็นเพียงแค่เจ้าสิงโตมันคำรามและทีมระยะใกล้ทั้งหมดก็ทรุดลงกับพื้นและรอคอยให้มันเข้ามากัดโดยไม่ได้ปัดป้อง บางคนก็มีเลือดออกมาจาก ปาก หูและจมูก
หลินหยางเห็นดังนั้น เขาคิดว่าการโจมตีทางวิญญาณของสิงโตตาเดียวนี้คงจะมีระยะของมันอยู่
ตอนนี้เหลือราชสีห์ตาเดียวเจ็ดตัว
จากการสังเกตุพวกมันคงจะใช้การโจมตีวิญญาณได้ต่อเนื่องไม่ได้เป็นแน่มิฉะนั้นมันคงใช้ตั้งแต่การโจมตีระลอกแรก หากเป็นแบบนั้นพวกเขาคงพ่ายแพ้ย่อยยับ
“ทุกคนโจมตี รีบฆ่ามันให้ได้” หลินหยางตะโกน พร้อมกับถือดาบคู่ใจเข้าไปพัวพันกับสิงโตตัวนึงและก็ฆ่ามันลงได้ไม่ยากเย็น เจ้าพวกนี้หากไม่มีการโจมตีทางวิญญาณก็ไม่ต่างกับสัตว์เชื่องๆตัวโตตัวนึง
แผนการโจมตีของเขา ยังคงเป็นเช่นเดิม ผลัดกันโจมตีแต่เนื่องจากทีมระยะใกล้
หลายคนยังคงบาดเจ็บจากการโจมตีทางวิญญาณและมีอาการเบลอเล็กน้อย พวกเขาจึงไม่สามารถฆ่ามันได้ทำได้เพียงแค่คุมเชิงมิให้มันกระจายตัวเท่านั้น มีเพียงแต่หลินหยางและทีมก่อสร้างที่ยังคงฆ่ามันต่อไป ทีมระยะไกลก็คอยยิงสะกัดมิให้มันเคลื่อนที่ได้
‘คุณฆ่าราชสีห์ตาเดียวระดับ 5 แปดตัว’
‘ยินดีด้วยคุณเลื่อนระดับถึง 9 สำเร็จแล้ว ได้รับแต้มค่าสถานะเพิ่มขึ้นหนึ่งจุด’
และแล้วการต่อสู้ก็สิ้นสุดลง เป็นชัยชนะของหลินหยางและเมืองของเขา แม้จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บห้าคนแต่ก็มิได้อันตรายถึงชีวิต
เขาเดินเข้าไปดูซากของพวกมัน มีทั้งหนังสือทักษะและเงิน เขารวมรวบทั้งหมดนับแล้วมีเงินจำนวนกว่าร้อยห้าสิบเหรียญและมีหนังสือทักษะสองเล่ม
ทักษะ ระดับ 2 ราชสีห์คำราม
คำอธิบาย : การโจมตีทางวิญญาณ เมื่อเป้าหมายมีค่าวิญญาณที่ต่ำกว่าผู้ใช้ การโจมตีจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตอนที่ 34 ความตื่นเต้น
หลินหยางตัดสินใจเรียนรู้ทักษะทันที มีเสียงดังขึ้นและหนังสือทักษะในมือก็ไหม้ไป
‘คุณได้เรียนรู้ทักษะราชสีห์คำรามระดับ 2 เรียบร้อยแล้ว’
‘ท่านได้เพิ่มค่าสถานะวิญญาณ 0.1 เสร็จสิ้น’
‘ทักษะราชสีห์คำรามระดับ 2 ได้รับการเลื่อนขั้น 2/10 เรียบร้อยแล้ว’
เขาลองเปิดดูค่าสถานะของตนเอง
ชื่อ หลินหยาง เผ่า มนุษย์
ระดับ 9
สถานะ
พลัง 1
ป้องกัน 1
ความเร็ว 1.7
วิญญาณ 1.1
ค่าสถานะที่เพิ่มได้ —
ทักษะ หลอมไฟ ระดับ 1 5/10
ราชสีห์คำราม ระดับ 2 2/10
ดวงตาเหยี่ยว ระดับ 3 3/10
ค่าทักษะที่เพิ่มได้ —
“พวกเรากลับเข้าเมืองกันเถอะ” หลินหยางกล่าวพร้อมนำกำลังหันกายกลับเข้าเมืองของตน
ตอนนี้ผู้บาดเจ็บทั้งห้าคนกำลังรักษาตัวอยู่โดยนักศึกษาพยาบาล หรงเถียนเหยา เนื่องจากทั้งเมืองมีเพียงเธอคนเดียวที่มีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ เธอจึงเป็นทีมแพทย์ซึ่งมีสมาชิกแค่เธอคนเดียวแม้จะบอกว่าเธอรักษาคนได้ แต่เธอเพียงแค่รักษาเบื้องต้นเท่านั้นเนื่องจากไม่มียาและอุปกรณ์ทางการแพทย์เธอจึงใช้ผ้าพันแผลให้ผู้ที่ถูกกัดคอยล้างแผลและห้ามเลือด
ตั้งแต่พวกเขามาอยู่ในโลกแห่งนี้ก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว แต่สามเดือนที่ผ่านมาก็ทำให้มีข้อสงสัยมากมายพวกสัตว์มาจากไหนทำไมพวกมันต้องโจมตีหรือแม้แต่ปลาในแม่น้ำที่พวกเขากินทุกวันพวกมันกลับไม่ลดลงเลย แม้วันนี้พวกเขาจะจับมันขึ้นมาจนเกือบหมด แต่วันรุ่งขึ้นเมื่อพวกเขากลับมาจำนวนปลาในคลองน้ำกลับมีจำนวนเท่าเดิมดังวันวานราวกับว่ามันผุดขึ้นมาจากผืนดิน
การที่พวกเขากินปลากันทุกวันแต่ร่างกายพวกเขาก็ยังแข็งแรงไม่ป่วยไข้แม้จะไม่ได้กินเนื้อ ข้าว หรือผัก แม้กระทั่งคนชราก่อนที่พวกเขาจะเข้ามายังโลกแห่งนี้พวกเขาป่วยหนัก ซึ่งบางคนได้รับการวิจนิฉัยว่าคงอยู่ต่อได้ไม่นานแต่เมื่อเข้ามาที่หลังประตูพวกเขากลับร่างกายแข็งแรงราวกับพวกเขาได้ย้อนไปในวัยหนุ่ม ซึ่งโรคต่างๆที่เคยเป็นกลับไม่แสดงอาการอะไรเลยแม้แต่น้อย
หลินหยางก็อดสงสัยไม่ได้เพราะตั้งแต่เข้ามายังไม่เคยมีใครป่วยหรือเสียชีวิตตามธรรมชาติเลยซักคนเดียวแม้กว่าหนึ่งเดือนที่พวกเขาต้องนอนกับพื้นตากลมและฝน หนวดเคราเส้นผมมิงอกเงย ร่างกายพวกเขาราวกับถูกหยุดเวลาไว้
ภายในเมือง
“พรุ้งนี้ผมจะจัดการแข่งขัน ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้รวมทั้งมนุษย์หมาป่าเช่นกันของรางวัลคือหนังสือทักษะราชสีห์คำรามระดับ 2 เนื่องจากมันมีเพียงเล่มเดียวผู้ชนะเท่านั้นถึงจะได้ครอบครอง” หลินหยางเรียกทุกคนมาเพื่อกล่าวไปข้างต้น
“พี่หยาง พี่จะแข่งอะไรหรอ”มีคนถามขึ้นมา ในส่วนของรางวัลที่หลินหยางหยิบยกขึ้นมานั้นไม่มีใครทักท้วงเลยสักคนที่ชายหนุ่มหยิบใช้ไปแล้วหนึ่งในสอง นั่นเพราะพวกมันคิดว่ามิมีใครคู่ควรและสมควรได้รับมันไปกว่าชายหนุ่มอีกแล้ว
หลินหยางยิ้ม
“แข่งการต่อสู้ซึ่งจะมีทั้งสิ้น 2 อย่าง หนึ่งการต่อสู้ด้วยมือเปล่า สองการยิงธนู”หลินหยางยิ้มตอบ
เนื่องจากหนังสือทักษะเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับโลกนี้ เขาจึงจัดการแข่งขันนี้ขึ้นเพื่อเอามันให้กับผู้ที่คู่ควรอย่างแท้จริงและเป็นการผ่อนคลายหลังการต่อสู้เพราะตั้งแต่มายังโลกนี้พวกเขาก็ต้องระวังตนเองตลอดเวลา
“เตรียมความพร้อมไว้ให้ดีผู้ชนะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น”
เมื่อได้ฟังแล้วทีมระยะใกล้หลายคนก็ตื่นเต้นหวังจะเป็นผู้ครอบครองทักษะที่ทำร้ายตนและพวกมันก็ทราบถึงความร้ายกาจของทักษะนี้ดี ซึ่งเหล่าผู้หญิงที่สังกัดทีมระยะไกลกลับไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
เมื่อพวกเธอเห็นเหล่าชายชาตรีผู้บ้าการต่อสู้กำลังมองไปที่หนังสือทักษะในมือหลินหยางด้วยดวงตาเปร่งประกายพวกเธอก็เมินหน้าหนี
แต่ก็มิใช่กับทุกคนซึ่งเหมยเหมยเองก็ต้องการเข้าร่วมการต่อสู้แต่หลินหยางไม่อนุญาตเนื่องจากเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่อายุเพียง สิบสี่ปี
หากเขาให้เธอเข้าร่วมต่อสู้เกรงว่าเหล่าชายชาตรีทั้งหลายคงทำตัวไม่ถูกเป็นแน่