เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 341-342
ตอนที่ 341 คาวเลือด
หวงฮั่นนำขบวนเดินจากไปเพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จโดยไว พวกเดินตามเส้นทางที่คาดว่าจะเป็นทางเดียวกับหนอนดิน
ซึ่งดูไม่ยากเย็นเท่าใดเพราะพื้นดินนั้นยกตัวสูงขึ้นเล็กน้อยบวกกลับความแข็งแรงของพื้นดินต่ำกว่าที่เคยเป็น มันยังมีร่องรอยที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าให้สังเกตุเห็น
หลินหยางเดินนำขบวนของตนไปทันทีมุ่งตรงสู่ถ้ำค้างคาวปีกเหล็ก
ขบวนแถวเดินกันอย่างเป็นระเบียบแบ่งแถวอย่างชัดเจน ทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมรวมกันไม่แบ่งฟักฝ่าย ท้ายขบวนมีเกวียนขนาดใหญ่หนึ่งลำ บรรทุกตาข่ายทั้งหมดสามผืน และสิ่งของจำเป็น
เกวียนขนาดใหญ่นี้ถูกลากมาด้วยมนุษย์หมาป่าห้าตน และมีมนุษย์หมาป่าอีกยี่สิบห้าตนคอยคุ้มกันเกวียนเอาไว้
พวกเขาคือมนุษย์หมาป่าจากกองกำลังพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์นั่นเอง วันนี้พวกมันได้อาวุธของตนเองกลับคืนมาแล้วพร้อมกับเดินตามขบวนหลินหยางกลับไปยังถ้ำค้างคาวปีกเหล็ก
แม้จะได้อาวุธคืนมาและได้รับอิสระเดินเคียงคู่ไปกับขบวนทัพ แต่พวกมันก็ถูกประกบด้วยคนจากทีมจู่โจมเช่นกันเพื่อป้องกันเหตุการณ์มิคาดฝัน หากพวกมันคิดการใหญ่คงไม่พ้นถูกปลิดชีวิตเสียก่อนที่จะได้ลงมือทำสิ่งใด
เหตุที่หลินหยางเลือกให้ทีมจู่โจมเป็นผู้คุมของหมาป่าแปลกหน้าเหล่านี้เพราะทีมจู่โจมนั้นไร้ความปราณีพวกเขาสามารถปลิดชีวิตหมาป่ากลุ่มนี้ได้โดยไม่รู้สึกผิด เนื่องหมาป่าทั้งสองฝูงนั้นมิได้ถูกคอกันมาตั้งแต่ต้น
พวกเขาเดินทางไปตามเส้นทางเดิม ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับการเดินทางเมื่อวาน ตอนนี้หลินหยางเห็นถ้ำค้างคาวแล้ว มันอยู่ไกลห่างออกไปยังมิเห็นรายละเอียดชัดเจนมากนัก
ทว่าเส้นทางตรงหน้าพวกเขานั้นมีแต่ซากค้างคาวปีกเหล็กนอนกลาดเกลื่อนตกตายลงอยู่รอบๆปากถ้ำ ดูจากสายตาซากค้างคาวเหล่านี้มีไม่ต่ำกว่าสามร้อยร่าง
มิเพียงเท่านั้นยังมีซากศพของมนุษย์ มนุษย์หมาป่าและมนุษย์กิ้งก่าปนอยู่ด้วย
ร่างของพวกมันกระจัดกระจายอยู่มิเป็นทิศทาง
แต่จะเรียกว่าร่างก็คงมิถูกนักเพราะแต่ละร่างนั้นมิได้มีส่วนใดอยู่ครบองค์ประกอบเลย บ้างก็เหลือเพียงครึ่งตัว บางร่างก็แขน ขาหรือแม้กระทั่งศรีษะขาดหาย นอนตายจมกองเลือดที่แห้งกรังย้อมผืนหญ้า
บางจุดนั้นมีเพียงแต่กองเลือด ไร้ศพ ไร้ร่าง ไร้กระดูก เลือดที่กองกันอยู่นั้นมิทราบเป็นของผู้ใดและร่างของมันผู้นั้นอยู่ไหน มันมีเพียงแต่กองเลือด
ที่หน้าแปลกกว่านั้นคือหน้าปากถ้ำนั้นมีรอยเลือดเป็นเส้นสายไปบรรจบกันที่ปากถ้ำ รอยเลือดลากยาวกว่าสิบเส้นทางมุ่งตรงไปยังจุดเดียวกัน
“ส่งคนออกไปสำรวจรอบๆ” หลินหยางออกคำสั่ง หลังจากมองไปรอบๆไม่เจอกองกำลังของทั้งสามเผ่าพันธุ์
จิ่นเหอและเจียวซิ่นแบ่งทีมออกไป กระจายตัวเป็นแนววงกลมขยายออกเรื่อยๆ เสาะหาผู้รอดชีวิตหรือค้างคาวที่ตกค้างอยู่ เมื่อถึงในระยะหนึ่งกิโลพวกเขาทิ้งคนบางส่วนเอาไว้เพื่อประจำการสอดแนมระวังภัย
คนที่เหลือมุ่งหน้าเข้าใกล้ปากถ้ำค้างคาว บางคนก็ปิดจมูกแน่นหายใจทางปาก เนื่องจากกลิ่นคาวเลือดที่พัดโชยไปในอากาศนี่ช่างคละคลุ้งเสียจริง บางร่างถูกกัดแทะจนมิสามารถระบุได้ว่าเคยเป็นคนมาก่อน
ตอนที่ 342 ร่องรอย
ณ ปากถ้ำ
“..” หลิวไห่ยืนซึมมองไปยังกองไม้กองหนึ่ง มันคือที่พักชั่วคราวที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมาตอนที่เตรียมจะบุกถ้ำค้างคาวเมื่อวานนั่นเอง
บัดนี้มันทรุดลงเละเทะจากฝีมือฝ่ายไหนมิทราบแน่ เขาอดเสียดายมันไม่ได้มันคือผลงานการออกแบบจากการระดมสมองของคนทั้งหลายสิบคนสร้างออกมาอย่างปราณีต แม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่น่าดูชมและใช้เวลาสร้างไม่ถึงสิบนาทีก็เถิด…
มนุษย์หมาป่าทั้งสามสิบตนผู้ที่ติดสอยห้อยตามมาด้วย พวกมันเสาะหาร่างพวกพ้องภายในซากศพที่นอนเกลื่อนกลาด
ในกองซากทั้งหมดนั้นมีมนุษย์หมาป่าอยู่เพียงสองตนเท่านั้น นับเป็นเรื่องโชคดีของพวกมันเพราะสมาชิกส่วนใหญ่นั้นได้ติดตามหลินหยางหนีออกจากจุดเกิดเหตุได้ก่อนที่จะตกเป็นเป้าของค้างคาวปีกเหล็ก
จึงเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังอยู่ประกบผู้นำมนุษย์หมาป่า หากเทียบกับศพมนุษย์และมนุษย์กิ้งก่าที่นอนตายกว่ายี่สิบร่างนี้นับว่าพวกเขาโชคดีกว่ามาก
ถึงแม้จะได้รับการแจ้งเตือนจากเสียงประหลาดมาแล้วก็ตาม แต่พวกมันก็ต้องการเห็นกับตาของตนเองเพื่อยืนยันร่างผู้เสียชีวิต พร้อมกับคอยภาวนามิให้เจอร่างของผู้นำของตนเองเป็นศพนอนตายไร้ลมหายใจ
โชคดีที่ทั้งสองตนที่ตกตายลงไปนั้นเป็นเพียงผู้ติดตามมาไม่มีฝีมือการต่อสู้มากเท่าใดนัก จึงมินับเป็นความเสียหายในด้านกำลังรบ แต่สำหรับด้านจิตใจก็ปฏิเสธมิได้
หลินหยางมองเข้าไปในปากถ้ำที่มืดมิด
“พวกนายรออยู่ตรงนี้ ระวังรอบข้างเอาไว้ด้วย” เขากล่าวสูดหายใจลึกมุ่งเดินเข้าสู่ปากถ้ำเพียงลำพังพร้อมกับคบไฟภายในมือ
วูบบ~
หลังจากถูกดูดเข้ามาโดยปากถ้ำเขามองไปรอบๆพบเจอแต่ความมืดมิด
ฟู้ม~
เขาจุดไฟขึ้นมาเพื่อเพิ่มแสงสว่างสร้างระยะการมองเห็น พบเจอแต่เพียงผนังถ้ำเท่านั้นมิพบร่องรอยของการสู้รบแต่อย่างใด
เมื่อมองไปยังพื้นถ้ำพบกับเลือดที่แห้งกรังกองใหญ่ทอดยาวหายไปในส่วนลึกของถ้ำ จุดนี้ทำให้เขาสงสัยถึงรอยเลือดแปลกประหลาดเหล่านี้ เลือดที่มีเยอะขนาดนี้คงมิใช่เลือดของค้างคาวปีกเหล็กเป็นแน่
หากเป็นเช่นนั้นคงเหลือเพียงฝ่ายพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์แต่ทว่าเขาก็มิพบร่องรอยอันใดที่ส่อไปถึงเหตุรุนแรง ทั้งยังมิพบร่างคนหรือค้างคาวปีกเหล็กเลยแม้แต่น้อย
แคว๊กก~
มีเสียงของค้างคาวปีกเหล็กส่งออกมาเป็นระยะ ทำให้เขาเบาใจลงส่วนหนึ่ง เดิมทีเขาคิดว่าพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์จะบุกจู่โจมถ้ำค้างคาวกวาดล้างพวกมันจนสิ้นไปเสียแล้ว แต่ศพซากที่อยู่ภายนอกถ้ำนั้นมันขัดแย้งกับความคิดของเขา
จึงตัดสินใจเข้ามาข้างในเพื่อสืบเสาะหาเรื่องราว ดูท่าพันธมิตรสามเผ่านั้นจะมิได้ย่ำกรายเข้ามาภายในถ้ำค้างคาวแต่อย่างใด พวกมันคงจะถอยหนีตั้งแต่ถูกฝูงค้างคาวหลายพันตัวจู่โจม เขาจึงหันหลังกลับออกจากถ้ำทันที ส่วนรอยเลือดนี้ก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป
“เป็นไงบ้างพี่หยาง” หลิวไห่กล่าวถามด้วยความอยากรู้
“มีเพียงค้างคาวปีกเหล็ก พวกมันไม่ได้อยู่ในนั้น” หลินหยางกล่าวใบหน้ายิ้มแย้ม นี่เป็นเรื่องดีที่พวกเขายังไม่เสียแหล่งเพิ่มพูนระดับที่หาได้ยากยิ่งไป เพียงแค่ซากค้างคาวหลายร้อยตัวภายนอกถ้ำก็ทำให้เขาอดรู้สึกเสียดายไม่ได้