เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 349-350
ตอนที่ 349 เป้าหมาย
ตอนนี้เหล่าพันธมิตรสามเผ่ายังพึ่งผ่านศึกการต่อสู้กับค้างคาวปีกเหล็กทำให้กำลังพลของพวกมันตกตายไปมากกว่าครึ่งเสียอีก พวกมันคงเหลือกำลังไม่ถึงห้าสิบตายรวมถึงเด็กและคนชรา
ด้วยจำนวนเพียงเท่านี้คงไม่สามารถต่อต้านกองกำลังที่แข็งแกร่งของเขาได้ พวกมันจึงเหลือเพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้นคือยอมทำตาม หรือ ตาย!
“พร้อมกันแล้วใช่ไหม” หลินหยางกล่าว
“พร้อมครับ” ทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมตอบรับเป็นเสียงเดียว ตอนนี้พวกเขาปล้นสิ่งของภายในเมืองมนุษย์จนมิเหลือสิ่งใดให้ใช้สอยได้อีกต่อไป พวกเขาเอาไปแม้กระทั่งเศษผ้าที่ฉีกขาด แม้แต่ถุงผ้าก็ไม่เหลือเอาไว้ให้ หากพลเมืองแห่งนี้กลับมาพวกมันคงต้องเป็นลมล้มพับเป็นแน่..
“นำทาง” หลินหยางกล่าวกับเจียวเป่า
พวกเขาออกเดินทางไปต่อกันทันที ที่มั่นสุดท้ายของผู้รอดชีวิตคือเมืองมนุษย์กิ้งก่านั่นเอง เส้นทางไปยังเมืองมนุษย์กิ้งก่านั้นมีเพียงช่วงออกจากเมืองมนุษย์เท่านั้นที่จะพบกับซากค้างคาวปีกเหล็กราวยี่สิบถึงสามสิบตัวไม่มากนัก
ระยะทางระหว่างเมืองมนุษย์และมนุษย์กิ้งก่านั้นไม่ห่างกันมากนักพวกเขาใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นานก็ถึงที่หมาย
“นั่นใช่ไหม?” หลินหยางกล่าวถามหลังจากที่เห็นเมืองตรงหน้าเขา เมืองนี้แตกต่างจากเมืองที่เขาเคยเห็นอย่างสิ้นเชิง
มันมิได้มีต้นไม้ล้อมรอบอย่างเมืองมนุษย์ มิใช่ต้นไม้ยักษ์ดั่งเมืองเอลฟ์ มิได้มีก้อนหินก้อนใหญ่วางเรียงกันหรือต้นไม้ที่ยืนต้นตายอย่างเมืองคนแคระ
เมืองตรงหน้าของเขานั้นมันเรียกได้ว่าเป็นกำแพงของจริง กำแพงสีเขียวที่สูงสี่เมตรทอดยาวเป็นแนวเดียวกัน มันล้อมรอบสร้างเกราะป้องกันเมืองเอาไว้เป็นอย่างดี
ยกเว้นทางเข้าเมืองของพวกเขาที่มิมีกำแพงนี้กั้นขวางมันเปิดโล่งสามารถเดินเข้าออกได้ตลอดเวลา
หลินหยางอดรู้สึกอิจฉาเผ่าพันธุ์มนุษย์กิ้งก่ามิได้ที่พวกมันเริ่มแรกมาก็มีกำแพงล้อมรอบปลอดภัยเช่นนี้ พวกมันแทบมิต้องต่อเติมอันใดเลย
แต่ทว่าเมื่อเข้าใกล้จนเห็นได้อย่างชัดเจนนั้น ความอิจฉาของหลินหยางก็พังทลายลง เพราะกำแพงสีเขียวตรงหน้าเขานั้นมันคือเถาวัลย์ที่เลื่อยเกาะกันเป็นกลุ่มก้อนและมีใบหญ้าขึ้นปกคลุมเท่านั้น
ดูแล้วความแข็งแรงคงทนของมันคงไม่สามารถป้องกันการโจมตีที่มีความรุนแรงได้ หากถูกรถขว้างหินโจมตีใส่ซักครากำแพงที่สวยงามนี้คงเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่เป็นแน่
กำแพงเถาวัลย์นี้ดูมิค่อยแข็งแรงเท่าใดนี่คือข้อเสียขนาดใหญ่ของมัน เพราะมิสามารถนำคนขึ้นไปประจำการบนกำแพงได้ ทำให้เมืองมนุษย์กิ้งก่านั้นสามารถวางเวรยามได้เพียงจุดเดียวนั่นคือทางเข้าเมืองส่วนหน้าเท่านั้น
มองไปยังทางเข้าเมืองในที่สุดพวกเขาก็พบกับผู้รอดชีวิตจากกองกำลังพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์ มันเป็นมนุษย์กิ้งก่าสามตนกำลังยืนคุยกันอยู่พร้อมกับหอกแหลมยาวภายในมือและโล่เหล็กทรงกลมในมืออีกข้าง ดูท่าพวกมันจะเป็นเวรยามที่คอยเฝ้าระวัง
หลินหยางยิ้มออกทันที พวกเขาเดินทางไปมาทั้งสามเมืองกว่าจะพบเจอกับพวกมันที่หนีรอดมาจากค้างคาวปีกเหล็ก
ตอนที่ 350 มนุษย์กิ้งก่า
หลินหยางกระซิบกล่าวบางอย่างกับเจียวซิ่นบางเบา
ไม่นานเจียวซิ่นก็ถ่ายทอดคำสั่งของหลินหยางพวกเขากระซิบกระซาบกันเป็นลูกโซ่ การพูดคุยของพวกเขามิได้เล็ดรอดออกมาให้มนุษย์หมาป่าจากเมืองของเจียวเป่ารับรู้เลยแม้แต่ตนเดียว
“ตั้งแนวป้องกันสามเหลี่ยม” เขาสั่งการ
ตึง~
ตึงง~
เกิดเสียงกระทบกันของโลหะดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สมาชิกทีมมนุษย์จากทีมระยะใกล้ทั้งหมดจำนวนสี่สิบคน พวกเขาถือโล่เหล็กในมือพร้อมกับยืนเรียงต่อกันเว้นช่วงเพียงเล็กน้อยพร้อมกับนำโล่ที่ถือขวางตั้งป้องกันหันออกไปภายนอก
หากมองจากมุมสูงพวกเขาช่างคล้ายคลึงกับพีรามิดยิ่งนัก มันเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมปลายแหลม โดยส่วนปลายสุดนั้นชี้ไปยังเมืองมนุษย์กิ้งก่า ส่วนฐานสามเหลี่ยมนั้นพวกเขาหันตัวไปด้านตรงข้าม นั่นคือด้านหลังนั่นเอง
ใจกลางพีรามิดแห่งนี้มีคนอยู่ภายในหลายสิบคนเลยทีเดียว หากจะเรียกเป็นคนก็มิค่อยถูกนักเพราะมีมนุษย์อยู่เพียงคนเดียวนั่นคือหลินหยาง ส่วนที่เหลือคือมนุษย์หมาป่าจากทีมระยะใกล้ ทีมจู่โจม และหมาป่าจากฝูงเจียวเป่าทั้งสิบตนนั่นเอง
@#!@$
มีเสียงโหวกเหวกมาจากเมืองมนุษย์กิ้งก่า เนื่องจากระยะทางที่ไกลห่างกว่าห้าร้อยเมตรทำให้พวกเขามิได้ยินชัดเจนถึงคำกล่าว
ผู้ที่ส่งเสียงนั้นคือเวรยามทั้งสามนั่นเองพวกมันเมื่อได้ยินเสียงประหลาดคล้ายกับโลหะกระทบกันจึงดึงดูดความสนใจของพวกมันให้จ้องมายังหลินหยางและพวก
เมื่อเห็นศัตรูที่มิทราบที่มากำลังสร้างแนวป้องกันอยู่พวกมันจึงป่าวร้องตะโกนแจ้งเตือนให้แก่พักพวกที่อาศัยอยู่ภายใน
ไม่นานเริ่มมีผู้คนออกมายืนออตรงบริเวณทางเข้าเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงครู่เดียวเท่านั้นจำนวนคนก็เพิ่มขึ้นตอนนี้หน้าเมืองมนุษย์กิ้งก่านั้นมีคนกว่าสี่สิบถึงห้าสิบคนยืนอยู่พร้อมกับอาวุธภายในมือ
พวกมันจับกลุ่มคล้ายปรึกษาหารือกันอยู่หน้าเมืองมิได้ขยับเข้ามาใกล้หลินหยางและพวกแต่อย่างใด รวมถึงหลินหยางและพวกเองก็มิได้ขยับเดินหน้าเข้าใกล้พวกมันเช่นกัน
มนุษย์กิ้งก่านั้นมีทักษะเป็นเลิศในเรื่องการใช้หอกและปาหอก เดิมทีหน้าถ้ำค้างคาวนั้นหากพวกมนุษย์กิ้งก่าเข้าร่วมการต่อสู้ พวกเขาคงไม่สามารถถอยกลับไปได้อย่างราบรื่นปลอดภัยเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้หลินหยางจึงมิได้เคลื่อนทัพเข้าใกล้พวกมันมาเกินไป
ไม่นานมีคนจำนวนห้าคนถืออาวุธครบมือมุ่งหน้าเดินเข้ามาหาหลินหยางและพวก ดูท่าพวกมันจะรอคอยเก็บความสงสัยต่อไปมิไหว
หลังจากเข้ามาใกล้พอจนสามารถเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน ผู้ที่มานั้นคือผู้นำมนุษย์กิ้งก่าและมนุษย์กิ้งก่าอีกสี่ตนนั่นเอง
“พวกเจ้าเป็นใคร” มีเสียงหนึ่งตะโกนกล่าวถาม
“เปิดทางให้เจียวเป่า” หลินหยางกล่าวแก่หลิวไห่ผู้อยู่ส่วนปลายของแนวป้องกันรูปแบบสามเหลี่ยม
ก่อนจะส่งตัวเจียวเป่าออกไปหลินหยางกล่าวย้ำความตั้งใจของตนที่มาอย่างเป็นมิตรแก่เจียวเป่าให้มันนำไปบอกเล่าแก่ผู้นำมนุษย์กิ้งก่า
หลิวไห่ขยับตนเองไปเปิดช่องว่างทันทีตามคำบัญชาของหลินหยาง
เจียวเป่าผู้อยู่ใจกลางแนวป้องกันมันค่อยๆเดินออกไปช้าๆโดยมิมีอาวุธติดกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว