เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 411-412
ตอนที่ 411 หลอมละลาย
ฟิ้ว~
ฟุ่บบ~
“ต้านเอาไว้!” หลินหยางตะโกนสุดเสียงเรียกขวัญกำลังใจทั้งของตนและพวกพ้อง เกร็งแขนยันลำตัวเตรียมรับการปะทะจากฝูงค้างคาวมิลดละ
ตูม~
เคล้งง~
เสียงการปะทะดังกระหึ่มกลบเสียงอื่นๆไปจนสิ้น บางตนถูกการโจมตีจากค้างคาวระดับหกสองถึงสามตัวพุ่งเข้าใส่สร้างแรงกระแทกจนถลาถอยหลัง แต่ไม่ช้าพวกเขาก็ดีดตัวเข้ากลับประจำจุดเดิมอย่างทันควัน
การโจมตีจากค้างคาวระดับหกนี้รุนแรงยิ่งกว่าค้างคาวระดับสี่อย่างเห็นได้ชัด พวกมันมิเร่งความเร็วโดยบินมาจากระยะไกล มันใช้ขนาดร่างกายที่มีน้ำหนักมากอย่างคุ้มค่า
เรียกได้ว่าพวกมันแทบมิใช้ปีกเหล็กที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเลย ใช้ขนาดตัวโถมเข้าใส่แนวป้องกันไม่ต่างกับลูกปืนใหญ่
“โล่ไฟ” หลินหยางตะโกนอีกคราพร้อมกับโล่เหล็กในมือของเขาเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆจากความร้อนที่เผาใหม้มันด้วยทักษะหลอมไฟ
มิรอช้ามนุษย์หมาป่าทั้งสี่ตนใช้ทักษะหลอมไฟลงไปตนตัวโล่เหล็กในมือของตนทันที หล่อหลอมให้เหล็กภายมือสร้างความร้อนราวกับกระทะที่ย่างไฟจนแดงแจ๋
แต่เดิมพวกเขาทั้งหกที่ถูกเลือกมาให้รับหน้าที่ทำภารกิจเพื่อให้แผนการลุล่วงนี้ ล้วนเป็นผู้มีระดับสูงสุดในหมู่มนุษย์หมาป่า
ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะมีทักษะใดที่หลินหยางแจกจ่าย มนุษย์หมาป่าที่มีระดับสูงเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ได้ครอบครองทักษะเหล่านั้น ทั้งทักษะหลอมไฟ หรือแม้กระทั่งทักษะที่พึ่งได้มาใหม่เอี่ยมอย่างทักษะพิษผึ้งและทักษะโลหิตคลั่ง
มนุษย์หมาป่าทั้งสี่ที่กำลังโรมรันฟันแทงเข้าใส่ฝูงค้างคาวอยู่ตอนนี้พวกเขาล้วนถือครองทักษะดังกล่าวกันจนสิ้น
ตูม~
แคว๊ก~
ค๊าก~
มิทันไรโล่เหล็กที่ถูกหล่อหลอมด้วยความร้อนดั่งเปลวไฟทั้งห้าก็แสดงฤทธิ์เดชของตนกำหราบศัตรู
ค้างคาวระดับหกสองใช้ลำตัวขนาดใหญ่โหมกระแทกเข้าใส่โล่เหล็ก ณ ใจกลางแนวป้องกันซึ่งจุดนั้นเป็นหลินหยางประจำการอยู่
ร่างกายของมันถูกเหล็กร้อนนาบเข้าใส่ผิวหนังบนร่างกายส่วนที่กระทบ เมื่อถูกโจมตีด้วยความร้อนเช่นนี้แม้แต่ค้างคาวระดับหกก็มิสามารถทนรับความเจ็บปวดได้
พวกมันทั้งคู่สะดุ้งสุดตัวผละออกจากโล่เหล็กบานนั้นทันที เป็นโชคดีของมันที่ยังมิได้ตกตายลง
ทว่า..ผิวหนังของมันที่ถูกเหล็กร้อนนาบใส่กลับแหว่งหายออกจากร่างกายไปกว่าครึ่งตัว!
มองไปยังโล่เหล็กของหลินหยางนั้นพบเจอเข้ากับชิ้นส่วนผิวหนังของมันติดอยู่
ยังนับว่าพวกมันโชคดีแล้วที่สูญเสียไปเพียงผิวหนังบางส่วนเช่นนี้
หากพวกมันโจมตีเข้าใส่โล่เหล็กทั้งสี่ใบที่ครอบครองโดยมนุษย์หมาป่าทั้งสี่ตนละก็แม้แต่ชีวิตพวกมันก็มิเหลือ!
ในบรรดาทั้งห้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้มีเพียงหลินหยางเท่านั้นที่มีทักษะหลอมไฟระดับหนึ่ง
มนุษย์หมาป่าทั้งสี่ตนที่เหลือล้วนเลื่อนขั้นเพิ่มระดับทักษะหลอมไฟนี้จนขึ้นเป็นระดับสามกันแล้วทั้งสิ้น
เมื่อทักษะนี้ถูกใช้ด้วยน้ำมือของพวกเขามันจึงสร้างความร้อนแผดเผาร่างกายของศัตรูจนดำไหม้เป็นตอตะโกไปถึงกระดูก!
ตอนที่ 412 หนีตาย(ตอนต้น)
เมื่อเริ่มใช้ทักษะหลอมไฟควบกับโล่เหล็ก ผลลัพธ์ที่แสดงออกมานั้นได้ผลดีเกินคาด
เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ร่างกายของค้างคาวปีกเหล็กถูกนาบเข้าด้วยทักษะหลอมไฟนี้ก็เพียงพอที่จะส่งพวกมันกลับสู่ยมโลก
เดิมทีเขามิได้คาดหวังจะให้มนุษย์หมาป่าทั้งสี่ใช้ทักษะหลอมไฟแต่อย่างใด เพราะมันสิ้นเปลืองพละกำลังมากเกินไปทั้งพวกเขายังมิมีใครเพิ่มสถานะไปยังพลังอีกด้วย ฉะนั้นมนุษย์หมาป่าทั้งสี่ย่อมไม่สามารถเทียบเคียงความอดทนได้กับเหล่ามนุษย์จากทีมระยะใกล้ได้
ตอนนี้หลินหยางมิได้สนใจเรื่องความอดทนความเหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป คล้ายกับเขากำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างเพื่อดำเนินแผนการขั้นต่อไปอย่างไงอย่างงั้น..
‘!?’ หลินหยางตื่นตระหนกชั่วครู่หลังจากมองเห็นบางอย่าง
‘มาแล้ว’ หลินหยางกล่าวบางเบาเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่เขาอดทนเฝ้ารอมันมาอย่างนาน
“วิ่ง!” หลินหยางตะโกนดังสนั่นเมื่อเห็นฝูงค้างคาวตรงหน้าพวยพุ่งเข้ามาโดยมีแกนนำเป็นค้างคาวระดับหก และมิใช่เพียงตัวหรือสองตัว
ตรงหน้าเขาบัดนี้ค้างคาวระดับหกนับร้อยตัวกำลังกระพือปีกดีดตัวออกจากฝูงตรงดิ่งมายังพวกเขาเป็นทางเดียว!
แต่นั่นมิใช่สิ่งที่เขากำลังรอคอย มันคือสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างจากค้างคาวพวกนี้ มันคือค้างคาวตัวจิ๋วผู้มีความว่องไวเป็นเลิศและสร้างความเสียหายมหาศาลให้กับพักพวกของเขา!
ตั้งแต่เริ่มใช้โล่ไฟเข้าปะทะกับฝูงค้างคาวระดับหก หลินหยางยังมิได้กวัดแกว่งดาบสั้นภายในมือของตนเลยแม้แต่คราเดียวเพราะเขาเพ่งความสนใจจ้องมองไปยังกลุ่มศัตรูที่กำลังจะเข้าปะทะกับโล่อยู่ตลอดเวลา
ใช้ดวงตาดุจดั่งเหยี่ยวเสาะแสวงหาค้างคาวตัวจิ๋วที่เฝ้าคอย ในที่สุดเขาก็พบเจอตัวของมันแล้ว
การเพ่งสมาธิคอยตรวจหามันนี้กินพลังงานเขาไปไม่น้อย แม้การใช้สายตาจ้องมองจะมิใช้กำลังกาย แต่ทว่าการจดจ่อสมาธิไว้อยู่ตลอดเวลามันก็กินกำลังใจเขาไปมากโขเลยทีเดียว
ในที่สุดการรอคอยของเขาก็ได้รับการตอบรับหลังจากพบเจอกับสิ่งที่ตามหามาแสนนาน
ค้างคาวลึกลับตัวนี้ก็ใช่ย่อยมันสามารถแอบแฝงตัวอย่างเงียบเชียบมิสามารถตรวจจับได้ กว่าเขาจะเจอตัวของมันก็ถึงคราวเริ่มโจมตีเสียแล้ว
แต่จะเรียกว่าพบเห็นก็เรียกมิได้เต็มปาก เพราะเขาเห็นเพียงเงาดำมืดแอบแฝงอยู่ใต้ท้องของค้างคาวระดับหกตัวหนึ่งเท่านั้น
แต่นั่นก็เพียงพอให้สันนิฐานถึงสิ่งที่เขากำลังรอคอย เพราะภายในถ้ำนี้มิมีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอีกที่จะมีขนาดเล็กไปกว่าค้างคาวระดับสี่ เมื่อเป็นเช่นนั้นแน่นอนเงาดำมืดต้องเป็นค้างคาวตัวจิ๋วเป็นแน่
‘ฮึ่ม’ หลินหยางขมวดคิ้วเคร่งเครียดเค่นเสียงในลำคอ
เขาพยายามใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวเพื่อตรวจสอบเจ้าค้างคาวตัวจิ๋วผู้แอบซ่อนแฝงตัวอย่างเนียบเนียนหลบอยู่หลังค้างคาวตนอื่น
แต่เขาใช้ออกไปถึงสามคราติดต่อกันก็มิสามารถตรวจสอบตัวตนของมันได้เลย
ไม่ว่าจะคราใดที่ใช้ไปกลับตรวจเจอเพียงค้างคาวระดับหกตัวที่บดบังมันอยู่เท่านั้นเอง
อาจเป็นเพราะความมืดภายในถ้ำช่วยส่งเสริมการแฝงกายของมัน ทำให้การมองเห็นของเขาลดลงไปมาก