เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 495-496
ตอนที่ 495 ท้าวความ(ตอนสิบ)
ตั้งแต่เริ่มพวกมันตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ร่ำไป กำลังฝ่ายมันมีแต่จะลดลงเรื่อยๆ ส่วนฝ่ายศัตรูนั้นกลับมีจำนวนคงที่ทั้งยังเพิ่มขึ้นไม่ลดลง
พวกมันปลิดชีพค้างคาวได้ไปมากกว่าหนึ่งร้อยตัวแล้วแต่ก็มีค้างคาวตัวใหม่เข้ามาทดแทนช่องว่างระหว่างฝูงที่ขาดหายไป ไม่ว่าจะคร่าไปสักเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมดสิ้น
ถึงกระนั้นพวกมันก็ยังมิถดถอยหนีรักษาชีวิตกลับตั้งหลักสู้ต่อโดยมิสนใจว่าพักพวกของตนจะตกตายไปเท่าใดแล้ว
มิถึงห้านาทีพวกมันก็เหลือคนเพียงยี่สิบคนเท่านั้นจากจำนวนทั้งหมดร่วมสี่สิบนายที่เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้
ฝ่ายมันสูญเสียจำนวนคนไปมากกว่าครึ่งในเวลาเพียงชั่วครู่
แทนที่จะเศร้าโศกเสียใจกลับมีเสียงหัวเราะแห่งความบ้าคลั่งมาจากชายชาติทหารทั้งห้า
พวกมันหัวเราะดีใจราวกับคนบ้าเพราะบัดนี้ได้สามารถรวบรวมเหรียญสีดำมาได้มากกว่าห้าร้อยเหรียญแล้ว นี่มันเกินเสียยิ่งกว่าคำว่าคุ้มค่าเสียอีก
สำหรับประสิทธิภาพในการโจมตีนั้นนับว่าพวกมันมีเหนือกว่ากองกำลังหลินหยางมากนัก หากเป็นหลินหยางผู้ควบคุมทัพเองนั้นเขาต้องใช้เวลามากกว่าพวกมันถึงสองเท่าจึงจะสามารถคร่าชีวิตค้างคาวปีกเหล็กได้เท่าพวกมัน
ทว่าถ้าเกิดหลินหยางเป็นผู้บัญชาการเขาจะมิให้เกิดความสูญเสียอันใหญ่หลวงที่พักพวกตกตายไปมากถึงยี่สิบคนนี้แน่นอน เนื่องจุดประสงค์ของหลินหยางที่ให้ความสำคัญในความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก
ชายทั้งห้ายืนหยัดอยู่ในแนวหลังตะโกนไล่ต้อนเร่งออกคำสั่งบังคับให้พลเมืองของตนโจมตีสืบต่อด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย
จนกระทั่งจำนวนคนทั้งหมดเหลืออยู่เพียงสิบห้านายรวมถึงพวกมันทั้งห้าด้วยเช่นกัน ถึงตอนนี้ชายผู้มีระดับสี่ซึ่งมันเป็นดั่งผู้นำของเมืองแห่งนี้ได้ออกคำสั่งให้สัญญาณเพื่อถอยกลับออกไป
ถึงแม้มันจะหลงไหลในอำนาจเงินตราใช้คนเป็นเบี้ยหมดประโยชน์แล้วทิ้งไปไม่สนใจชีวิตลูกสมุนที่ใช้เงินเพียงพยิบมือซื้อมา แต่มันก็มิยอมปล่อยให้เหล่าทาสที่เหลือเพียงสิบคนนี้ได้ตายหมด เพราะพวกมันยังต้องใช้พวกเป็นเกราะกำบังยามที่นายทหารทั้งห้าได้ถอยหนี
ช่วงเวลานั้นเองจู่ๆก็มีเสียงร้องดังขึ้นมา มันแตกต่างจากเสียงของค้างคาวที่พวกมันกำลังเผชิญหน้า ในยามที่เสียงนั้นกระทบโสทประสาทค้างคาวนับพันตัวหยุดนิ่งกระพรือปีกอยู่กับที่ราวกับถูกมนต์สะกด
นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกมันได้พบเห็น’สัตว์ประหลาด’ที่ฝากฝังความหวาดปักลึกลงในก้นบึ้งของหัวใจมิสามารถลืมเลือนได้ตอนกาล
มันมิสามารถเรียกได้ว่าการต่อสู้ หากเสาะหาถ้อยคำมาบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่มีคำใดดีไปกว่าการกดขี่ขมเหงเข่นฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว
กองกำลังทาสทั้งสิบห้าคนของพวกมันเทียบกับเงาของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นไม่ได้เลยเสียด้วยซ้ำ กระทั่งพวกมันเองก็มิต่างกัน
เจ้าสัตว์ประหลาดที่พวกมันพบเห็นนั้นมันเป็นค้างคาวตัวหนึ่งที่มีขนาดเล็กจิ๋วมิต่างจากนกตัวจ้อย หากเทียบกับค้างคาวที่พวกมันต่อสู้ด้วยนับว่าค้างคาวปกติยังดูน่ากลัวมากกว่า
แต่กลับกันด้วยร่างกายที่เล็กจิ๋วของสัตว์ประหลาดตนนั้นกลับแฝงซ่อนไปด้วยพลังอันน่าสะพึงกลัว เพียงมันเคลื่อนขยับตัวคราใด นั่นเท่ากับหนึ่งชีวิตของผู้บุกรุก!
ตอนที่ 496 ท้าวความ(ตอนจบ)
ฝ่ายมันที่มีสมาชิกหลากเผ่าพันธ์ทั้งมนุษย์ และครึ่งคนครึ่งสัตว์ ทุกตนนั้นล้วนแล้วแต่มีขนาดร่างกายใหญ่โตมากกว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตนนั้นหลายสิบเท่า แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าสัตว์ประหลาดตัวดังกล่าวเป็นดั่งขุนเขามหึมา เพียงกระพือปีกก็สามารถขยี้บี้ชีวิตพวกมันได้อย่างง่ายดาย
ไม่ว่าฝ่ายมันจะโจมตีไปเท่าใดก็ไม่สามารถแตะต้องตัวของสัตว์ประหลาดตนนั้นได้เลย
พวกมันพึ่งคิดได้ในตอนนี้ มันช่างไร้ความหวัง ไร้หนทาง พวกมันไม่มีโอกาศแม้เพียงหนึ่งในร้อย
ตอนนี้พวกมันรู้สึกราวกับตนเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ ที่ถูกเหยียบย่ำด้วยเท้าของมนุษย์อย่างมิได้เจตนาก็ตกตายลงไปทั้งที่ผู้ปลิดชีวิตมันยังมิได้มีความรู้สึกใดๆ
มันเป็นการสังหารหมู่อันโหดร้ายที่พวกมันจะไม่มีวันลืม หากมันสามารถย้อนเวลากลับไปได้มันไม่คิดแม้จะเหยียบย่างกรายเข้าใกล้ถ้ำแห่งนี้อีกเป็นครั้งที่สอง
ท้ายสุดแล้วกว่าพวกมันจะรู้ถึงการเอาชีวิตจากสิ่งนั้นโดยการยอมจำนน ก็เหลือคนเพียงไม่ถึงสิบ
แต่นั่นก็นับว่าปฏิหาริย์แล้วที่พวกมันยังมีชิวิตรอดหลังจากพบเจอกับสัตว์ประหลาดที่น่าสะพึงกลัว หากพวกยังดื้อดึงยื้อการต่อสู้นานกว่านี้อีกเพียงนิด ป่านนี้คงมิได้รอดชีวิตมาเล่าความหลังให้แก่หลินหยางได้ฟังอีกแล้วเป็นแน่
เมื่อถูกพาตัวมายังส่วนลึกของถ้ำโดยฝูงค้างคาว เพียงแค่คิดว่ามีเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ มันก็คิดไม่ออกเลยว่าจะสามารถมีชีวิตรอดกลับออกไปได้อีกครั้งหรือไม่
มันนึกตำหนิโทษตนเองนับไม่ถ้วนที่้ไม่ได้รับบทเรียนจากอดีตผู้นำของตนที่ใช้อารมณ์เหนือเหตุผล ความโง่งมไม่ดูความเป็นจริง
ตอนนี้เพราะความโง่เง่าของตนไม่ตรวจสอบสภาพแวดล้อมถ้ำรังศัตรูให้ดีเสียก่อนจึงต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ในสถานที่แห่งนี้ เหตุการณ์คราวนี้นับว่าโหดร้ายอัปโชคมากเสียกว่าคราที่พวกมันพ่ายแพ้ให้แก่เมืองหลินหยางเสียอีก
ถึงอย่างไรในคราก่อนศัตรูพวกมันก็เป็นเพียงมนุษย์ที่สามารถพูดคุยสื่อสารกันได้ กลับกันในคราวนี้หนทางที่พวกมันจะรอดชีวิตออกไปได้นั้นริบหรี่ยิ่งนัก สัตว์เดรัจฉานที่จับพวกมันมาเช่นนี้คงไม่มีทางปล่อยพวกมันไปแน่
และแล้วพวกมันก็พบเจอกับความสิ้นหวังอันไร้สิ้นสุดเมื่อได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่มิสมควรจะมีอยู่ในโลกใบเก่าหรือกระทั่งใบใหม่นี้ สิ่งที่พวกมันพบนั้นแม้กระทั่งเจ้าสัตว์ประหลาดที่กำหราบพวกมันได้ราวกับบี้มดยังมิสามารถเทียบมันได้แม้เพียงปลายก้อย
คำที่สรรหามาบรรยายตัวมันนั้นคงจะมีแต่คำว่า’ปีศาจ’จึงจะเหมาะสม
กระทั่งเจ้าสัตว์ประหลาดที่เป็นผู้กำหราบพวกมันจนต้องยอมศิโรราบน้อมรับความพ่ายแพ้ ยังเป็นได้เพียงขี้ข้าของปีศาจตนนี้
พวกมันมิอยากจินตราการถึงพลังอำนาจที่เจ้าผู้ปกครองแห่งถ้ำอันมืดมิดนี้มีไว้ในครอบครองเลย ตอนนี้พวกมันจึงได้ตระหนักถึงความไร้พลังของตนเองที่หวังพึ่งเพียงเงินตราแลกมาด้วยความมั่งคั่งอำนาจล้นฟ้า
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ราวกับผุดขึ้นมาจากนรกตนนี้ ต่อให้พวกมันจะมีพลเมืองมากกว่านี้นับพันคนก็คงไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนไว้บนร่างกายของปีศาจตนนี้ได้