เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 501-502
ตอนที่ 501 ห่างชั้น
‘ระดับสี่สิบสาม!’ หลินหยางแทบช็อกเมื่อเห็นระดับของสิ่งมีชีวิตที่เขาเคยคิดว่าเป็น’มนุษย์’ตนนี้ แท้จริงแล้วกลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นดั่งตำนานสืบต่อกันมาแต่โบราณอย่างแวมไพร์
และปัจจัยสำคัญที่เขาควรรู้กลับไม่มีรายละเอียดเลยแม้แต่น้อย นั่นคือค่าสถานะของมันที่ไม่ถูกเปิดเผย!
ทั้งนามที่พ่วงท้ายของมันยังคงเป็นปริศนาน่าค้นหายิ่งนัก’แวมไพร์(ชั้นต่ำ)’
เจ้าปีศาจที่มีระดับมากถึงสี่สิบสามกลับเป็นเพียงสิ่งมีชั้นต่ำงั้นหรือ?
แล้วตัวตนที่มีลำดับชั้นสูงกว่ามันล่ะ เขามิอยากนึกคิดไปถึงขั้นนั้นเลยจริงๆ
ตอนนี้เขารู้เพียงแค่ระดับของมันที่สูงถึงสี่สิบสาม สำหรับความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะดวงตาเหยี่ยวในตอนนี้เขารู้เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น
ประโยชน์หลักของมันคงไม่พ้นระยะการมองที่กว้างไกลได้มากกว่าเดิมหนึ่งช่วงขั้น แค่เพียงจุดนี้เพียงอย่างเดียวก็นับว่ามันเป็นทักษะที่หลายคนหมายปองรวมถึงตัวเขาเช่นกัน
เมื่อสามารถมองได้ไกลมากขึ้นกว่าเดิมย่อมสามารถเห็นรายละเอียดยิบย่อยที่ผู้อื่นมิเห็นได้
ทั้งยังสามารถตรวจสอบระดับ สถานะ รวมถึงทักษะของคู่ต่อสู้ได้ซึ่งเป็นผลมากจากการใช้พลังของทักษะโดยตรง
ถึงมันจะเป็นทักษะระดับสูงที่มีถึงระดับสาม แต่การใช้ออกแต่ละครั้งนั้นกลับไม่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมากเท่าใด หากให้เปรียบเทียบคล้ายกับการกระโดดขึ้นจากพื้นดินเพียงหนึ่งคราเท่านั้น นั่นคือเรี่ยวแรงอันเทียบเท่ากับตอนเขาใช้ทักษะตาเหยี่ยวตรวจสอบสิ่งมีชีวิต
เพียงแค่สองอย่างนี้นับว่ามีประโยชน์อย่างเหลือหลาย แต่มันจะไร้ประโยชน์ทันทีหากใช้การตรวจสอบกับศัตรูที่มีระดับสูงกว่าผู้ใช้มากเกินไป เมื่อลองคิดทบทวนดูแล้ว
เหมือนว่าทักษะระดับสามขั้นที่ 3/10 นี้คงจะสามารถดูข้อมูลสถานะจากศัตรูของตนที่มีระดับไม่สูงเกินกว่าผู้ใช้ยี่สิบระดับ ส่วนทักษะและคำอธิบายนั้นแตกต่างออกไป แม้ระดับสูงกว่าเพียงแค่ระดับเดียวก็มิสามารถตรวจสอบได้แล้ว
การที่ไร้ข้อมูลไม่มีความรู้เกี่ยวกับคู่ต่อสู้เช่นนี้ นับว่าโอกาศพ่ายแพ้ของเขาเพิ่มมากขึ้น โอกาศชนะลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รู้กระทั่งว่ามันมีพลังโจมตีสูงแค่ไหนหรือมีความเร็วมากมายหรือไม่
นี่ถือเป็นสิ่งมีชีวิตรายที่สองที่เขาใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวตรวจสอบและไม่พบรายละเอียดใดๆ สิ่งมีชีวิตรายแรกที่เขาเคยพบในลักษณะเดียวกันคือชายชราเผ่าครึ่งมังกรที่ป่วนประสาทของเขานั่นเอง
แต่ชายชราผู้นั้นไม่น่าเป็นห่วงมากนักเพราะมันเป็นมิตรมิได้มีเจตนาต่อสู้ห้ำหั่นกันกับเขาแต่อย่างใด แตกต่างจากแวมไพร์ตนนี้ที่มันเป็นปฏิปักษ์กับเขาอย่างจริงแท้แน่นอน
เมื่อหนีออกห่างออกมาจากเจ้าแวมไพร์ตนนั้นได้ไกลพอจนมิรู้สึกถึงตัวตนของมันอีก พวกเขาทั้งสามก็ต้องแปลกใจอยู่มิน้อยถึงสาเหตุที่มันมิได้ไล่ติดตามมา
นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดียิ่งนัก หากมันไล่ล่าติดตามมา แม้แต่หลินหยางเองก็ยังมิทราบเช่นกันว่าจะสามารถรับมือมันได้หรือไม่ ด้วยระดับที่ห่างกันมากกว่าสองเท่านี้…
ตอนที่ 502 คล้ายคลึง
เมื่อดูจากสถานที่และคำบอกเล่าจากผู้อื่นนำมารวบรวมเข้าบรรจบเป็นเรื่องราว สิ่งที่พวกมันเรียกขานว่าปีศาจก็คือเจ้าแวมไพร์ตนนี้นี่เองและดูเหมือนมนุษย์ที่ถูกนำตัวมายังสถานที่แห่งนี้ก็เพื่อประเคนร่างกายไปเป็นอาหารว่างให้แวมไพร์ตนนี้เสียด้วย
เขาไม่คิดเลยว่าถ้ำที่พึ่งผุดโผล่ขึ้นมาได้ไม่กี่วันจะมีผู้ปกครองเป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานที่มีระดับสูงมากถึงสี่สิบสาม หากนึกย้อนกลับไปยังถ้ำมดไฟ นับว่านางพญามดกลายเป็นเด็กตัวเล็กๆไปเลยเมื่อเทียบกับมัน
เนื่องจากนางพญามดไฟนั้นมีสถานะที่มุ่งเน้นไปที่พลังป้องกันเสียส่วนใหญ่ กำลังรบหลักโดยสังเขบของมันคือเหล่าลูกสมุนกลุ่มมดไฟทั้งหมดทั้งมวล เมื่อปราศจากลูกมดไฟและองครักษ์คอยคุ้มกัน จึงไม่มีพิษภัยอันใดมากนักให้กังวล
เดิมทีเขาคิดว่าสิ่งที่ถูกเรียกว่าปีศาจผู้ปกครองเหล่าค้างคาวทั้งมวลสำหรับถ้ำแห่งนี้จะเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างนางพญามดไฟเสียอีก กลับกลายเป็นว่าเป็นสัตว์ประหลาดตนนึงที่มีขนาดร่างกายเทียบเคียงเท่าเทียมกันกับมนุษย์ปถุชนธรรมดาไปเสียอย่างนั้น
จึงทำให้เข้าใจผิดเพี้ยนเผลอคิดไปเองว่ามันเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่เป็นสมาชิกจากเมืองของชายผู้มีระดับสี่และชายร่างท้วม
หากใครมาเห็นมันก็คงมีความคิดไม่ต่างไปจากหลินหยางมากเท่าใดนัก เนื่องจากทั้งรูปร่าง หน้าตา องค์ประกอบส่วนต่างๆนั้นมิได้คล้ายคลึงกับสมญานามที่พวกมันเพรียกเจ้าปีศาจตนนี้เลย
ลักษณะผิวกายของชายผู้นี้นั้นซีดขาวราวกับไก่ต้มเสมือนว่าร่างกายของมันไร้ลิ่มเลือดไม่มีการไหลเวียนของโลหิต มันขาวจนน่ากลัว
ตามร่างกายของมันมีขนสีน้ำตาลขึ้นปกคลุมตามผิวหนังมิหนามากนักเป็นเพียงเส้นขนอ่อนๆบางเบา ความยาวของขนบนร่างนั้นมิสั้นมิยาวราวหนึ่งข้อนิ้ว เรียกได้ว่ายาวกว่ามนุษย์เล็กน้อยแต่สั้นกว่ามนุษย์หมาป่าไกลโข เพียงพอที่จะมองเห็นได้ลางๆเท่านั้น
ใบหน้าของมันคล้ายคลึงกับมนุษย์เกือบทุกส่วน ยกเว้นเสียแต่จมูกและปากของมันที่ดูเหมือนจะนูนยื่นออกมาสักเล็กน้อยคล้ายกับลิงก็มิเชิง
ผิวหนังที่ขาวซีดตัดกับเส้นขนสีน้ำตาลที่ปกคลุมตัวส่งผลให้สีผิวของมันขาวโดดเด่นมากขึ้นแม้จะในความมืดก็ตามที มองดูแล้วยังไงมันก็มิใช่เผ่าพันธ์มนุษย์อย่างแน่นอนและมันก็เป็นเผ่ามนุษย์ครึ่งสัตว์ที่เขามิเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ตอนนี้เขาเริ่มชินชากับเผ่าพันธุ์ที่แปลกใหม่จนเห็นมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว เพียงแค่ในเมืองของเขาก็มีประชากรคละเผ่าพันธุ์กันมากถึงสามแล้ว มนุษย์หมาป่า มนุษย์กิ้งก่า และมนุษย์และพันธมิตรสหายร่วมรบของเขาเองก็มีทั้งเอลฟ์และคนแคระอยู่ด้วย
เขาเคยเจอกระทั่งเผ่าพันธุ์ครึ่งมังกรแล้วหนึ่งตน จึงมิแปลกที่คนตรงหน้าเขาในตอนนี้จะมีสายเผ่าพันธุ์ใดสักเผ่าหนึ่งที่ตัวเขามิรู้จักมักคุ้น
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ตัวเขามิได้ตกตะลึงแปลกใจหรือฉุกคิดใดๆเมื่อพบเห็นเจ้าแวมไพร์ระดับสี่สิบสามตนนี้ในคราแรก