เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 51-52
ตอนที่ 51 ปลดปล่อย
หลังจากที่ชายคนนั้นถอดเสื้อคลุมเผยให้เห็นใบหน้าและร่างกาย มันแตกต่างจากที่หลินหยางคิดไว้นิดหน่อย
บนหัวของเขามีเขางอกออกมาสองเขา ผิวหนังมีเกล็ดสีดำครอบคลุม ด้านหลังมีมีหางยาวและที่สำคัญใบหน้าของเขา มันมิใช่ใบหน้าของมนุษย์มันคล้ายกับกิ้งก่าหรือสัตว์ประหลาดมากกว่า
เขาลองใช้ทักษะตาเหยี่ยวตรวจสอบชายตรงหน้า
ชื่อ ?? เผ่า ครึ่งมังกร
ระดับ ??
สถานะ ??
‘เนื่องจากระดับของเป้าหมาย สูงกว่าท่านจึงไม่สามารถตรวจสอบได้’
“…” หลินหยางเงียบ คราวก่อนเขาตรวจสอบกบพิษระดับสิบซึ่งตัวเขาอยู่ระดับหกเขายังสามารถตรวจสอบคร่าวๆได้บ้าง
แต่ปัจจุบันเขามีระดับถึงระดับสิบสองแต่กับชายชราตรงหน้ามีเพียงเผ่าพันธุ์เท่านั้นที่สามารถตรวจสอบได้ เช่นนั้นก็แปลว่าชายคนนี้มีระดับสูงกว่าเขาเกินไป
“ไม่ต้องกลัว ข้าบอกไปแล้วข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก” ชายชรากล่าวกับเขา
“เอ่อมีอะไรไม่ทราบว่าท่านมีอะไรกับข้าเหรอ” หลินหยางกล่าวอย่างทุลักทุเล แม้ชายตรงหน้าจะบอกว่าไม่ทำอะไรแต่จะให้เขาอยู่ต่ออย่างสบายใจได้อย่างไร เพราะชายมันสามารถฆ่าเขาได้ทุกเมื่อหากทำอะไรไม่ถูกใจเข้าคงแย่แน่ประตูก็หายไปแล้ว
“ตั้งแต่ข้าเป็นผู้เฝ้าถ้ำแห่งนี้ ตอนนี้กว่าผ่านมากว่าพันปีแล้วยังไม่มีใครเคยเข้ามาเลย” ชายชรากล่าวใบหน้าเศร้า
‘จะไปมีคนมาได้ไง!’ หลินหยางคิดในใจ ตั้งแต่วิ่งออกมาจากรังเหยี่ยวมรกตเขาก็ไม่พบอะไรเลยแม้แต่เมืองหรือสิ่งมีชีวิตอื่น
หากเขาไม่ตามมันมาคงมิรู้เช่นกันว่ามีถ้ำอยู่ที่นี่และจากที่หลินหยางคำนวนแล้วประตูเปิดเมื่อสามวันก่อนสำหรับโลกนี้ก็คือสามปี ชายชราคนนี้คงอยู่ที่นี้มาก่อนตั้งแต่ที่จะมีคนเข้ามาในโลกแห่งนี้เสียอีก หากเขาเจอคนอื่นแบบนั้นจึงจะเรียกว่าแปลก
“ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่” หลินหยางถามคำถามที่ค้างคาใจชายตรงหน้าหากเขาต้องการออกไปคงไม่มีใครสามารถหยุดได้
“เมื่อหมื่นปีก่อนเผ่าพันธุ์มังกรของข้าได้สู้รบกับเผ่าเจ้า การต่อสู้ยาวนานกว่าสองพันปีแต่น่าเสียดายพวกข้าได้พ่ายแพ้และถูกผนึกพลังไว้จนถึงตอนนี้และเหล่าเทพเจ้าเพื่อป้องกันมิให้เรารวมตัวกันอีกจึงส่งพวกเรากระจายอยู่ในทั่วแดนสวรรค์นี้เพื่อเฝ้ารอผู้ที่จะมาพิชิตสถานที่ที่พวกเขาเป็นผู้เฝ้า เมื่อมีผู้พิชิตแล้วพวกข้าจึงจะสามารถกลับไปได้ ณ หมู่บ้านมังกร ตอนนี้เจ้าได้พิชิตถ้ำนี้เรียบร้อย งานของข้าก็จบแล้วข้าจะได้กลับไปหาครอบครัวเสียที” ชายชราร่ายยาว
จู่ๆ ชายชราก็มาปรากฏตัวตรงหน้าหลินหยางราวกับหายตัวได้
“มีเพียงสิ่งนี้ที่ข้าสามารถให้เจ้าได้แทนคำขอบคุณที่ปลดปล่อยชายชราคนนี้” เขาเอามือทาบลงบนหน้าผากหลินหยาง การกระทำเป็นไปอย่างรวดเร็วหลินหยางยังมิทันรู้ตัวมือเขาก็วางบนหน้าผากแล้วและเขาก็ค่อยๆถอนมือออกไปพลางยิ้ม
“เอ่อผู้อาวุโสงั้นผมไปได้แล้วใช่ไหมครับ” หลินหยางถามเขามิทราบว่าชายชราคนนี้จะทำอะไรต่อ อยู่ให้ห่างไว้เป็นดีที่สุด
“ได้สิข้าแค่อยากจดจำใบหน้าผู้ปลดปล่อยข้าเป็นอิสระเพียงเท่านั้น” ชายคนนั้นยิ้มและประตูค่อยๆปรากฏออกมาจากจุดเดิมที่มันหายไป หลินหยางเห็นดังนั้นจึงเดินออกไป
“ผู้พิชิตเอ๋ยจงอย่าได้หลงเชื่อเหล่าเทพเจ้า”
เมื่อเขาออกมาจากประตูก็ได้ยินเสียงชายชราดังตามมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองประตูสีทองบานนั้นหายไปเสียแล้ว
ครืนน~~
ผนังถ้ำเกิดการสะเทือนอย่างรุนแรง หลินหยางตกใจรีบวิ่งไปยังทางออกสุดกำลัง
เมื่อออกมาแล้วมองกลับไปยังถ้ำที่เขาเคยเข้าไป ตอนนี้มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และถล่มลงมาในที่สุด
ตอนที่ 52 ระดับศูนย์
“เฮ้อ” หลินหยางถอนหายใจนั่งลงอย่างเหนื่อยหอบและเอาเนื้อแห้งออกมากินเมื่อไม่มีความกดดันดังในถ้ำที่เข้าไป เขาก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เจ้าแก่นั่นมิได้บอกว่าหากออกมาแล้วถ้ำจะถล่มลงเช่นนี้ยังดีที่เขาวิ่งไวมิเช่นนั้นคงโดนถนังถ้ำทับถมจนตายโดยมิมีใครรู้ไปแล้ว
‘หืม เหมือนลืมอะไรซักอย่าง’ หลินหยางครุ่นคิด อาวุธ!! อาวุธของเหล่าโครงกระดูกที่เขาตั้งใจจะนำกลับเมือง
“อ๊าก” เขาตะโกนราวกับคนบ้า
อาวุธเหล่านั้นมากกว่าร้อยชิ้น เขาสามารถฝึกหน่วยรบได้หลากหลายมากขึ้นเพราะอาวุธที่กองกำลังของเขาตอนนี้มีเพียงของที่ได้มาจากห้องหลังประตูเมื่อสามเดือนก่อน
ซึ่งได้มากันคนละชิ้นสองชิ้นเท่านั้นและเนื่องจากการใช้งานมานานกว่าสามเดือนแล้วบางชิ้นก็เสียหายไปบางอันหัก บางชิ้นก็เสียคมเช่นดาบของเขาเองตอนนี้มันก็เริ่มบิ่นบ้างแล้ว สายธนูที่ใช้งานมาอย่างเนิ่นนานก็เริ่มเสียหายบ้างแล้วหากซ่อมได้ก็ดีไปโดยใช้เอ็นจากซากสัตว์ที่พวกเขาฆ่าได้แต่มันก็ใช้ได้เพียงแก้ขัดเท่านั้นการโจมตีเบาลงกว่าเดิมอย่างมาก
เขาพึ่งนึกขึ้นได้เขาจึงดูค่าสถานะตนเอง เนื่องจากชายชราที่เจอในถ้ำได้ให้ของบางอย่างแก่เขาและเอามือทาบบนหน้าผากของเขาแต่เขาก็ยังมิได้เห็นสิ่งของอันใด
ชื่อ หลินหยาง เผ่า มนุษย์
ระดับ 12
สถานะ
พลัง 1
ป้องกัน 1
ความเร็ว 1.9
วิญญาณ 1.6 (0.4เพิ่มขึ้น)
ค่าสถานะที่เพิ่มได้ —
ทักษะ หลอมไฟ ระดับ 1 5/10
ราชสีห์คำราม ระดับ 3 4/10
ดวงตาเหยี่ยว ระดับ 3 3/10
ทักษะติดตัว กระดูกศิลา ระดับ 2 3/10
เกราะมังกร ระดับ 0 0/10
ค่าทักษะที่เพิ่มได้ —
‘หือ? เกราะมังกร ระดับ 0’ เขาลองเพ่งสมาธิไปที่ทักษะเกล็ดมังกร กลับไม่มีคำอธิบายขึ้นมาเพียงซักนิด
“นี้มันเล่นตลกอะไรกันเนี้ย” หลินหยางหัวเสียราวกับถูกเจ้าแก่นั่นปั่นหัว
ไม่นานเขาก็เลิกให้ความสนใจกับชายชราเผ่าครึ่งมังกรตนนั้นเพราะยิ่งคิดเขาแทบจะเป็นบ้าเสียให้ได้และเดินกลับไปเส้นทางเดิมมุ่งหน้าไปยังรังของเหยี่ยวมรกตตัวป่วนที่เขาแค้นไม่น้อยไปกว่าชายชราในถ้ำ
เขาใช้เวลาเดินอยู่นานจนเริ่มชินเส้นทางและก็เจอกับต้นไม้ที่มีรังของเหยี่ยวมรกตอยู่ ด้านล่างของต้นไม้มีกลุ่มคนนั่งกองกันอยู่อย่างหมดแรง
“พี่หยาง พี่หยางกลับมาแล้ว” มีคนสังเกตุเห็นหลินหยางจึงตะโกนป่าวร้อง
“พี่หยางมาแล้ว” กลุ่มคนที่ว่านั้นคือทีมสำรวจที่หลินหยางพามานั่นเอง
“ทำไมพวกนายมาอยู่ตรงนี้ แล้วคนที่เหลือหายไปไหน” เมื่อหลินหยางมาถึงเขาตั้งคำถามออกไป
“เอ่อพี่หยางพอดีพวกผมตามไม่ทันน่ะ คนที่เหลือกลับไปส่งข่าวที่เมืองครับ” จิ่นเหอตอบพลางยิ้มเอียงอาย
“ช่างเถอะ เจ้าเหยี่ยวนั่นอยู่บนนั้นไหม” หลินหยางเลิกให้ความสนใจหากเขาบ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เขาจึงถามหาเหยี่ยวมรกตพลางมองขึ้นไปที่รังของมันด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“เอ๋?ผมคิดว่าพี่หยางฆ่ามันไปแล้วซะอีก ตั้งแต่พี่หยางตามมันไปเมื่อสองวันก่อนพวกผมก็ยังไม่เห็นมันกลับมาเลย” หลิ่วไห่ตอบกลับ
“ห๊ะ สองวัน” หลินหยางอุทานอย่างตกใจ แม้ภายในถ้ำจะมืดมิดมิรู้วันคืน แต่เขาคิดว่าเขาอยู่ถ้ำนั้นไม่น่าเกินสามชั่วโมงแต่ พวกเขากลับบอกว่าเขาจากไปสองวันแล้วจะมิให้เขาตกใจได้เช่นไร
“กลับเมืองกัน” เมื่อทราบว่าตนจากไปถึงสองวันมิทราบภายในเมืองจะปั่นป่วนไปเท่าใดเขาจึงรีบกลับเมืองก่อน เขามิได้ให้ความสนใจกับเหยี่ยวตัวนั้นอีก
“ครับ” ทีมสำรวจตอบอย่างพร้อมเพรียงพวกเขารอหลินหยางมานานถึงสองวัน สองวันแล้วที่พวกเขามิได้พักผ่อนอย่างสบายใจเพราะต้องอยู่ใต้ต้นไม้นี้ เขามิกล้าออกไปตามหาเพราะไม่ทราบที่อยู่ของหลินหยางและกลัวจะคลาดกัน
พวกเขาเร่งเดินทางกันทันที เมื่อมองเห็นเมืองหลินหยางก็สบายใจที่มิมีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อเดินเข้าใกล้จนมองเห็นรายละเอียดต่างๆเขาก็ขมวดคิ้ว
ด้านหน้าประตูเมืองมีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่าห้าสิบชีวิตพร้อมอาวุธครบมือกำลังยืนประจัญหน้าป่าวร้องตะโกนเอะอะโวยวายกันยกใหญ่!!!