เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 541-542
ตอนที่ 541 รวมกลุ่ม
ยามใช้ความเร็วสูงสุด ร่างกายหลินหยางเปรียบเสมือนกับขนนกที่บางเบา เขาใช้เพียงปลายของเท้าเหยียบลงพื้นเพื่อยันตัวออกจากจุดเดิมเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ส่วนกลางและส้นเท้าของเขาแทบมิได้ติดพื้นเลย
ด้วยลักษณะนี้เองการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดของเขาแทบจะไม่เกิดเสียงเลยหากไม่มีทะเลเลือดสีแดงดำที่เคลือบพื้นอยู่ คาดว่าพวกมันทั้งสิบเองก็คงไม่รู้ตัวแม้หลินหยางจะประชิดกายพวกมัน
หลินหยางที่ปล่อยสัญญาณให้พวกมันออกตัวไปก่อนอยู่นานสองนาน จนถึงเวลาที่เขาเริ่มมุ่งหน้าตามพวกมันมาก็ต้องใช้เวลาอยู่ไม่น้อยหากเป็นคนทั่วไป แต่สำหรับหลินหยางนั้นกลุ่มของชายผู้มีระดับสี่นี้ไม่ต่างจากเต่าที่เปรียบตัวเขาเสมือนกระต่าย
ค่าสถานะความเร็วที่เขามีมิใช่มีเพื่อประดับตกแต่ง ด้วยความเร็วปัจจุบันที่มีมากกว่าสภาพปกติของตนเองถึง 2.4 ขั้น เท่ากับว่าตัวเขาตอนนี้สามารถวิ่งได้เร็วกว่าตนเมื่อหนึ่งปีก่อนถึงสองเท่าและอีกช่วงใหญ่เลยทีเดียว
แต่มันก็มีปัญหาและข้อบกพร่องตามมาเช่นกัน ข้อเสียขนาดใหญ่ของค่าสถานะความเร็วส่งผลให้ตัวเขาตอนนี้ต้องชลอความเร็วลงให้ผสานไปกับกลุ่มของชายผู้มีระดับสี่เพื่อลดข้อเสียนั้นลง
ปัญหาใหญ่ของค่าสถานะความเร็วก็คือภาระหนักของร่างกายผู้ใช้ หากเทียบกันตามปกติแล้วหลินหยางเองก็มิใช่คนอ่อนแอปวกเปียกอันใด แต่ก็มิได้แข็งแรงมากพละกำลังเช่นกัน เรียกได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติธรรมดา
เมื่อเขาเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆร่างกายของเขาแน่นอนต้องไวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วความรวดเร็วที่เขาสร้างขึ้นมาให้เหนือกว่าผู้อื่นนั้นเองก็สร้างบาดแผลให้แก่ตัวเขาอยู่เช่นกัน ตราบใดที่เขาเคลื่อนไหวร่างกายรวดเร็วมากขึ้นเท่าใดความเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงมักมาเยือนไวขึ้นเท่านั้น
เมื่อพบเจอกลุ่มคนที่คุ้นเคยหลินหยางจึงชลอความเร็วลงมิให้เร็วเกินหรือช้าเกินไป
หลี่จิ้งหันศรีษะกลับมามองหาต้นตอของเสียงที่มันได้ยินและก็พบเข้ากับหลินหยาง ส่งผลให้ตัวมันรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
เนื่องจากมันเป็นคนสุดท้ายของขบวนแถวนี้ เมื่อครู่แม้หลินหยางจะบอกว่าคอยระวังหลังให้แก่พวกมัน แต่เมื่อเริ่มออกตัววิ่งมันกลับไม่พบหลินหยางในจุดที่ควรอยู่ มันจึงรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของแผ่นหลังตนเอง
หลินหยางยิ้มทักทายมัน ก่อนที่หลี่จิ้งจะผงกหัวตอบกลับและหันศรีษะกลับไปมุ่งเน้นไปที่ฝีเท้าของตนเองต่อ
ฟืดด~
เขาได้ยินเสียงหายใจของหลี่จิ้งดังขึ้นมาเป็นช่วงๆ เนื่องจากบรรยากาศที่กดดันและความเหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งจึงทำให้ตัวของมันแสดงอาการหอบหายใจแรง
เขาเว้นระยะห่างจากคนสุดท้ายของกลุ่มราวหนึ่งเมตร ซึ่งนั่นคือระยะการมองเห็นสูงสุดของเขา
ตอนนี้หน้าที่ของเขาคือคอยระวังหลังให้แก่คนกลุ่มนี้ในการหลบหนีออกไปจากถ้ำโดยปลอดภัย
ตอนที่ 542 ความสำคัญ
บางคราหลี่จิ้งก็หันมามองหลินหยางบ้างเป็นครั้งคราวด้วยสีหน้าแสดงออกถึงความแปลกใจ
บัดนี้ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังของมันหายใจฟืดฟาดเสียงดังกว่าฝีเท้าเสียอีก หลินหยางเหน็ดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
เมื่อยามที่หลินหยางออกตัววิ่งและใช้เวลาไม่นานก็ถึงจุดหมายตามทันกลุ่มของชายผู้มีระดับสี่ด้วยกำลังขาของเขาที่ออกแรงผลักดันร่างกาย ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์สลับข้างไปมาอย่างไม่หยุดหย่อนเป็นเวลานาน
ระยะห่างที่ถูกลดมามากกว่าเท่าตัวถูกทดแทนด้วยขาทั้งสองข้างของเขาที่ทำงานหนักเพิ่มขึ้นมากเกินสองเท่าเช่นกัน ความถี่ในการขยับขาเพื่อวิ่งของเขาแทบจะทำให้กล้ามเนื้อของตนเองฉีกขาดเลยทีเดียว
หากเขาใช้ความเร็วสูงสุดในการวิ่งจากส่วนลึกสุดของถ้ำโดยมีจุดหมายถึงปากถ้ำทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้คงใช้เวลาไม่มากไปกว่าหนึ่งหรือสองนาทีด้วยซ้ำ ซึ่งหากเป็นคนปกติใช้เวลามากกว่าห้านาทีหรือมากกว่านั้นและเมื่อถึงจุดหมายก็รับสภาพความเหน็ดเหนื่อยที่ตามมาจากการใช้ร่างกายอย่างหักโหมในช่วงเวลาดังกล่าว
แต่สำหรับร่างกายของหลินหยางเขาจะได้รับภาระมากกว่าพวกมันสองถึงสามเท่าเลยทีเดียว เรียกได้ว่าแรงกายที่สั่งสมมาแทบจะถูกสูบออกไปจนหมดเลยทีเดียว
หากเป็นก่อนหน้านี้ปัญหาดังกล่าวคงรุนแรงมากกว่านี้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ภาระทางร่างกายของเขาถูกลดทอนไปด้วยค่าสถานะที่สำคัญอย่างหนึ่งนั่นก็คือพลังป้องกันที่เขาพึ่งเห็นค่าและเพิ่มขั้นมันนั่นเอง
ค่าสถานะป้องกันนี้เองที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการใช้งานร่างกายตนอย่างหักโหมข้ามขีดจำกัดมากเกินไป แม้จะพึ่งเพิ่มขั้นค่าป้องกันไปเพียงหกจุดก็สามารถแสดงผลลัพธ์ให้ประจักษ์อย่างน่าอัศจรรย์
ทำให้ร่างกายของเขาไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากการแสดงผลความเร็วของตนเอง กล้ามเนื้อที่เมื่อยล้าและฉีกขาดแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงนี้เลย ร่างกายของเขาสามารถรักษาตนเองได้ตามธรรมชาติได้ไวมากขึ้นกว่าเดิม
แต่น่าเสียดายที่มันไม่เกี่ยวกับเรี่ยวแรงที่เสียไปของเขา ความเหน็ดเหนื่อยก็กลับมาถามหาเขาตามปกติอยู่ดังเดิม
หากเขาต้องการลบข้อด้อยนี้ของตนเองออกไปเขาต้องเพิ่มค่าสถานะไปยังพลังนั่นเอง
หากเปรียบเทียบร่างกายของเขา เปรียบเสมือนค่าสถานะป้องกันคือแก้ว และค่าสถานะพลังคือน้ำที่ถูกบรรจุอยู่ภายใน เมื่อน้ำภายในเหือดแห้งระเหยไป ไม่ว่าจะแก้วใบนั้นจะมีขนาดใหญ่ขึ้นอีกสองหรือสามเท่า น้ำที่อยู่ภายในก็ยังคงมีปริมาณเท่าเดิมมิได้เพิ่มเติมขึ้นแม้เพียงหยด
ทว่าสำหรับหลินหยางตอนนี้ตัวเขายังมิได้ต้องการพึ่งพาค่าสถานะพลังดังกล่าว
หากตัวเขาไม่เข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ที่กินเวลายาวนานเกินไปหรือศัตรูที่มีพลังป้องกันมหาศาลและไร้จุดอ่อนของร่างกาย เขาก็ยังมิเห็นสมควรถึงค่าพลังที่คนรอบกายของตนล้วนลุ่มหลง อนึ่งเขาต้องพยายามเลี่ยงสถานการณ์ที่ตัวเขาตกเป็นรองนั่นแล
“วิ่งต่อไป” หลังจากวิ่งมาถึงและรวมกลุ่มกับพวกมันได้ชั่วครู่ เขาจึงสังเกตุเห็นว่าความเร็วของพวกมันค่อยๆตกลงอย่างช้าๆ
สาเหตุมิได้มาจากใครไปได้นอกจากผู้นำแถวของพวกมันอย่างชายผู้มีระดับสี่และชายอีกหนึ่งผู้ซึ่งถือโล่มนุษย์อยู่นั่นเอง เขาจึงตะโกนไล่หลังเร่งกระบวนทัพให้เร่งฝีเท้ามากขึ้น