เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 547-548
ตอนที่ 547 ไร้ประโยชน์
ใช้เวลาเพียงไม่นานหลินหยางก็มาถึงจุดหมายเพียงลำพัง
เสียงคนเซ็งแซ่อึกทึกไม่ทราบจำนวนและสิ่งที่พวกมันทำอยู่ ชายหนุ่มเดินตรงปรี่ตรงไปเบื้องหน้าจนกระทั่งพบร่างเงาของบุคคลหนึ่งซึ่งยืนอยู่หลังสุดของกลุ่มนี้
‘?’ หลินหยางจดจำชายผู้นี้ได้จากการมองเพียงปราดเดียว มันคือเต๋อหลงผู้มีอายุไล่เลี่ยกับเขาและเป็นบุคคลรายที่สองที่เขาพบในส่วนลึกสุดของถ้ำ
“เต๋อหลง ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น” หลินหยางก้าวเท้าเข้าประชิดตัวมันกล่าวประโยคคำถามหมายต้องการหาคำตอบ
“ว-เหวอ~” เต๋อหลงสะดุ้งเฮือกถลาล้มไปด้านหน้าด้วยความตกใจก่อนจะหันศรีษะมองหาต้นเสียงและพบเข้ากับร่างของหลินหยางที่ยืนมองดูมันด้วยดวงตาเบิกโต
หลินหยางก็ตกใจไม่แพ้มันใครจะคิดว่าเต๋อหลงผู้นี้กับขวัญอ่อนขี้ตกใจไม่แพ้อิสตรีถึงเพียงนี้
“หลินหยางนี่เอง” เต๋อหลงพยุงร่างตนขึ้นพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกพลางปัดเศษฝุ่นเศษดินบนร่างกายของตน
“พวกนายมาถึงกันแล้วหรอ” เต๋อหลงกล่าว
“คนที่เหลือรออยู่ด้านในราวสามร้อยเมตร” หลินหยางกล่าวต่อ
“ว่าแต่ที่นี้มันเกิดอะไรขึ้น” สิ้นเสียงของเขาพลางชะเง้อมองไปด้านหน้าหาสาเหตุ
ตอนนี้เสียงของคนหลายสิบที่แหกปากโวยวายและเสียงของค้างคาวปีกเหล็กดังระงมฟังไม่ศัพท์ แต่พอจะคาดคะเนได้ว่าเบื้องหน้าของกำลังเจอศึกหนักเกิดการปะทะกันอยู่เป็นแน่
“เฮ้อ ตอนแรกพวกเราก็มุ่งหน้ามาเรื่อยๆมิได้หยุดแวะพัก ไม่ทราบว่าวิ่งมาไกลแค่ไหนแล้วแต่สมควรใกล้ถึงจุดหมายเต็มที แต่ทว่าก่อนที่จะถึงดันมีอุปสรรคใหญ่หลวงเข้ามาบดบังก่อนเสียนี่…” เต๋อหลงถอนหายใจ สีหน้าของมันแสดงถึงความผิดหวัง
“เส้นทางถูกกีดขวางโดยค้างคาวหนะสิ จำนวนของมันมีมากมายมหาศาลเลยล่ะ คนข้างหน้าตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับพวกกับพวกมันอยู่ นี่ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้วยังไม่มีวี่แววของหนทางไปต่อเลย” เต๋อหลงกล่าว
“ออ…” หลินหยางตอบรับพลางชะเง้อมองดูไม่ขาดสาย
การพูดคุยกับเต๋อหลงนี้ไม่ทำให้เขาได้รับรู้สถานการณ์เพิ่มเติมจากตอนนี้เลยแม้เพียงนิด มิจำเป็นต้องให้มันกล่าวฝอยให้ยืดยาว แค่ฟังจากเสียงเขาก็พอจะจับใจความสถานการณ์ได้
ดูท่ายามเกิดเรื่องเผชิญหน้ากับศัตรู เต๋อหลงมันรีบปลีกตัวหลบมาอยู่หลังแถวอย่างฉับพลันทันด่วนเป็นแน่
“นายเดินกลับไปทางเดิม พาพวกมันกลุ่มที่เหลือมาที” หลินหยางต่อ
“หากพวกมันมาถึงแล้วให้ทั้งหมดหันหน้าไปตรงข้ามคอยระวังปกป้องผู้อื่นจากด้านหลัง”
เขากล่าวตบบ่าของมันมอบหมายหน้าที่อันง่ายดายให้แก่ชายผู้ขี้ขลาดคนนี้
“อ-โอเค” เต๋อหลงตอบรับพร้อมทำตามคำขอของเขาอย่างทันที อยู่ตรงนี้ต่อไปบางทีอาจจะอันตรายยิ่งกว่าก็เป็นได้ มันจึงมิปฏิเสธกับหน้าที่อันง่ายดายกว่ามิต้องเสี่ยงภัย
มันหันตัววิ่งเหยาะแหยะหายไปในความมืด
“แล้วเราจะทำยังไงกับไอ้พวกนี้ดี…” หลินหยางหันกายกลับมามองไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้าที่แออัดจนแทบไม่มีเส้นทางเดินให้แทรกไป
ตอนที่ 548 มุด
“อย่าดันสิโว้ย”
“ใครผลักวะ”
ช่วงท้ายของขบวนส่งเสียงเอะอะโวยวายเริ่มมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเล็กน้อยประปรายเนื่องจากวาจาที่ออกจากปากเหล่านั้นอันเป็นเหตุณ์
ซุ่มเสียงด้วยความเกรี้ยวกราดดังขึ้นตั้งแต่ท้ายและขยับขยายพื้นที่ไปช่วงกลางแถวอย่างช้าๆ ต้นตอผู้เป็นต้นเหตุของเสียงบ่นกร่นด่าต่างๆนาๆจะเป็นใครไปมิได้นอกจากหลินหยาง…
หมับ~
หลินหยางยื่นมือขึ้นกุมใหล่ของชายคนหนึ่งด้านขวาและมืออีกข้างยื่นจับต้นแขนของชายอีกคนทางด้ายซ้าย พวกมันทั้งสองยืนอยู่ติดกันตรงด้านหน้าของหลินหยางหรือก็คือพวกมันกำลังขวางทางเขาอยู่
ชายหนุ่มออกแรงบางเบานุ่มนวลดันไหล่และแขนพวกมันทั้งสองไปด้านหน้า เส้นทางที่เคยปิดมิดชิดจึงเปิดออกชายหนุ่มมิรอช้ามุดแทรกตัวเข้าไปยังเส้นทางที่เปิดออกทันที
แผ่นหลังของเขาถูไถลไปกับแผ่นหลังของชายคนนึงทางด้านซ้าย ส่วนใบหน้าของเขาเข้าไปเบียดกับต้นแขนที่มีมัดกล้ามมัดใหญ่ของชายทางด้านขวา คราบเหงื่อไคลของมันเปรอะเปรื้อนย้อมใบหน้าของเขาจนเกาะติด…
“ทำอะไรวะเนี้ย”
“เอ็งจะผลักทำไมว่ะ”
ปฏิกิริยาตอบสนองของชายทั้งคู่ดั่งพวกมันเกิดมาเป็นฝาแฝด อารมณ์ช่างเดือดพล่านยิ่งกว่าการต่อสู้ในสมรภูมิรบ
“พวกมึงก็หลบไปสิวะ!!!” หลินหยางก็อยากจะพูดแบบนี้อยู่หรอก
“ขอโทษครับ” แต่แท้จริงแล้วเขาทำได้เพียงกล่าวขอโทษขอโพยพวกมันด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม พยายามรักษาสีหน้าอย่างเป็นมิตรเต็มที่ พลางผงกหัวหงึกๆอย่างสุภาพนอบน้อม แต่ดูไปแล้วมันช่างน่าอดสูเสียนี่กระไร
ตอนนี้เขาอยู่ช่วงระหว่างกลางของกลุ่ม ระยะระหว่างตนและต้นกำเนิดเสียงปะทะอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงห้าสิบเมตร แต่ที่อยู่ปัจจุบันนี้นับว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลยอย่าแท้จริง
มิต้องถามถึงอาวุธระยะไกลอันใด แค่ตัวของมนุษย์ที่ห่างออกไปสามศอกเขาก็มองไม่เห็นตัวมันแล้ว ความมืดยังคงเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงไม่เสื่อมคลาย ถึงใจเขาอยากจะช่วยเหลือการต่อสู้กับค้างคาวที่ส่งเสียงร้องเสนาะหูพวกนี้อย่างไรก็มิสามารถทำได้อย่างใจนึก
ยิ่งไปกว่านั้นแม้ระยะที่แท้จริงจะไม่ถึงห้าสิบเมตร แต่เส้นทางกลับเต็มไปด้วยขวากหนาม
อย่าว่าแต่ที่จะเดินแม้แต่อากาศที่ใช้หายใจก็เบาบางจนร่างกายรู้สึกหนักหน่วง มันแออัดเกินไปจนแทบจะเบียดกันเป็นก้อนแป้งอยู่แล้ว
เส้นทางภายในถ้ำนี้ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ ยิ่งเข้าใกล้ทางออกมากเท่าใดยิ่งมายิ่งคับแคบ จากส่วนลึกที่เป็นส่วนปลายของถ้ำนับว่ากว้างขวางโปร่งโล่งสบายอย่างยิ่งสามารถเคลื่อนที่เคียงกันได้ทีละหลายคน แต่ตรงนี้หาได้เป็นเฉกเช่นนั้นไม่
จุดที่หลินหยางยืนอยู่มีความกว้างระหว่างผนังถ้ำซ้ายขวาราวเมตรเศษเท่านั้น
ตอนนี้เพียงยืนอยู่จุดเดียวกันในแนวขวางแค่สามคนก็นับว่าอึดอัดแล้ว แต่พวกมันกลับเบียดเสียดมากกว่านั้นเสียอีก
ท้ายขบวนนั้นแต่ละแถวมีคนอยู่ราวสามถึงสี่คนจึงยังไม่เป็นปัญหาอันใดมากนัก แต่ทว่าตรงส่วนกลางของกลุ่มที่หลินหยางอยู่นี้บางจุดจำนวนคนระหว่างแถวมีมากถึงหกคน!