เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 620
“ฮีม” หลินหยางเค่นเสียงบางเบาพร้อมออกแรงเพิ่มกําลังมากขึ้น ออกแรงบีบด้ามดาบมั่นจนเส้นเลือดปูดโปนอย่างน่าเกลียดน่ากลัวเพื่อให้ดาบสั้นภายในมือของตนคงที่ไม่สั่นคลอน เมื่อคมดาบชี้ตรงเป้าอย่างที่ตนต้องการและใกล้ถึงร่างของค้างคาวตัวน้อยเต็มที่ชายหนุ่มจึงตัดสินใจใช้เรี่ยวแรงเกินกําลังกระชากแขนด้วยความเร็วสูงสุดวีปะ
ส่วนปลายหักของดาบพุ่งเข้าใส่ร่างของค้างคาวตัวจิ๋วด้วยความเร็วสูงซึ่งมากกว่าความเร็วรวมของค้างคาวตัวจิ๋ว แน่นอนมันไม่สามารถพุ่งเข้าหาหลินหยางได้ทันก่อนที่จะถูกเสียบด้วยดาบหักทางด้านหลังอย่างแน่นอน
คมดาบเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงหัวใจหลินหยางเต้นโครมครามจดจ่อ ลุ้นกับผลลัพธ์ทุกเสี้ยววินาที
“คู คู” แวมไพร์ตัวอ้วนกลมด้านหลังส่งเสียงทุ่มราวกับหัวเราะเยาะเมื่อมันเห็นมือมนุษย์ตัวน้อยอ้อมหลังโจมตีลูกสมุนของตน สีหน้าของมันหาได้แตกตื่นตกใจกับอันตรายที่ค้างคาวตัว กําลังเผชิญอยู่ไม่กลับกันปากของมันอ้ากว้างฉีกยิ้มส่งเสียงแห่งความสุขใจเป็นระลอกเมื่อปลายดาบของชายมนุษย์จวนเจียนถึงร่างสมุนสุดรัก ก้อนเนื้อแวมไพร์ขยับดวงตามองด้านซ้ายชั่วครู่ก่อนที่จะขยับกลับเช่นเดิม
ประจวบเหมาะกับค้างคาวตัวจิ๋วเมื่อนายของตนขยับดวงตาเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับมันเอียงปีกขวาลดต่ําลงเกือบได้มุมสี่สิบห้าองศาส่งผลให้ร่างกายเบี่ยงลงทางด้านขวาอย่างฉับพลั ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเองดาบสั้นของหลินหยางก็มาเข้าถึงร่างของมันพอดิบพอดีทว่าเป็นจุดเดิมที่ ค้างคาว ต่างหาก หลินหยางโจมตีพลาดเป้า!
ใบหน้าหลินหยางแสดงออกถึงความตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เพียงแค่เสี้ยววิกกลับเป็นแบบเดิมราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด มิผิดเพราะตัวเขาแม้จะเป็นผู้โจมตีด้วยตนเองก็ยังเผื่อใจเอาไว้ส่วนหนึ่งสําหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อผลลัพธ์ออกมามิเป็นดั่งที่หวังจึงรู้สึกอดเสียดายมิได้ และได้ยืนยันสิ่งที่ตนคิดเป็นที่เรียบร้อยดูท่าค้างคาวตนนี้จะไม่มีจุดบอดใดบนร่างกายที่จะให้คู่ต่อสู้ของตนได้เสาะหาช่องโหว่เหล่านั้นชายหนุ่มก็อดคิดมิได้ว่า ตกลงแล้วมันมีดวงตาที่สาม สี่หรือมีตาทิพย์กันแน่…
หลินหยางหยุดมือขวากระทันหัน ส่วนแหลมของดาบสั้นห่างจากหน้าท้องของตนเองไม่ถึงสองคืบ หากเขามหยุดมือแล้วละก็ก่อนที่จะโดนค้างคาวตัวจิ๋วโจมตีจะเป็นดาบสั้นในมือแทนที่เสียบร่างของตนเสียก่อน
ช่วงเวลาเดียวกันหลังจากหลบการโจมตีได้อย่างเฉียดฉิวค้างคาวตัวจ้อยตีปีกหนึ่งคราก่อนจะกลับเข้าแนวการบินเดิมซึ่งบัดนี้มีท่อนแขนหลินหยางเหยียดค้างเอาไว้อยู่ ค้างคาวตัวจิ๋วหาได้สนใจสิ่งที่เกะกะขวางทางไม่มันบินเรียบไปใต้แขนของคู่ต่อสู้มุ่งเข้าหาเป้าหมายซึ่งก็คือหน้าท้องของหลินหยางที่เชื้อเชิญรอคอยให้มันโจมตีอยู่นานสองนาน
ยังมิทันได้ดึงมือกลับหรือตั้งท่าเตรียมรับมือใดๆตอนนี้ศรีษะหลินหยางก้มมองหน้า ท้องของตนที่มีร่างของค้างคาวตัวจ้อยอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งคืบ เมื่อถึงตอนนี้เจ้าค้างคาวตัวจิ๋วชลอความเร็วของตนลงเล็กน้อยพร้อมกับเบี่ยงกายหันศรีษะออกด้านด้านสยายปีกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกว้างจนสุดตรงเรียบเป็นแผ่น ปีกเหล็กที่มีความคมไม่ด้อยไปกว่าคมดาบถูกกางขวางลําตัวตอนนี้ภาพของค้างคาวตัวจิ๋วในสายตาของหลินหยางราวกับกงจักรที่กําลังจะพุ่งเสียบร่างของเขาอย่างใดอย่างนั้น
หลินหยางที่เตรียมตัวรับมือสําหรับความผิดพลาดจากการโจมตีของตนเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยเขาจึงมิได้ตื่นตระหนกไปกับภาพหวาดเสียวของปีกคมบางกริบขนาดกว้างที่กําลังจะปาดหน้าท้องของเขาเป็นบาดแผลฉกรรจ์นี้ ชายหนุ่มดีดตัวกระโดดถอยหลังอีกครั้งในระหว่างที่ล่องลอยกลางอากาศนั้นตัวเขาก็ดึงหัวไล่หมุนมือเปลี่ยนวิธีการจับดาบสั้นภายในมือให้กลายเป็นปกติเหมาะสําหรับการฟันดังเดิม
ในตอนนี้ระยะระหว่างหลินหยางและค้างคาวตัวจิ๋วมิได้ลดลงหรือทิ้งห่างออกไปแต่อย่างใดแม้ความเร็วการเคลื่อนที่จากการกระโดดถอยหลังของชายหนุ่มจะมิได้รวดเร็วหากเทียบกับการเคลื่อนไปข้างหน้า แต่ในช่วงนั้นค้างคาวตัวจิ๋วก็จําต้องชลอความเร็วลงเพื่อใช้ปีกที่ขนาบซ้ายขวาของตนสักข้างหนึ่งเพื่อกรีดหน้าท้องของหลินหยางเช่นกัน
หากมันไม่ชลอความเร็วลงก็คงหนีไม่พ้นจะต้องใช้ศรีษะของมันโหม่งหลินหยางซึ่งหากเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มแน่นอนย่อมได้รับบาดเจ็บแต่คงเป็นอาการบาดเจ็บเพียงภายนอกเท่านั้นคล้ายกับการถูกก้อนหินขนาดพอดีมือปาใส่ซึ่งก็ยังไม่ถึงขั้นเลือดตกยางออกอยู่ดีค้างคาวตัวจ้อยเองก็
ดิม มันย่อมไม่ใช้การโจมตีที่ยังไม่ทราบว่าฝ่ายใดจะได้รับ ความเสียหายมากกว่ากัน
ย่อมต้อง
ตึก
เพียงพึ่งกระโดดถอยได้มีถึงครึ่งทางร่างของหลินหยางกลับชะงักค้างกลางอากาศก่อนที่ชายหนุ่มจะดึงต่ําลงใช้สองเท้ายันพื้นเอาไว้ เขามิได้หันกลับไปมองสิ่งแปลกปลอมที่คล้ายกับกําแพงยักษ์ ที่ตนกระแทกใส่เมื่อครู่เพราะมันมิใช่สิ่งอื่นใดนอกจากก้อนเนื้อแวมไพร์ตัวอ้วนกลมนั่นเอง
เมื่อแผ่นหลังเขากระทบเข้ากับร่างแวมไพร์ตัวอ้วนหลินหยางหาได้แตกตื่นไม่ เขาทราบอยู่แก่ใจแม้มิได้ให้ความสนใจแก่แวมไพร์ตัวอ้วนด้านหลัง แต่อย่างที่ทราบมันไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเอง ฉะนั้นตั้งแต่เริ่มต่อสู้ถึงตัวมันจะไม่มีส่วนร่วมกับการเผชิญหน้าของมนุษย์หนุ่มและลูกสมุนตัวน้อยแต่มันก็ยังอยู่ที่เดิมของตนมิได้หายไปไหน
หลินหยางตั้งท่าควงแขนขวาบีบด้ามดาบตั้งชี้ไปยังค้างคาวตัวจ้อยที่กําลังคืบคลานเข้าหาทีละน้อย
แม้ระยะการโจมตีที่ตั้งใจเอาไว้จะคลาดเคลื่อนออกไปแต่ค้างคาวตัวจิ๋วก็มิได้ห มุนตัวกลับเพื่อเร่งความเร็วเพิ่มเติมแต่อย่างใดมันตัวปล่อยล่องลอยมุ่งเข้าหาชายหนุ่มเช่นเคยแม้ความเร็วอาจตกลงสักหน่อยแต่หากโจมตีถูกเป้าหมายด้วยความเร็วปัจจุบันอานุภาพการโจมตีจึงต้อยลงไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นทั้งระยะที่กระชั้นชิดไม่มีพื้นที่เหลือพอให้ใช้สอยทําให้มันไม่มีตัวเลือกมากนัก
หลินหยางหดแขนขวาดึงศอกไปข้างหลังตามระยะของทั้งสองที่หดเข้าหาด้วยเช่นกันเพื่อมิให้การโจมตีที่กําลังจะเกิดขึ้นของตนเบาบางเกินไป จนที่สุดมันข้อศอกของเขาก็กระแทกเข้ากับก้อนเนื้อแวมไพร์แสนนุ่มด้านหลังของตน ดวงตาดุจดั่งเหยี่ยวจ้องมองศัตรูตัวน้อยที่เข้าใกล้ตนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนปีกอันแหลมคมของมันเลยเถิดเข้ามาในระยะหนึ่งคืบเป็นที่เรียบร้อย
ไม่ใช่แค่ค้างคาวตัวจิ๋วที่ไม่มีพื้นที่ แต่หลินหยางก็เช่นกัน ตอนนี้ดาบสั้นในมือเขาตั้งตรงชี้ปลายไปยังค้างคาวตัวจิ๋วโดยตัวดาบแนบสีข้างด้านขวาของตนเอง หากเขาแทงด้วยท่วงท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ความรุนแรงของการโจมตีคงไม่อาจเทียบได้กับการโจมตีสูงสุดที่ชายหนุ่มทําได้บางทีมันอาจไม่ถึงครึ่งนึงเสียด้วยซ้ํา
แต่สีหน้าหลินหยางหาได้กังวลไม่ เขาเหยียดแขนซ้ายตรงแนบลําตัวพลางกัดฟันจนเกิดเสียงเสียดสีเล็กน้อย
กร็อบ
เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับมือซ้ายที่บีบตัวเข้าหากันสร้างกําปั้นกล้ามแขนนูนเด่น มีเส้นเลือดปูดโปนรอบวงแขน พร้อมมีเสียงส่งออกมาจากกําปั้นของชายหนุ่มคล้ายกับเสียงลั่นแตกหักของกระดูก มันคือกระดูกนิ้วชี้และกลางของเขาที่ได้รับความเสียหายไปก่อนหน้านี้นั่นเอง
แม้เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดรวดร้าวราวกับมือซ้ายของตนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทว่าใบหน้าหลินหยางกลับเด็ดเดี่ยวไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวดที่ตนได้รับ
ข้อศอกซ้ายงอกไปด้านหลังเล็กน้อย หมัดซ้ายที่ฝืนความเจ็บปวดกํามั่นหงายออกไปทางค้างคาวตัวจิ๋ว
เมื่อดูจากท่วงท่าของหลินหยางคล้ายกับชายหนุ่มกําลังจะต่อยหมัดซ้ายที่ควบแน่นอยู่อย่างไรอย่างนั้น
มิผิดหลินหยางตั้งใจจะใช้หมัดซ้ายของตนต่อยค้างคาวตัวจิ๋ว!
ดาบสั้นในมือขวาที่ตั้งท่าเตรียมอย่างดิบดีหาใช่การโจมตีหลักไม่ แต่เป็นมือซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บไม่เหมาะแก่การใช้งานข้างนี้ต่างหากที่จักใช้เป็นการโจมตีคู่ต่อสู้
“ในเมื่อการโจมตีทุกกระบวนท่าล้วนไร้ความหมายไม่สามารถแตะต้องถูกตัวคู่ต่อสู้ได้แม้แต่ปลายก้อย ไฉนจึงมิใช้สองมือให้สอดคล้องหลอกล่อมันด้วยกลลวง?” นั่นคือความคิดความต้องการของหลินหยางเมื่อตัดสินใจใช้มือซ้ายของตนเข้าร่วมการต่อสู้