เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 622
ใบดาบหยุดชะงักลงเมื่อมันมิสามารถฟันฝ่าปีกเหล็กของค้างคาวตัวจ้อยได้ ตอนนี้ร่างของค้างคาวตัวจิ๋วถูกตัดครึ่งในมุมเฉียงตั้งแต่กลางลําตัวไปหยุดลงบริเวณเกือบท้าย
เมื่อถูกตัวดาบเสียบเข้าร่างในแรกเริ่มค้างคาวตัวน้อยพยายามดิ้นกายสบัดตีปีกรุนแรงหมายหลุดจากดาบยักษ์ที่เสียบทะลุร่างของตน ต่อมาเมื่อตัวดาบฟันร่างของมันที่เกินกว่าคําว่าบาดแผลฉกรรจ์ไปไกลโข เรียกได้ว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นจากดาบสั้นเพียงครึ่งเล่มนี้กินบริเวณลําตัวของมันเกินกว่าหกส่วน!
บาดแผลขนาดใหญ่เช่นนี้แม้จะเกิดขึ้นบนตัวของมนุษย์ก็ย่อมเป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน แล้วค้างคาวตัวจิ๋วตนนี้จะทนพิษบาดแผลได้หรือ? นอกจากมันจะเป็นอมตะไม่มีวันตายหา ไม่แล้วย่อมตกตายลงด้วยบาดแผลผ่าซีกลําตัวนี้
แต่มันก็น่าแปลกที่ค้างคาวตัวนี้กลับมิส่งเสียงร้องสักแอะ ไม่มีทั้งเสียงร้องแห่งความแตกตื่นเสียงแห่งความเจ็บปวด หากพินิจมองดูแล้วนอกจากร่างกายที่พยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้ายแล้วใบหน้าของมันกลับเฉยเมยราวกับ
กลับกันหลินหยางเองที่เป็นฝ่ายตกอยู่ในความสับสนงงงวย ใบหน้าของเขาประดับไปด้วยความแปลกใจที่สามารถเสียบดาบทั้งเล่มเข้าใส่ร่างกายของศัตรูได้อย่างเกินความคาดหมาย การโจมตีที่ไม่แม้แต่จะฝากความหวังเอาไว้โดยมีหน้าที่เพียงแค่หลอกล่อชายหนุ่มมิได้ใส่ความเร็วและพลังลงไปในการโจมตีดังกล่าวเลย
ค้างคาวตัวจิ๋วดิ้นทุรนทุรายอยู่ไม่นานในที่สุดมันก็สิ้นฤทธิ์คอพับปีกตกห้อยลงไร้เรี่ยวแรงยื้อยุดบัดนี้มันตกตายลงไปเป็นที่เรียบร้อย
ความสับสนมาเยือนหลินหยางเพียงไม่นานก็มลายหายไปกลายเป็นความปิติ มุมปากเขามยกขึ้นอย่างยินดีถึงการที่ตนโจมตีโดนเป้าหมายจะยังเป็นปริศนาคาใจ แต่ไฉนต้องสืบหาความเล่าในเมื่อตอนนี้เขาปลิดชีวิตศัตรูตัวฉกาจได้แล้ว!!
ฟูววะ
หลังสิ้นใจไม่นานนักก็มีควันดําลอยพวยพุ่งขึ้นมาจากร่างของค้างคาวตัวจิ๋วที่ถูกเสียบติดอยู่กับดาบสั้น ทั้งปีกและลําตัวของค้างคาวตัวจิ๋วคล้ายกับถูกกรดที่มีฤทธิ์กรัดกร่อนสูงราดรดใส่ ร่างกายของมันหลอมละลายแหว่งไปที่ละจุดอย่างน่าหวาดกลัว พร้อมกับไอควันทมิฬระเหยออกมาจากจุดดังกล่าว
ควันดําเหล่านี้ราวกับมีชีวิตมันไหลลงอาบดาบสั้นคืบคลานเข้าครอบคลุมมือขวาที่ถือด้ามดาบเมื่อมันสัมผัสกับมือของหลินหยางทําให้ชายหนุ่มรู้สึกขนลุกขนพองส่งผลให้เขาผงะเล็กน้อยก่อนจะสบัดมือตวัดดาบส่งร่างของค้างคาวตัวจิ๋วลอยละลิ่วกระแทกเข้ากับผนังถ้ํา
รูมมม
เมื่อร่างไร้วิญญาณของค้างคาวตัวจิ๋วกระทบกับผนังถ้ํากลับกลายเป็นว่าร่างกายของมันมลายหายกลายเป็นควันดําไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆเลยแม้แต่เศษเสี้ยว ราวกับว่ามันไม่เคยมีตัวตนมาก่อน…
หลินหยางมองร่างค้างคาวตัวจิ๋วอันตธานหายไปต่อหน้าต่อตาราวกับหมอกควันด้วยความพิศวง เมื่อร่างของมันหายไปจนเกลี้ยงตรงจุดดังกล่าวก็ไม่มีสิ่งอื่นใดเหลืออยู่อีกแม้แต่ควันสีดําทมิฬก็ไม่เหลือเช่นกัน เจ้าตัวนี้มันน่าสนใจยิ่งนัก ตามปกติแล้วสิ่งมีชีวิตที่ตกตายไปล้วนแล้วแต่หลงเหลือกายเหนือเอาไว้เป็นสักขีพยานว่าตนเคยมีชีวิตอยู่กันทั้งสิ้น แม้แต่สไมล์สัตว์ประหลาดที่มีร่างกายคล้ายหุ้นแต่เมื่อมันตายก็ยังคงหลงเหลือเศษซากให้ดูต่างหน้าบ้าง
เมื่อไม่พบสัญญาณชีวิตใดๆจากค้างคาวตัวจิ๋วหลินหยางจึงเลิกให้ความสนใจมันในที่สุดเขาหันกายกลับหลังมองร่างแวมไพร์ตัวอ้วนกลมตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสผิดกับเมื่อครู่ที่ตึงเครียดกดดันเขาควงดาบสั้นในมือหมุนไปมาอย่างอารมณ์ดี
หลินหยางมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าใช้สายตาจ้องมองแวมไพร์ตัวยักษ์ราวกับผู้ล่าจ้องมองเหยื่อตอนนี้สถานการณ์กลับตารปัตรแล้ว
สําหรับถ้ําสัตว์ประหลาดปริศนาแล้วทั่วไปสิ่งที่น่าเกรงกลัวที่สุดคงหนีไม่พ้นราชาหรือราชินีของถ้ํานั้นๆ ดังถ้ํามดก็มิปฏิเสธมิได้ว่าราชินีมดนั้นน่าเกรงขามทั้งยังอันตรายอย่างยิ่งแต่สําหรับถ้ําค้างคาวแล้ว…แวมไพร์โง่งมตรงหน้าเขานี้หรือไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงอันตรายเลยสักนิด!
หากเทียบแล้วมันคงไม่ต่างไปจากกระสอบทรายชิ้นโตสําหรับรองมือรองเท้าไร้พิษสงลูกสมุนของมันที่พึ่งสิ้นใจไปหยกๆอย่างค้างคาวตัวจิ๋วสมควรจะเป็นราชาของถ้ําแห่งนี้มากกว่าแวมไพร์ตัวอ้วนตนนี้เสียอีก เมื่อดูจากประสิทธิภาพแล้วแวมไพร์ตนนี้ไม่สมควรมีระดับเกินกว่ายี่สิบเสียด้วยซ้ํา
“หือ?” ทันใดนั้นเองรอยยิ้มบนใบหน้าหลินหยางอันตธานหายไป หัวคิ้วทั้งสองข้างยุ่นเข้าหาก
ระดับ? ค้างคาวตัวจิ๋วระดับเท่าไหร่?” หลินหยางตั้งคําถามแก่ตนเองด้วยความสงสัยพร้อมกับหันกายมองกลับไปยังจุดที่ร่างของค้างคาวตัวจิ๋วมลายหายกลายเป็นควันเมื่อครู่
ตั้งแต่มันสิ้นชีวิตไปจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อความใดๆแจ้งเตือนให้แก่เขาที่เป็นผู้ปลิดชีวิตมันเลย!
หากเป็นปกติแล้วเพียงแค่มีส่วนร่วมในการคร่าสัตว์ประหลาดตนใดแม้เพียงแค่สะกิดตัวหรือสร้างรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย เมื่อสัตว์ประหลาดตนนั้นสิ้นชีวีลงก็ยังได้ยินเสียงแจ้งเตือนอันหวานหูให้ได้ยินทุกครา แต่สําหรับค้างคาวตัวจิ๋วเป็นหลินหยางเพียงผู้เดียวที่ต่อกรกับมันจนกระทั่งมันตกตายลงด้วยน้ํามือของเขาเพียงคนเดียว แต่ทว่ากลับไม่มีเสียงหวานใสที่คุ้นเคยดังขึ้นมาให้ได้ยินเลยแม้สักแอะ
ชายหนุ่มเพ่งสมาธิเปิดดูค่าสถานะของตนก็พบว่าตนยังคงมีระดับยี่สิบเอ็ดเท่าเดิมมิได้เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อยหากดูความยากในการต่อกรแล้วค้างคาวตัวจิ๋วอย่างน้อยต้องมีระดับไม่ต่ํากว่าสามสิบไม่ใกล้ไม่ไกลจากนี้แน่นอน และเมื่อหลินหยางเป็นผู้จัดการมันลําพังฉะนั้นระดับของเขาต้องเพิ่มขี้นมาบ้างอย่างน้อยหนึ่งถึงสองระดับ
หลินหยางหันซ้ายขวาอย่างร้อนลนมองฝ่าในความมืดทั้งบนล่าง สิ่งที่เขากําลังมองหาอยู่ในตอนนี้ก็คือร่างของค้างคาวตัวจิ๋วที่บางที่อาจยังมีชีวิตอยู่ ทว่าไม่ว่าจะมองไปจุดใดก็ล้วนไม่พบกับค้างคาวตัวน้อยศัตรูตัวฉกาจอย่างที่หวัง
มีเสียงลมก้อนโตถูกพ่นออกมาจากปากของก้อนเนื้อแวมไพร์ที่อยู่นอกความสนใจของหลินหยางหากมองไปยังใบหน้าของมันบัดนี้จะพบว่าสีหน้าของมันไม่น่าดูชมเลย ดวงตาและหากของมันบูดเบี้ยวคล้ายกับมนุษย์ที่กําลังเจ็บปวดเจียนตาย
ลมหายใจของมันราดรดใส่แผ่นหลังของหลินหยางปลุกเขาตื่นจากภวังค์ความนึกคิด ชายหนุ่มกําลังจะเบี่ยงกายหันกลับไปเผชิญหน้ากับแวมไพร์ตัวอ้วนก็ต้องผงะยกสองมือปิดหูทั้งสองข้าง
คว้ากกกก
ก้อนเนื้อแวมไพร์แหกปากตะเบ็งเสียงร้องก้องกังวาลส่งผลให้ผืนถสั่นสะเทือนเลือนลั่นเสื้อผ้าและเส้นผมหลินหยางถูกลมปากของมันพัดปลิว ตัวเขาย่อต่ําลงโดยอัตโนมัติเพิ่มน้ําหนักกายลงช่วงล่างเหยียบลงบนพื้นถ้ํา หาไม่ทําเช่นนี้แล้วตัวของเขาเองก็คงปลิวไปตามแรงลมแล้วอย่างแน่นอน
หลังมันร้องยาวในคราแรก น้ําเสียงของมันเริ่มแกว่งไปมาเดี๋ยวหุ้มต่ําเกี่ยวหยุดเดี๋ยวตะเบ็งไม่แน่นอนร่างกายของมันสั่นโอนเอนไปซ้ายขวา บางคราก็สั่นละทมรุนแรง
”???” ใบหน้าหลินหยางประดับไปด้วยความสับสนถึงความผิดปกติของแวมไพร์ปีศาจหรืมันจะโกรธแค้นจนแสดงอาการออกมาเพราะตนไปคร่าชีวิตสมุนสุดแสนรักของมัน?
แผละ
ทันใดนั้นเองมีเสียงคล้ายกับบางอย่างปริแตก พร้อมกันนั้นเองมีรอยกรีดขนาดกว้างสองถึงสามนิ้วและยาวนับเมตรเกิดขึ้นตั้งแต่ใต้ริมฝีปากกว้างของแวมไพร์ตัวอ้วนจรดถึงส่วนใต้ที่พยุงร่างของมัน
มีของเหลวสีดํามะเมื่อมไหลออกมาจากจุดดังกล่าวราวกับท่อแตกมันไหลอาบพื้นถ้ําจนกลายเป็นแอ่งน้ําขังขนาดย่อมๆ
ไม่ช้าไม่นานหลังสิ้นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายไม่นานมันก็หยุดอาละวาดลง ร่างกายของมันเดี๋ยวพองเดี่ยวยุบคล้ายกับสูดหายใจลึกและพ่นออกจนหมด แวมไพร์ปีศาจพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ส่งเสียงแห่งความอ่อนล้าพลางใช้สายตากลมโตทั้งสองข้างมองมนุษย์หนุ่มตัวน้อยเบื้องหน้าด้วยความอาฆาตแค้น
”” หลินหยางคลายมือที่ปิดหูทั้งสองข้างของตนออกพลางพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก หลงคิดว่าเมื่อครู่แก้วหูของเขาจะแตกไปเสียแล้วโชคยังดีที่มันยังได้ยินเสียงรอบข้างเป็นปกติสุขเขาใช้สายตามองสํารวจก้อนเนื้อแวมไพร์ตรงหน้าตั้งแต่บนจรดล่าง พบว่าร่างกายของมันบัดนี้คล้ายกับพึ่งผ่านพ้นการต่อสู้เจียนตายมาหยกๆก็มิปาน ผิวหนังเหี่ยวย่นใบหน้าเหี่ยวเฉาราวกับคนใกล้ตาย