เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 623
หลินหยางแทบจะหยุดหายใจไปโดยพลันเมื่อสูดกลิ้นมิพึงประสงค์จากของเหลวน่าสะอิดสะเอียนที่ไหลออกมาจากร่างของแวมไพร์ปีศาจ
มันเป็นสิ่งอื่นใดมิได้นอกจากเลือดของก้อนเนื้อเน่าแวมไพร์ตนนี้ หากนํามารวมกันแล้วคงได้หลายลิตรเลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่จู่ๆร่างของมันก็ปริแตกผ่าครึ่งเช่นนี้ช่างน่างงงวยยิ่ง
ชายหนุ่มมั่นใจว่าตนแทบมิได้แตะต้องถูกตัวของแวมไพร์โง่งมตนนี้ จะมีก็แต่ก่อนที่จะปลิดชีพค้างคาวตัวจิ๋วที่เขากระโดดลอยตัวหนีจากการโจมตีของค้างคาวตัวจ้อยและแผ่นหลังกระแทกใส่แวมไพร์ปีศาจ แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่เท่านั้นและเขามั่นใจว่าแผ่นหลังของตนอย่างใดก็มิสามารถสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วนบนร่างกายที่มีการป้องกันสูงของก้อนเนื้อแวมไพร์
หรือมันโดนหินงอกหินย้อยภายในถ้ำบาดเอา? ลืมไปได้ด้วยความยืดหยุ่นและความหนาของผิวหนัง ไหนจะของเหลวเหนวหนืดที่คล้ายกับเกาะป้องกันร่างกายนี้อีก อย่าว่าแต่หินที่มีความแหลมคมไม่แน่นอน แม้จะมีดาบยาวที่พึ่งลับคมมาหยกจนสะท้อนแสงแวววาวพร้อมด้วยพละกําลังทั้งหมดทั้งมวลที่ถือครองก็ยังไม่ทราบแน่ว่าจะสามารถสร้างบาดแผลขนาดยาวร่วมหนึ่งเมตรในการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้หรือไม่
เขาก็มิทราบเช่นกันว่าการเปลี่ยนแปลงร่างกายของมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนไหน ความสนใจทั้งหมดถูกดึงดูดด้วยค้างคาวตัวจิ๋วไปเสียหมด บางคราหลินหยางแทบจะหลงลืมไปเลยว่ามีก้อนเนื้อแวมไพร์อยู่ในสมรภูมิรบนี้ด้วย
สรุปแล้วมันโดนอะไรกันแน่ร่างกายถึงได้รับความเสียหายบาดแผลฉกรรจ์เช่นนั้น? ก็คงมีแต่แวมไพร์ปีศาจตนนี้ที่รู้คําตอบ
ดูท่าทางของมันแล้วเหมือนจะเจ็บปวดกับบาดแผลนี้อยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น สายตาของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายอาฆาตจ้องมองมนุษย์หนุ่มตรงหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ คล้ายกับว่าบาดแผลบนร่างของมันนี้เป็นหลินหยางเป็นผู้ฝากฝังเอาไว้ก็มิปาน
เมื่อเผชิญกับสายตาแห่งความโกรธแค้นของก้อนเนื้อแวมไพร์ส่งผลให้หลินหยางรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ตอนนี้เขาเลิกล้มความสนใจเกี่ยวกับค้างคาวตัวจ้อย ถึงระดับที่ควรจะเพิ่มขึ้นหลังจากปลิดชีวิตมันกลับหายไปอย่างปริศนายังคงคาใจชายหนุ่มอยู่ก็เถิด แต่สําหรับตอนนี้เขาคงต้องจัดการกับแวมไพร์ปีศาจที่อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายตนนี้เสียก่อน เขาอยากจะออกไปจากถ้ำเน่าเหม็นนี้เต็มที่และสิ่งแรกที่เขาจะทํานั้นคงหนีไม่พ้นการสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อกลบกลิ่นเน่าที่สูดดมเข้ามาในร่างกายนี้เสีย
หลินหยางควงดาบในมือไปมาพร้อมกับมองสบตากับแวมไพร์ตัวอ้วนเมื่อไม่เห็นท่าที่ไม่มีความรู้สึกถึงอันตรายใดๆเขาก็ค่อยผ่อนคลายจิตใจผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ตรวจดูสภาพร่างกายของตนเพื่อเตรียมรับการต่อสู้ระลอกที่สองกับผู้นําแห่งถ้ำค้างคาว เขาหมุนหัวไหล่ขวาผ่อนคลาย เส้นเอ็นที่ดูเหมือนจะได้รับความเสียหายจากการกวัดแกว่งดาบสั้นแม้จะมีความเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ก็มิได้มากมายนัก
ชายหนุ่มมองดูหมัดขวาของตนที่กําควบแน่นจนถึงตอนนี้ หลังจากตั้งใจจะใช้หมัดข้างนี้ปลิดบัญชีค้างคาวตัวจิ๋วแต่ทว่ามันกลับตกตายไปอยางไม่คาดฝันด้วยดาบสั้นเสียก่อน ทําให้หมัดซ้ายของเขาเกร็งกําลังฝืนกําแน่นอย่างเสียเปล่าไปเสียแล้วและมันก็ยังกําแน่นมาจวบจนถึงตอนนี้แม้เป้าหมายของมันจะตายไปแล้วก็ตาม
เขาสูดหายใจลึกหนึ่งคราก่อนที่จะคลายหมัดกางเหยียดนิ้วมือทั้งห้าออก มิทันได้แผ่กางจนสุดก็มีความเจ็บปวดโลดแล่นไปตามร่างกาย ตอนนี้นิ้วชี้และกลางที่แตกหักไปหลังจากต่อยแผ่นหลังร่างมนุษย์ของแวมไพร์ปีศาจบัดนี้มันบวมเป่งพร้อมกับมีสีม่วงห้อเลือดอย่างน่าหวาดกลัว บริเวณกลางฝ่ามือก็มีรอยเลือดกว่าสี่จุดเกิดขึ้น มันเกิดจากเล็บทั้งสี่ที่ทิ่มแทงลงไปในเนื้อหนังจากการกําหมัดแน่นจนเกินไปของเขานั่นแล
ส่วนทั้งสองนิ้วที่สภาพย่ำแย่จนไม่น่ามองมันยังส่งความเจ็บปวดออกมาอย่างไม่หยุดเช่นกันโดยที่ก่อนหน้าที่มันแทบไม่หลงเหลือความเจ็บใดๆให้หลินหยางเป็นกังวล แต่เมื่อเขากําหมัดหมายจะใช้งานมันอีกคราก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ความเจ็บปวดกลับมาเยือนแถมยังมากกว่าในตอนที่ทั้งสองนิ้วหักจากการต่อยแผ่นหลังแวมไพร์ปีศาจในคราแรกเสียอีก เรียกได้ว่าโชคดียิ่งนักที่หมัดซ้ายข้างนี้มิได้ทําหน้าที่ของตนโดยการต่อยค้างคาวตัวจิ๋ว หาไม่แล้วหมัดซ้ายของเขาอาจใช้การไม่ได้อีกเลยก็เป็นได้
ต่อมาเขาตรวจดูบาดแผลทั้งสองจุดที่ตนได้รับมาจากศัตรู เขายกมือขวาลูบไล้ลําคอของตนซึ่งบาดแผลดังกล่าวเป็นต้นเหตุมาจากแวมไพร์ปีศาจในร่างมนุษย์ที่ใช้กรงเล็บกรีดผ่านไปเพียงเฉียดเฉียวเท่านั้น ตอนนี้บาดแผลดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงอันใดไม่มีผลต่อสภาพร่างกายของเขาสักเท่าไหร่ มีเพียงเลือดที่ไหลซึมออกมาไม่กี่หยดเท่านั้น หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาดอีกไม่นานเลือดก็คงหยุดไหลและสักหนึ่งถึงสองวันบาดแผลก็คงสมานเข้าหากันปิดสนิทตามธรรมชาติ
ส่วนจุดที่สองนั้นนับว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง นั่นก็คือบาดแผลตรงหน้าท้องค่อนไปทางเอวด้านซ้ายของตน บาดแผลนี้พึ่งได้มาสดๆร้อนๆจากค้างคาวตัวจิ๋ว หากถูกฟันด้วยปีกเหล็กของมัน ธรรมดาก็คงมิน่าเป็นห่วงอันใด แต่ทว่ามันพ่วงมาด้วยทักษะโลหิตคลั่งอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของค้างคาวปีกเหล็ก ทําให้บาดแผลดังกล่าวยากที่จะรักษาตัวเองตามธรรมชาติ แม้หลินหยางจะทําการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยการใช้เหล็กร้อนนาบเพื่อปิดปากแผล ทว่ากลับยิ่งสร้างความเจ็บปวดเพิ่มทวีคูณ
การนาบด้วยเหล็กร้อนของเขาแน่นอนย่อมไม่สามารถปกปิดบาดแผลได้ครบถ้วน บางจุดก็ยังมิได้สมานเข้าหากันแต่อย่างใดและตรงจุดดังกล่าวเองก็มีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุด ผลของทักษะโลหิตคลั่งก็ใช่หาว่าจะหยุดหายไปอย่างสิ้นเชิงไม่ เลือดที่ออกมาจากบาดแผลนี้ก็ล้วนแล้วแต่ถูกผลของทักษะดังกล่าว ทําให้ร่างกายซีกซ้ายของเขาตั้งแต่ช่วงเอวจนถึงต้นขาบัดนี้ล้วนถูกเลือดของตนเองกัดกร่อนเป็นแผลเหวอะหวะน่าหวาดกลัวและเจ็บแสบยิ่ง บาดแผลจุดนี้จึงนับว่าเป็นบาดแผลที่สร้างความเสียหายให้แก่ร่างกายของเขามากกว่าจุดอื่นทั้งยังสร้างความเจ็บปวดและภาระร่างกายอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง หากเขามิได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอย่างการเย็บหรือหาวิธีปิดบาดแผลให้สนิท ผลของทักษะโลหิตคลั่งก็คงจะทํางานอย่างต่อเนื่องเช่นนี้อีกต่อไปไม่จบไม่สิ้นจนกระทั่งไม่มีเลือดเนื้อให้ไหล
ตอนนี้หลินหยางมิได้เร่งรีบนุ่มบ่ามจู่โจมแวมไพร์โง่งมนัก เขาต้องเรียกคืนกําลังเค้นเรี่ยวแรงให้กลับมาเสียก่อน การจะพิชิตชัยเหนือศัตรูตัวยักษ์ตรงหน้านั้นหลินหยางจะต้องใช้พลังกายมหาศาลเพื่อโจมตีมันสร้างบาดแผลอีกนับไม่ถ้วนที่เทียบกับขนาดร่างกายแล้วนับว่าเล็กกระจ้อยร่อย
ทว่าช่วงเวลาแห่งความสงบสุขนั้นมาเยือนไม่นานนัก เป็นเพียงสองถึงสามนาทีเท่านั้นที่ทั้งสองใช้สายตาจ้องเขม็งกันไม่วางตา เรี่ยวแรงที่คืนมาเทียบไม่ได้กับเสียไปนับสิบนับร้อยเท่า หากมีเวลามากกว่านี้อีกสักหน่อยหลินหยางก็คงไม่ลังเลที่จะยื่อซื้อเวลาต่อไป แต่ท้ายแล้วชายหนุ่มก็ยอมตัดใจทิ้งเวลาแสนสุขนั้นเสีย เพราะบาดแผลบนร่างตนนั้นดูเหมือนจะสร้างความเจ็บปวดเกินกว่าที่คาดเอาไว้ แม้บนร่างคู่ต่อสู้เองก็มีบาดแผลฉกรรจ์ยาวมากกว่าหนึ่งเมตร แต่ดูเหมือนมันไม่สะทกสะท้านกับบาดแผลดังกล่าวเท่าหลินหยางที่กัดฟันทนกับความเจ็บปวด
ชายหนุ่มยืดเส้นบิดกายก่อนที่จะยื่นขาข้างหนึ่งไปด้านหลัง ส่วนขาอีกข้างงอย่อตัวลงต่ำ ท่าทางของเขาตอนนี้เหมาะสําหรับการพุ่งจู่โจมอย่างยิ่ง ซึ่งนั่นก็คือความต้องการของมนุษย์คนนี้
แผนการรับมือที่เขาได้ตระเตรียมเอาไว้สําหรับแวมไพร์ปีศาจตอนนี้นะหรือไม่มี มิใช่ไม่ทันคิดแต่เพราะมันไม่จําเป็นต่างหาก ก้อนเนื้อแวมไพร์นั้นแทบจะมีการโจมตีเป็นศูนย์ไร้ภัยอันตราย สิ่งที่หลินหยางต้องทําก็คือคิดหาวิธีใช้ดาบสั้นภายในมือให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยใช้แรงกายต่ำสุดเพื่อสร้างบาดแผลให้แก่แวมไพร์ปีศาจ เขาไม่จําเป็นต้องคิดหาทางถอยเมื่อเผชิญหน้ากับก้อนเนื้อแวมไพร์เลย คิดเพียงวิธีโจมตีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่านั้น