เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 626
“เกิดอะไรขึ้น!”
”เสียงอะไรวะ!!”
ผู้บุกรุกทั้งสี่ตกอยู่ในความสับสนอลหม่านกับเสียงไม่พึงประสงค์ที่ไม่ทราบที่มาที่ไป
แคว๊ก~
“กางตาข่าย!” ไม่นานนักหลิวไห่ตะโกนเสียงดังปลุกพวกมันตื่นจากภวังค์ความนึกคิด พวกมันทั้งสามเร่งรีบกางผืนตาข่ายเถาวัลย์ยืนยักษ์ปิดเส้นทางอย่างทุลักทุเลด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
สวบ~
ตึบ~
ตาข่ายทั้งผืนยังมิทันได้กางเสร็จ ร่างของค้างคาวปีกเหล็กนับสิบตัวก็พุ่งกระทุ่งเข้าใส่แผงตาข่าย หากหลิวไห่ตัดสินใจช้ากว่านี้อีกเล็กน้อย บัดนี้ค้างคาวนับสิบคงพุ่งชนร่างของพวกมันไปแล้ว
แม้จะยังสับสนอยู่บ้างกับเสียงประหลาดและแรงลมปริศนา แต่พวกมันก็ไม่ละทิ้งหน้าที่ของตน
“มุมซ้ายอย่าให้ตาข่ายหย่อนสิว่ะ พวกแกไม่ได้กินข้าวมาหรือไง!” หลิวไห่ตะโกนเสียงดังเร่งเร้าจิตใจพักพวกของตน
&$@*^!*
ตามกระแสลมที่พัดผ่านยังไม่ทันหายไปจนสิ้นจู่ๆก็มีเสียงแว่วรําไรตามมา
‘หือ?’ สหายทั้งสามสะดุดกับความผิดปกติเมื่อมุมขวาบนของตาข่ายที่ปกติแล้วมักเต่งตึงไม่เคยหย่อนยานอันเนื่องมาจากตรงจุดดังกล่าวเป็นหน้าที่ที่รับผิดชอบของหลิวไห่ พวกมันทั้งสามมองหลิวไห่เป็นตาเดียวด้วยความสงสัยถึงการกระทําผิดปกตินี้
“เป็นอะไร?” ชายผู้ถือครองสถานะพละกําลังกล่าวถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ข้าได้ยินเสียงบางอย่าง” หลิวไห่กล่าวตอบพลางยืดตัวตรงเงี่ยงสดับรับฟังเสียงปริศนา
“หลิวไห่!” เพียงไม่นานนักเสียงระลอกใหม่ก็ถูกส่งมาตามลมแต่เสียงในครานี้มิใช่เสียงที่ฟังมิได้ศัพท์อีกต่อไป มันเป็นเสียงเรียกร้องชื่อของหลิวไห่
หลิวไห่เบิกโพลงเมื่อเสียงนี้ช่างเป็นเสียงที่มันคุ้นเคยยิ่ง ชายทั้งสามเองก็มีสีหน้าท่าทางไม่ต่างกันมากนัก ตอนนี้พวกมันก็ได้ยินเสียงปริศนาที่ส่งออกมาจากส่วนลึกของถ้ําเฉกเช่นเดียวกัน
“พี่หยาง!” หลิวไห่ตะโกนร้อง
“พี่หยาง!” ชายทั้งสามร่วมประสานเสียงร้องตอบ
เสียงของพวกมันทั้งสี่กู่ก้องดังสะท้อนไปมากับผนังถ้ําและค่อยๆเงียบหายไป
&$@*^!*
ไม่นานนักก็เสียงที่ไม่สามารถจับใจความได้แว่วมาตามสายลม
มุมปากของพวกมันทั้งสี่ยกขึ้น แม้เสียงที่ตอบกลับมาจะฟังไม่ได้ศัพท์ไม่รับรู้ความหมาย แต่ที่พวกมันมั่นใจในตอนนี้ก็คือเสียงนั้นคือเสียงของหลินหยางผู้นําของพวกมัน!!
ชายทั้งสี่มีสีหน้าแปรเปลี่ยนแววตาดุดันเลือดในกายเดือดพล่าน พวกมันกระโจนตัวเข้าระห่ำกับค้างคาวปีกเหล็กนับร้อยเบื้องหน้าด้วยความบ้าบินราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกปลุกจากการจําศีลมานานนับปี
ตอนนี้หลิวไห่มิจําเป็นต้องตะโกนไล่หลังเขี้ยวเข็ญให้พวกมันทําหน้าที่อีกต่อไปแล้ว
ณ ส่วนกลางถ้ําค้างคาว
‘ฮึ’ หลินหยางเค่นเสียงหัวร่อในลําคอ ตั้งแต่เริ่มแผนการแหกถ้ําค้างคาวออกมาจากส่วนลึกของถ้ํา เสียงของค้างคาวปีกเหล็กระดับสี่และหกที่กระจุกตัวกันอยู่บริเวณปากถ้ํามักดังระงมอยู่เรื่อยมา เมื่อถึงช่วงการปะทะระหว่างเขาและแวมไพร์ปีศาจ เสียงประสานของเหล่าค้างคาวเริ่มเบา บางลง มันมิได้เบาลงอย่างฉับพลันแต่มันค่อยลดลงอย่างช้าๆทําให้หลินหยางที่ถูกดึงดูดความสนใจจากคู่ต่อสู้มิทันได้สังเกตุพบ
แต่เมื่อถึงตอนนี้เสียงของเหล่าค้างคาวปีกเหล็กระดับต่ํานั้นแทบส่งมาไม่ถึงตรงจุดนี้แล้ว นั่นแสดงว่าจํานวนของพวกมันลดน้อยร่อยหรอลงอย่างมาก ประจวบเหมาะกับการเผชิญหน้าระหว่างแวมไพร์ปีศาจและหลินหยางชะงักกลางคันเสียงรอบข้างจึงเงียบสงัดไม่มีสิ่งใดรบกวน ฉะนั้นเมื่อเมื่อมีเสียงจากกลุ่มคนตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังพอจะส่งมาถึงจุดนี้หลินหยางย่อมได้ยินอย่างแจ่มชัด
และชายหนุ่มแทบไม่ต้องคิดถึงต้นตอของเสียงนั้นเลย มันคือกลุ่มที่ได้รับมอบหมายจากเมืองของเขา การผสมผสานจากทีมระยะใกล้และทีมจู่โจมนั่นเอง
เมื่อได้ยินเสียงพวกมันหลินหยางแทบหุบยิ้มมิลง เพราะเขาจดจําเจ้าของเสียงนั้นได้ มันคือสหายคนสนิทอย่างหลิวไห่นั่นเอง และเมื่อสามารถตะโกนโต้ตอบกับหลิวให้ได้เช่นนี้นั่นก็แสดงว่าจํานวนของค้างคาวปีกเหล็กใกล้หมดลงเต็มที บางทีอาจไม่ถึงสิบนาทีข้างหน้านี้เขาก็จะมีกําลังเสริมจากกลุ่มชายฉกรรจ์ร่วมสองร้อยคนเข้าฝาตะบันกับแวมไพร์ปีศาจ!
คู~
แวมไพร์ปีศาจส่งเสียงแหบพร่าแผ่วเบาอย่างน่าสงสาร
หลินหยางละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง พร้อมดึงความสนใจกลับมาอยู่ที่คู่ต่อสู้อีกครา
เขาฉีกชายเสื้อบริเวณเอวซ้ายที่เปื้อนเลือดของตนมาขนาดมิเล็กมิใหญ่ พลางฉีกมันออกเป็นสองซีกเท่าๆกัน ต่อมาเขาขยําเศษผ้าอุ้มเลือดทั้งสองแผ่นหมาดๆจนได้ชิ้นที่เล็กลงทรงกลม เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วเขาจึงนําก้อนผ้าทั้งสองก้อนยัดรูหูทั้งสองข้างซ้ายขวา เพื่อบรรเทาเสียงอันทรงพลังของคู่ต่อสู้ขณะที่มันแหกปากร้องบาดเจ็บ
การอุดหูของเขายังพอได้ยินเสียงรอบข้างอยู่บ้างมิได้หนวกบอดสนิทแต่อย่างใด แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยลดระดับเสียงลงไปได้ส่วนหนึ่ง โชคดีที่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นสิ่งมีชีวิตตัวใหญ่เชื่องช้า ประสาทการรับฟังจึงแทบไม่มีประโยชน์ใดสําหรับการต่อสู้
การโจมตีแทบทุกรูปแบบของแวมไพร์ปีศาจถูกตระเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้หมดแล้ว
หลินหยางตั้งท่าทางเหมาะสําหรับการบุกทะลวงเฉกเช่นเดิม หมายส่งเสริมความคิดของตนเจาะคว้านเนื้อหนังของมันตรงจุดเก่าให้ลึกมากขึ้น
แวมไพร์ปีศาจละสายตาจากบาดแผลบนร่าง เมื่อมันเห็นว่าหลินหยางเตรียมตั้งท่าเข้าจู่โจมมันอีกครั้ง ดวงตาของมันก็สลัดคราบละทิ้งความอ่อนแอไปจนสิ้น มันใช้ดวงตากลมโตจ้องมองชายหนุ่มด้วยความเด็ดเดี่ยวน่าเกรงขามเสมือนช่วงแรกที่มันเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
ครืน~
ร่างกายมันสั่นสะเทือนรุนแรงความแรงนี้ต่างออกไปจากเก่าก่อน มันรุนแรงมากกว่าการกระเถิบตัวถอยหลังที่มันทําไปเมื่อครู่ ส่งผลให้ผนังถ้ําซ้ายขวาไหวสั่นตามการเคลื่อนไหวของมันไปด้วยผืนถ้ำบนฝ่าเท้าหลินหยางไหวไปมายวบยาบ มีเศษหินเล็กหินน้อยแตกกระจัดกระจายตกลงมาจากเพดานถ้ํา
หลินหยางที่อยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวทําได้เพียงขมวดคิ้วเคร่งเครียด มันช่างน่าหวาดเสียวยิ่งนัก มิทราบว่าถ้ําแห่งนี้จะพังทลายลงตามแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นหรือไม่ บางคราก็ยังต้องคอยหลบเศษหินที่มีขนาดใหญ่มากกว่าฝามือเพื่อมิให้ถูกมันตกกระทบบนร่าง แม้หินเหล่านี้จะไม่สร้างความเสียหายร้ายแรงใดๆแต่มันก็ยังคงเจ็บอยู่ดีหากถูกมันหล่นใส่หัวเข้าเต็มเปา
การบุกของแขาถูกชะงักค้างเอาไว้ชั่วคราว การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับแวมไพร์ตนนี้คับคล้ายคับคาว่าเขาเคยพบเห็นมาแล้ว
คิ๊~
มีเสียงเกิดขึ้นมาจากทางก้อนเนื้อแวมไพร์ปากของมันเผยอออกเล็กน้อยพร้อมกับเสียงลมหวีดหวิวรอดไรฟัน ตอนนี้ดวงตาของมันหรี่เล็ก ผิวบริเวณเหนือดวงตาคู่โตอุ่นเข้าหากันราวกับมันกําลังเบ่งพลังสุดกลั้น
ฟูวว~
มีควันสีดําถูกระบายออกมาจากร่างของมันทั่วทุกมุม ไม่เว้นแม้แต่ด้านหลัง เมื่อหลินหยางมองรอดผ่านช่องว่างระหว่างตัวมันและผนังถ้ําก็ยังสามารถมองเห็นควันดําที่กระจัดกระจายลอยคละคลุ้ง
หลังจากที่มีควันโขมงออกมาไม่นาน ขนาดร่างกายของแวมไพร์ตรงหน้าก็ค่อยหดเล็กลงที่ละน้อย ที่ละน้อย
ฮู่ววว~
เมื่อร่างของมันลดขนาดลงจนถึงจุดหนึ่ง เจ้าแวมไพร์ปีศาจพ่นลมออกจากปากของตนอย่างแผ่วเบาคล้ายกับคนที่เหนื่อยหอบหลังจากวิ่งมาหลายสิบกิโล
“หือ?” เมื่อมองไปยังร่างของแวมไพร์ปีศาจตอนนี้หลินหยางอดมิได้ที่จะอุทานออกมา เพราะขนาดตัวของมันเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้มันเล็กกว่าตอนปกติกว่าครึ่งนึง บัดนี้ขนาดตัวของมันมิได้ใหญ่โตมโหฬารจนน่าหวาดหวั่นแล้ว แน่นอนมันยังใหญ่กว่ามนุษย์อยู่ หากเทียบกับมนุษย์ที่มีน้ําหนักตัวมาก เจ้าแวมไพร์ตนนี้ก็คงคล้ายกับคนอ้วนที่มีน้ําหนักราวสองร้อยกิโลกรัม
ด้วยขนาดตัวที่เล็กลงของมันทําให้ช่องว่างระหว่างตัวและผนังถ้ําซ้ายขวาและ เพดานด้านบนกว้างมาขึ้น ตอนนี้มันกว้างเพียงพอให้หลินหยางสามารถรอดผ่านไปได้อย่างสบายๆรูป
วูบ~
ควันดําราวกับเมฆหมอกสีทมิหลอยดําสะเปะสะปะอยู่ได้ไม่นานนัก ราวกับถูกดึงดูดด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น มันล่องลอยเข้าเกาะกลุ่มกันเบื้องหน้าของแวมไพร์ปีศาจ
มันเป็นอย่างที่หลินหยางคาดจริงๆ ในก่อนหน้านี้แวมไพร์ปีศาจเองก็เคยมีลักษณะท่าทางแบบนี้มาก่อน ซึ่งในตอนนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ…การปรากฏตัวของค้างคาวตัวจิ๋ว!!