เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 634
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 634 เคลือบแคลง
หลินหยางและค้างคาวตัวจิ๋วเผชิญหน้ากันไปทั้งหมดสามกระบวนท่าโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น การโจมตีและหลบหลีกของพวกเขาทั้งสองกระทําอย่างต่อเนื่องลื่นไหลไม่มีการมีการติดขัด
“ฮึ่ม” หลินหยางส่งเสียงสบถ มันดังพอที่จะให้แวมไพร์ปีศาจทางด้านหลังของเขาได้ยิน
แวมไพร์ปีศาจส่งเสียงคล้ายหัวร่ออีกครั้งเมื่อเห็นการโจมตีพลาดซ้ําซ้อนของคู่ต่อสู้ ด้วยสติปัญญาที่สูงกว่าสัตว์เดรัจฉานเล็กน้อย มันยิ่งตื่นเต้นดีใจที่เห็นมนุษย์หนุ่มโง่งมตรงหน้าทําผิดพลาดให้เรื่องเดิมๆ ยิ่งมันเห็นชายหนุ่มส่งเสียงแห่งความร้อนใจออกมา ความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาของมันราวกับถูกปัดเป่าหายจนเป็นปลิดทิ้ง สีหน้าของมันแย้มยิ้มกะปรี้กะเปร่าเริงร่าขึ้นทันทีที่เห็นศัตรูหัวฟัดหัวเหวี่ยง
จากการตายของค้างคาวตัวจิ๋วตนแรกที่คู่ต่อสู้ของมันบดบังการมองเห็นอย่างบังเอิญทําให้มันหลงคิดว่าชายหนุ่มอาจระแคะระคายเกิดข้อสงสัยขึ้นบ้างแล้ว ทําให้มันเป็นกังวลอยู่บ้าง
แต่เมื่อเผชิญหน้ากันอีกครั้งก็พบว่าคู่ต่อสู้ของมันก็ยังเผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋วด้วยแบบแผนเดิมใช้กลยุทธ์การโจมตีจากมุมอับ ความกังวลของมันจึงถูกปัดทิ้ง
ด้วยความสามารถของมันที่ควบคุมค้างคาวตัวจิ๋วอยู่พร้อมกับมองการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้จา กวงนอกอย่างทะปรุโปร่งย่อมมีเปรียบเหนือกว่า ยิ่งตอนนี้ร่างกายของมันมีขนาดเล็กลงกว่าแรกเริ่มกว่าครึ่งนึง มันจึงสามารถขยับเคลื่อนร่างกายไปซ้ายขวาได้อย่างใจนึก การบดบังสายตาอย่างบังเอิญในตอนที่เผชิญหน้ากับค้างคาวตัวจิ๋วตนแรกจึงไม่มีทางเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
เมื่อมันคิดได้เช่นนี้หนทางสู่ชัยชนะก็อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น หากมันคอยควบคุมค้างคาวตัวจิ๋วล่อหลอกหาช่องโหว่ของคู่ต่อสู้ไปเรื่อยๆ ต้องมีสักคราที่คู่ต่อสู้ของมันพลาดพลั้งเสียที
หลังจากหลบหนีการโจมตีทิ้งระยะห่างออกมาได้สําเร็จ ค้างคาวตัวจิ๋ววกตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับหลินหยางอีกครั้ง มันกระพือปีกอยู่กับที่รอคอยคําสั่งการควบคุมจากผู้เป็นนายของตนอยู่
หลังจากดีอกดีใจยกใหญ่ได้ไม่นาน แวมไพร์ปีศาจก็เริ่มกลับมาควบคุมค้างคาวตัวจิ๋วอีกครั้ง มันเหลือบสายตามองไปยังที่อากาศว่างเปล่าล่วงเลยจุดที่ค้างคาวตัวจิ๋วอยู่ไปทางด้านหลัง ราวกับประกาศิตจากสวรรค์ ค้างคาวตัวจิ๋วหันกายควับหันหลังให้ศัตรูอย่างฉับพลันบินปรี่มุ่งไปยังจุดสายตาทันที
“หม?” หลินหยางเลิกคิ้วสูงมองตามร่างของค้างคาวตัวจิ๋วที่ตีห่างออกไปไกล ตอนนี้มันทิ้งระยะห่างจากตนไปกว่าสองถึงสามเมตรแล้ว ดูจากท่าทีของมันดูเหมือนมันจะตั้งใจเพิ่มระยะเพื่อเพิ่มความเร็วในการพุ่งโจมตีของตนอย่างแน่นอน จากเดิมที่มันโจมตีจากระยะหนึ่งเมตรซึ่งก็นับว่าเป็นระยะกระชั้นชิด แม้มันจะกระพือปีกเร่งความเร็วมากเท่าใดก็มิสามารถใช้ความไวสูงสุดที่ตนสามารถทําได้
แต่สิ่งที่ทําให้หลินหยางฉงนสงสัยหาใช่เหตุผลของการถอยร่นของค้างคาวตัวจิ๋วไม่ แต่เป็นเพราะตอนนี้เขาสามารถมองเห็นค้างคาวตัวจิ๋วได้ในระยะร่วมสามเมตร!
ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงที่ถูกจับตัวไปกักขังไว้ภายในโถงส่วนลึกสุดของถ้ํา ในยามนั้น ชายหนุ่มราวกับดวงตามืดบอดสนิท มิสามารถมองเห็นสิ่งใดได้เลยแม้สิ่งนั้นจะห่างจากดวงตาของตนเพียงหนึ่งคืบ ซึ่งตอนนั้นหลินหยางคิดว่าบางทีอาจถูกผลลัพธ์ของทักษะบางอย่างเข้า
ระยะการมองเห็นของเขาค่อยๆกลับมาชัดเจนกว้างไกลขึ้นโดยที่ชายหนุ่มเองก็มิได้ฉุกคิดหรือรู้ตัวเลย เพราะกําลังง่วนอยู่กับการเผชิญหน้าคิดหาวิธีรับมือกับศัตรูตัวฉกาจทั้งสอง
ตอนนี้สายตาของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว ในระยะหนึ่งเมตรเขาเห็นทุกอย่างชัดเจนแจ่มชัด เห็นแม้กระทั่งหินก้อนเล็กๆที่อยู่บนพื้น ช่วงระหว่างสองเมตรก็ยังมองเห็นอยู่เช่นกันแต่มีสามารถมองเห็นรายละเอียดยิบย่อยได้ ซึ่งจุดนี้ก็เป็นระยะสูงสุดที่ตนสามารถมองเห็นได้เมื่อเข้ามาในถ้ําค้างคาวโดยได้รับคุณสมบัติจากทักษะดวงตาเหยี่ยวเพื่อเพิ่มระยะของสายตา ซึ่งสําหรับคนปกติแล้วระยะการมองเห็น
เมตรเท่านั้น
แต่ตอนนี้ค้างคาวตัวจิ๋วที่อยู่ห่างออกไปโดยด้วยสายตาจะอยู่ราวสามเมตร แต่หลินหยางก็ยังเห็นร่างของมันแม้ไม่ชัดเจนแต่รับรู้ถึงการคงอยู่ ระยะที่เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่าหนึ่งเมตรนี้ เป็นผลพวงมาจากดวงตาที่ปรับสภาพให้เคยชินกับความมืดที่เผชิญในถ้ําแห่งนี้นั่นเอง
ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าดวงตาที่มีดบอดชั่วครู่ขณะอยู่ในส่วนลึกของถ้ําจนทําให้หลินหยางวิตกกังวลนั้นมิได้เกิดขึ้นมาจากความผิดปกติของร่างกายตนเอง แต่เป็นเพราะทักษะจากคู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
ทักษะที่สามารถทําให้คู่ต่อสู้ดวงตามืดบอดได้มันช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง หากเป็นการเผชิญหน้ากันโดยใช้จํานวนกําลังพลเข้าน้ํานั่นกัน ทักษะนี้อาจไม่ค่อยมีบทบาทใดๆให้กล่าวถึง แต่สําหรับการต่อสู้ที่เผชิญหน้ากันตัวต่อตัว หากหนึ่งในนั้นครอบครองทักษะดังกล่าวเอาไว้แทบไม่ต้องเปลืองแรงคาดเดาเลยว่ามันผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน
และเมื่อเป็นเช่นนั้นความกระหายของหลินหยางถูกปลุกขึ้นมาในทันที มิใช่ความอยากในอาหาร แต่เป็นความต้องการในทักษะดังกล่าว!
แต่ว่ามันมาจากตัวไหนกันล่ะ? ค้างคาวตัวจิ๋วสั้นหรือ? หรือว่าแวมไพร์ปีศาจ? ส่วนค้างคาวปีกเหล็กระดับสี่และหกนั้นหลินหยางตัดทิ้งไปโดยไม่ใยดี ด้วยระดับเพียงแค่สี่และหกของพวกมัน ย่อมไม่สามารถปกปิดความสามารถของตนได้จากหลินหยางด้วยทักษะดวงตาเหยี่ยวที่สามารถล้วงข้อมูลที่เป้าหมายมีได้อย่างหมดจด
และตั้งแต่ก่อนจะบุกตะลุยถ้ําค้างคาวแห่งนี้หลินหยางก็ยังมิได้เผชิญหน้ากับใครที่สามารถสร้างบาดแผลให้แก่ตนได้โดยที่มิรู้ตัว ฉะนั้นทักษะที่ทําให้ดวงตามีดบอดนี้ย่อมไม่ได้มาจากภายนอกถ้ําแห่งนี้อย่างแน่นอน
หรือเขาจะถูกโจมตีด้วยทักษะจากเหล่ามนุษย์ที่ถูกเหล่าค้างคาวกักขังอยู่ไว้ภายในส่วนลึกของถ้ําร่วมหลายร้อยคน? มันก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันเพราะแทบทุกคนล้วนถูกหลินหยางตรวจสอบด้วยทักษะดวงตาเหยี่ยวหมดแล้วจนสิ้นก็ยังไม่พบใครที่มีระดับสูงเกินกว่าชายร่างท้วมและสหายของมันชายผู้มีระดับสี่ ส่วนผู้ที่มีทักษะในครอบครองอยู่นั้นสามารถนับได้ด้วยจํานวนนิ้วมือเสียด้วยซ้ํา ยิ่งหากคิดถึงเหตุผลแล้วมันจะไปมีประโยชน์อันใดที่จักต้องใช้ทักษะนี้กับเพื่อร่วมเผ่าพันธุ์ที่ตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าอดสูรอคอยการเป็นอาหารจานเด็ดให้แก่สัตว์ประหลาด?
ฉะนั้นแล้วจากสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ภายในถ้ําค้างคาวแห่งนี้ ก็เหลือตัวเลือกหลักอยู่เพียงสองตนเท่านั้น นั่นก็คือค้างคาวตัวจิ๋วและแวมไพร์ปีศาจที่ไม่สามารถรับข้อมูลได้จากทักษะดวงตาเหยี่ยวนั่นเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้นความแตกตื่นมาเยือนหลินหยางอย่างฉับพลัน ไม่ว่าจะเป็นค้างคาวตัวจิ๋วที่เป็นลูกสมุนหรือแวมไพร์ปีศาจผู้เป็นจ้าวแห่งถ้ําค้างคาว เขาก็ล้วนโดนพวกมันทั้งสองตนโจมตีใส่ร่างกายแล้วทั้งสิ้น!
การคาดเดาของหลินหยางแตกออกเป็นสองส่วน หนึ่งก็คือทักษะที่ทําให้คู่ต่อสู้ตาบอดนี้เป็นทักษะที่ต้องใช้งานโดยผู้ใช้อย่างทักษะหลอมไฟ หากเป็นอย่างข้างต้นก็อาจคิดไปได้ว่าในตอนที่พวกมันโจมตีใส่ตนนั้นยังมิได้ใช้งานทักษะดังกล่าว
และส่วนที่สองซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่งหากทักษะดังกล่าวเป็นทักษะติดตัวที่ใช้งานโดยอัตโนมัติ!
แต่ไม่ว่าจะเป็นทักษะติดตัวหรือทักษะใช้งานมันก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่หากใครครอบครองอยู่จะไม่ใช้งานทักษะนั้นในการโจมตี เพราะผลของทักษะมันร้ายกาจเกินกว่าจะมองข้าม
หลินหยางกระพริบตาปริบๆมองค้างคาวตัวจิ๋วตรงหน้าพลางหันมองซ้ายขวา
หากการคาดเดาของเขาถูกแล้วเหตุใดการมองเห็นของเขามิย่ําแย่ลงแต่กลับยังมองเห็นทุกอย่างได้เป็นปกติสุขไม่มีสิ่งใดผิดเพี้ยน? สิ่งที่คิดได้ในตอนนี้ก็คือพวกมันนายบ่าวตนใดตนนึงต้องเป็นผู้ครอบครองทักษะอันน่ากลัวนี้ และเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะไม่ใช่งาน แล้วเหตุใดเขาจึงไม่ได้รับผลของทักษะดังกล่าว?
การเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีระดับสูงกว่าตนนั้นย่อมมีความลําบากเพิ่มขึ้น และนี่ก็ถือเป็นตัวอย่างสําคัญเลยทีเดียว ชายหนุ่มต้องค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคู่ต่อสู้โดยมิสามารถพึ่งพาทักษะแสนสะดวกสบายอย่างทักษะดวงตาเหยี่ยวได้ กว่าเขาจะรู้ตัวถึงความผูกพันธ์อันน่าพิศวงของแวมไพร์ปีศาจที่ใช้การควบคุมลูกสมุนของมันอย่างค้างคาวตัวจิ๋วเพื่อต่อสู้เป็นตัวตายตัวแทนก็ใช้เวลากว่านานนม แถมยังได้รับบาดเจ็บระหว่างการเผชิญหน้ากันอีกนับหลายแผลเลยทีเดียว