เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 641
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 641 ทุรนทุราย(ตอนปลาย)
ขณะที่มันกําลังสบัดร่างไปมาอยู่นั้น ดวงตาขวาที่ยังอยู่ในสภาพปกติสุขของตน ก็ตรวจพบกับร่างของมนุษย์หนุ่มที่มันตามหามาแสนนานยืนประกบร่างของมันอยู่ในระยะเผาขนเลยทีเดียว แต่ตอนนี้มันไม่มีอารมณ์มาต่อสู้กับมนุษย์ผู้นี้แล้ว ความเจ็บปวดที่ได้รับพร้อมกับถึงสองจุดนั้นมันรุนแรงเกินกว่าจะทนไหว
สมองของมันว่างเปล่ามิสามารถคิดไตร่ตรองได้ชั่วคราว
ฉั๊วะ
ทว่าดวงตาข้างสุดท้ายที่เหลืออยู่ของมันก็ได้มีดดับลงไปในที่สุด ภาพสุดท้ายที่มันเห็นก็คือมนุษย์หนุ่มตรงหน้าฉีกยิ้มกว้างสีหน้าแสดงออกถึงความพึงพอใจมีความสุขหาใดเปรียบ พร้อมกับฟันดาบสั้นที่ชํารุดทรุดโทรมลงอย่างช้าๆบรรจงใส่ดวงตาของมัน กรีดผ่านตามความยาวร่วมหนึ่งคืบตัดผ่านดวงตาของตนออกเป็นสองซีก!
ความเจ็บปวดที่มาเยือนถึงสามแห่งพร้อมกันมันยิ่งทวีคูณกว่าบาดแผลเดียวนับสิบเท่า ปีกของมันที่ได้รับผลกระทบจากบาดแผลของค้างคาวตัวจิ๋วก็ยังไม่สิ้นสุดลง อวัยวะที่ละเอียดอ่อนอย่างดวงตาของมันทั้งสองข้างก็ถูกของมีคมฟาดฟันใส่จนมืดบอด
ค-คู~~
แวมไพร์ปีศาจร้องเสียงกรีดแหลมจนเสียงแหบหายเป็นบางช่วง มันทิ้งร่างเอาส่วนที่คาดว่าจะเป็นหัวของตนกระแทกลงพื้นอย่างรุนแรงพร้อมกับหมุนกลิ้งไปข้างหน้าและกลับหลังด้วยความเจ็บปวด การกระทํานี้ของมันส่งผลให้มนุษย์หนุ่มต้องกระโจนตัวถอยหลังเว้นระยะห่าง มิฉะนั้น เขาคงถูกก้อนเนื้อเน่าก้อนนี้ทับจนแบนเป็นแน่
ครืน
ผืนดินสั่นสะเทือน เกร็ดหินงอกหินย้อยบนเพดานถ้ําตกลงมากระจัดกระจายไปทุกที่รอบอาณาบริเวณจุดที่แวมไพร์ปีศาจกําลังอาละวาด
หลินหยางถอยห่างออกมากว่าสองถึงสามเมตรจนมิเห็นภาพของก้อนเนื้อแวมไพร์อีก
ฟวับ
แหมะ
ชายหนุ่มตวัดดาบสั้นของตนจากบนลงล่างขจัดคราบสิ่งสกปรกโสมมอย่างเลือดสีดําส่งกลิ่นเหม็นที่เกาะอยู่รอบใบดาบทิ้ง
มุมปากฉีกยิ้มกว้างไม่หุบดื่มกับความสําเร็จที่พึ่งได้รับมาหยกๆด้วยความอิ่มเอม
ทว่าเมื่อสังเกตุให้ดีแล้วจะพบว่าด้านข้างลําคอของเขาทั้งสองข้างนั้นมีเลือดสีแดงสดไหลริน เป็นเส้นสายจนอาบชุมส่วนบนของชุดที่สวมใส่อยู่ สายเลือดทั้งสองสายมันมามีต้นกําเนิดมาจากใบหูของหลินหยาง ชายหนุ่มถูกโจมตีอย่างงั้นหรือ? มิใช่เลย มันมิใช่บาดแผลที่เกิดขึ้นจากภายนอกเป็นบาดแผลที่มิสามารถตรวจดูได้ด้วยตาเปล่า นั่นก็เพราะว่ามันอยู่ลึกเข้าไปในรูหูของเขานั่นเอง
วีอ
ตั้งแต่เมื่อครู่หลินหยางได้ยินเพียงเสียงนี้เท่านั้น ทั้งที่เสียงที่ควรเป็นก็คือเสียงแห่งการกรีดร้องระบายความเจ็บปวดของแวมไพร์ปีศาจที่ดังเสียดแก้วหู แต่ทว่าสิ่งที่เขาได้ยินกลับถูกบิดเบือนไปเป็นอื้ออึ้งคล้ายกับตนกําลังจมดิ่งอยู่ใต้น้ํา
จากการโจมตีเมื่อครู่นั้นชายหนุ่มได้เสียสละอวัยวะรับรู้สําคัญอย่างประสาทการบินของตนไปโดยสิ้นเชิง ทั้งก่อนหน้านี้หูทั้งสองข้างของตนก็ได้รับบาดเจ็บเป็นทุนเดิมจากการฟังน้ําเสียงที่ทะลุทะลวงจนเจ็บปวดจากแวมไพร์ปีศาจที่ได้รับผลกระทบจากการตายของค้างคาวตัวจิ๋วตนที่สอง
ซึ่งก่อนจะเริ่มการปะทะกันอีกครั้งชายหนุ่มก็ได้ทําการใช้เศษผ้าอุดหูของตนเอาไว้เพื่อลดทอนอากาศบาดเจ็บห้ามเลือดและเหตุผลสําคัญก็คือการปิดกั้นเสียงจากภายนอก ทว่ามันแทบจะไม่เป็นผลเมื่อเผชิญกับเสียงร้องของแวมไพร์ปีศาจในระยะประชิดที่ดังกว่าครั้งไหนๆนับทวี จากผลพวงบาดแผลบนร่างของค้างคาวตัวจิ๋วตนที่สามที่บาดเจ็บสาหัสเชื่อมโยงส่งต่อบาดแผลบนร่างให้แก่นายอันผู้เป็นที่รักของตน และบาดแผลจากดวงตาทั้งสองข้างที่ถูกทําร้ายอย่างพร้อมเพรียง
หลินหยางดึงชายเสื้อขึ้นเช็ดบริเวณหูของตนชํารําล้างคราบเลือดที่ไหลทะลักเกาะปิดกั้นปากรูจนเกือบมิดจนสะอาด แต่ก็ได้เพียงไม่นานเท่านั้นเลือดที่ตั้งอยู่ภายไหนก็ไหลออกมาอีกระลอก การสูญเสียประสาทรับรู้ไปด้วยปัจจัยภายนอก ชายหนุ่มย่อมได้รับความเจ็บปวดอย่างแน่นอน เพียงแค่ความสําเร็จที่ได้รับมันมีมากกว่าความเจ็บปวดจึงทําให้บาดแผลทั้งจากหูของตนมิได้มีผลกระทบสักเท่าใดนัก ดูได้จากสีหน้าของเขาที่ยังยิ้มย่องรับฟังเสียงกรีดร้องคู่ต่อสู้ ที่บัดนี้เสียงดังกล่าวกลายเป็นเสียงที่อ่อนโยนไพเราะสําหรับหลินหยางไปเสียแล้ว
ขณะที่แวมไพร์ปีศาจกําลังลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานอยู่นั้น หลินหยางที่ถอยออกมา กําลังบิดกายซ้ายทีขวาที่วอมร่างกายคลายเส้น พลางปัดเสื้อชําระคราบฝุ่นที่เกาะติด บ้างก็ซับเหงื่อไคล บนร่างจนสบายตัว ตอนนี้ชายหนุ่มแทบไม่ได้ผลกระทบจากเสียงเสียดแทงแก้วหูนี้แล้วเพราะเขาแทบไม่ยินอะไรเลย….
หลังจากผ่านไปไม่นานเสียงของแวมไพร์ปีศาจก็เริ่มเบาบางลงพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนค่อยๆหายไปเช่นกัน
หลินหยางมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาควงดาบสั้นเดินหายลับไปในความมืดมุ่งไปทิศทางที่ประทับของแวมไพร์ปีศาจ ชายหนุ่มเคลื่อนที่ไปอย่างเนิบนาบสบายใจราวกับเดินอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเอง
สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อยถึงขีดสุด ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวแห่งความวิตกกังวลไม่หวาดกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น ครั้นในกาลก่อนเผชิญหน้ากับแวมไพร์ปีศาจ ในยามนั้น หลินหยางยังหวั่นวิตกคาดเดาไปต่างๆนาๆเกี่ยวกับตัวของแวมไพร์ปีศาจที่ตนไม่มีข้อมูลใดๆเลย แต่ตอนนี้เขาแทบจะมองมันออกอย่างทะลุประโปร่งไปถึงไส้ถึงพุงมันเสียด้วยซ้ํา ไม่ว่าจะทักษะ วิธีการเคลื่อนไหว รูปแบบการโจมตี
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ราวหนึ่งนาทีจากประสบการณ์ ผนวกกับข้อมูลที่รวบรวมมาได้ในระยะเวลาอันสั้น ทําให้หลินหยางคิดค้นวิธีการรับมือกับศัตรูได้อย่างเห็นผลชะงัก
เมื่อการโจมตีของตนถูกปัดป้องด้วยปีกเหล็กที่แทบจะไร้ช่องโหว่ไม่มีช่องว่างให้สอดเข้าไปโจมตีดวงตาที่เป็นเป้าหมายได้ ชายหนุ่มจึงหลอกล่อให้แวมไพร์โง่งมเปิดโอกาศด้วยตัวมันเอง
และโอกาศก็มาเยือนอย่างทันทีทันใด เมื่อเห็นว่าขณะที่มันใช้ปีกผลักดันล่างของตนอยู่นั้น ดวงตาของแวมไพร์ปีศาจหาได้จับจ้องมาที่ตนไม่ ความสนใจทั้งหมดของมันมองตรงไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าที่มีร่างของค้างคาวตัวจิ๋วประทับอยู่ไม่ไกล มันใช้สมาธิแทบทั้งหมดเพื่อควบคุมบังคับร่างของค้างคาวตัวจิ๋วที่เป็นหัวใจแห่งการโจมตีหลัก
การป้องกันที่สุดแสนจะแข็งแกร่งอย่างปีกเหล็กที่เปรียบเสมือนโล่เหล็กติดตัวที่ไม่มี วันแตกสลายนี้ หาได้มีเพียงข้อดีไม่ ข้อเสียของมันก็ใหญ่ตามขนาดเช่นกัน เพราะเมื่อมันสิ้นเสร็จการควบคุมค้างคาวตัวจิ๋วแล้วมันจะดึงปีกของตนกลับมาประกบติดร่างป้องกันการโจมตีอีกครั้ง และในช่วงที่มันกําลังดึงปีกกลับนั้นเอง ช่วงนี้ซีกซ้ายของมันแทบจะกลายเป็นจุดบอดสนิท อันเนื่องมาจากปีกสีทมิฬที่บดบังสายตาของตนไปโดยปริยาย
หลินหยางที่กําลังคิดหาวิธีการโจมตีดวงตาของศัตรูจนหัวหมุน จึงได้พบโอกาศราวกับฟ้าประทาน
ชายหนุ่มทําที่โจมตีอย่างเรียบง่ายคล้ายคลึงกับการโจมตีแรก เจ้าแวมไพร์ปีศาจที่ถูกโจมตีแบบเดิมมันจึงใช้การรับมือโดยวิธีการเดิมอีกครั้งโดยใช้ปีกเหล็กยักษ์ผลักใสไล่ส่งระลอกสอง เมื่อถึงตอนนี้ก้อนเนื้อโง่งมเริ่มจับจุดลดความหวาดระแวงมันหันเหความสนใจ และประจวบเหมาะกับช่วงเวลาสําคัญเพราะค้างคาวตัวจิวมาถึงการเร่งความเร็วจุดสุดท้าย!
มันจึงต้องพินิจเพ่งสมาธิทั้งหมดเพื่อควบคุมลูกสมุนสุดรักมิให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ
และตอนนั้นเองเมื่อคู่ต่อสู้ของตนตายใจช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง หลินหยางเขย่งเท้าพร้อมกับแนบลําตัวชิดกับปีกยักษ์ของแวมไพร์ปีศาจ ปีกทมิฬค่อยๆหดกลับเข้าหาเจ้าของอย่างช้าๆ ชายหนุ่มใช้ปลายเท้าเดินเหยียบย่ําไปบนผืนถ้ําอย่างบางเบาแทบจะไร้เสียงพลางค่อยลดระดับลง ที่ละเล็กละน้อยมินุ่มบ่ามเพื่อมิให้ผิดสังเกตุและดึงความสนใจของศัตรูกลับมา
จนที่สุดแล้วแวมไพร์ปีศาจก็ทํางานของมันลุล่วงสําเร็จไปอีกหนึ่งขั้นซึ่งตอนนี้ค้างคาวตัวจิ๋วได้ ทําการเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีกนับทวีจากตําแหน่งอันสมควรเป็นที่เรียบร้อย มันจึงหันเหจุดสนใจทั้งหมดมาเผชิญหน้ากับมนุษย์ตัวน้อยอีกครั้ง ซึ่งความคิดของมันยังปักใจเชื่อเต็มสิบว่าเป้าหมายของตนยังอยู่ในตําแหน่งเดิมทางด้านซ้ายอย่างแน่นอน