เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 656
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 656 ปิดฉากค้างคาว
หลิวไห่ที่มีค่าสถานะพลังมากกว่าสิบจุดส่งผลให้พละกําลังของมันมีมากกว่าเดิมถึงสองเท่า เมื่อรวมเข้ากับพละกําลังอันมหาศาลดั้งเดิม ทําให้มันเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพลังโจมตีสูงสุดในเมืองหลินหยางไปโดยปริยาย
ด้วยการทุบเพียงที่เดียวของมันทลายร่างกายของค้างคาวส่งแรงกระแทกระเบิดร่างของศัตรูจนไม่เหลือชิ้นดี กระทั่งปีกเหล็กที่แสนภาคภูมิใจของมันยังโดนพลังทําลายล้างจนยับยู่ยี่ไม่เหลือเคร้าโครงเดิม อย่าว่าแต่ค้างคาวตัวน้อยเลยแม้แต่มนุษย์ด้วยกันเองหากโดนหลิวไห่ต่อยเต็มกําลังสักหมัดก็คงตายลงอย่างไม่ต้องสงสัย
แคว๊ก~
ภายในฝูงค้างคาวเกิดความชุลมุนวุ่นวายแตกตื่นขึ้นเมื่อค้างคาวที่อยู่แถวหน้าใกล้กับมนุษย์ร่างยักษ์มากที่สุดพยายามตะเกียกตะกายส่งตนแทรกตัวผ่านสหายเพื่อหนีให้ห่างจากผู้บุกรุกผู้น่าหวาดหวัน
หลิวไห่ตะเบ็งเสียงลั่นหลังจากได้ปลิดชีวิตศัตรูตัวแรกตามความต้องการของตน มันเดินปรี่เข้าหาฝูงค้างคาวพร้อมกับฟันดาบสั้นจากบนขวาเฉียงลงล่างฝ่ากลางฝูงที่มีค้างคาวแออัดกันยั้วเยี้ย
ฉวัะ~
ตุบ~
แคว๊กก~
ผลจากการโจมตีของมันปลิดชีวิตค้างคาวปีกเหล็กที่แสนโชคร้ายไปมากกว่าสิบตัวในคราเดียว
ฟุ่บ~
ฉึบ~
ทันใดนั้นเองข้างกายชายร่างยักษ์ก็ปรากฏร่างชายอีกคนขึ้น มันตวัดฟันดาบสั้นในแนวขวางฝ่าอากาศผ่าฝูงค้างคาว ส่งผลให้มีค้างคาวตกตายลงไปอีกร่วมสิบตามพักพวกมันไปติดๆ
“เจ้าบ้าหลิวไห่ แบ่งคนอื่นด้วยสิวะ” ชายผู้นั้นกล่าวขึ้น มันใช้ร่างกายของตนเบียดเสียดร่างกับหลิวไห่เพื่อสร้างพื้นที่ใช้สอยให้ตนเอง พละกําลังของชายรายนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิวไห่เลย เพราะพวกมันทั้งคู่มีระดับและค่าสถานะเทียบเท่ากัน ชายผู้นี้คือจิ่นเหอนั่นเอง
“เห้ย!”
“อย่าเห็นแก่ตัวสิโว้ย” เหล่าสมาชิกทีมที่เหลืออีกหกคนกําลังตกตะลึงกับการโจมตีของชายทั้งสองที่ไม่บอกไม่กล่าวให้สัญญาณอันใดก็จู่โจมศัตรูอย่างฉับพลัน แต่ตอนนี้พวกมันได้สติตื่นตัว แล้วเมื่อพวกมันพบว่าค้างคาวปีกเหล็กที่อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยค่าระดับได้ตกตายไปมากกว่ายี่สิบตัวแล้ว พวกมันที่เหลือจึงกรูกันเข้าไปเบียดเสียดแออัดแก่งแย่งชิงโจมตีฆ่าฟันสัตว์ประหลาดกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย
ทางด้านค้างคาวปีกเหล็กผู้ตกเป็นเหยื่อนั้นช่างน่าสงสารอย่างยิ่ง นี่มันมิใช่การต่อสู้อีกต่อไป มันไม่ต่างจากการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ที่กระทําเพียงชายฉกรรจ์ทั้งแปดคน พวกมันทั้งหมดล้วนมีรอยยิ้มน่าชวนขนลุกประดับบนใบหน้าแสดงถึงความกระหายใคร่อยากฟาดฟันอาวุธปลิดชีวิตศัตรู
ทุกการโจมตีของพวกมันในหนึ่งคราสามารถปลิดชีวิตค้างคาวปีกเหล็กไปอย่างน้อยสองตัวขึ้นไป หากจุดใดที่มีค้างคาวอยู่ชุกชุมในครานั้นจะสามารถฆ่าไปได้มากกว่าห้าถึงสิบตัวในหนึ่งครั้ง ด้วยเหตุนี้เวลาที่ผ่านไปเพียงสิบวิก็ปรากฏร่างไร้วิญญาณของค้างคาวปีกเหล็กที่ล่วงหล่นลงพื้นไปมากกว่าห้าสิบตัวหรือเท่ากับครึ่งนึ่งของกําลังพลทั้งหมด!
เมื่อเคียวยมทูตมาจ่อถึงคอหอยแม้แต่สัญชาติญาณสัตว์ปาของสิ่งมีชีวิตกินเนื้อนักล่าแห่งยามราตรีก็ยังมิสามารถต้านทานสัญชาตญาณของการเอาตัวรอดได้ ฝูงค้างคาวแตกกระเจิงบินวุ่นไปทุกหนแห่ง บางตัวหนีเตลิดบินไปยังทิศทางของกลุ่มผู้รอดชีวิตซึ่งโอกาศรอดของพวกมันนั้นก็นับว่าแทบไม่เหลือ เมื่อชายฉกรรจ์กลุ่มผู้รอดชีวิตเห็นศัตรูเข้าใกล้พวกมันก็เร่งโจมตีมั่วชั่วพัลวัลเพื่อกันมิให้ค้างคาวเหล่านี้ได้เข้าประชิดซึ่งเป็นการปิดตายหนทางหนีของเหล่าค้างคาวไปโดยปริยาย
เสียงร้องโหยหวนของค้างคาวประสานกันระงมอยู่เพียงไม่นานนักก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบสงัดวังเวง
“…”
“มันเกิดอะไรขึ้นว่ะ” เหล่าผู้รอดชีวิตมองภาพเบื้องหน้าด้วยความมึนงง ตอนนี้ในสายตาของพวกมันเห็นชายฉกรรจ์แปดนายยืนอยู่ต่อหน้าบางคนกําลังใช้เท้าเหยียบย่ำซ้ำเติมค้างคาวปีกเหล็กที่ยังไม่ตกตายลงสนิท บางคนปัดเป่าเสื้อผ้าขจัดสิ่งสกปรก บางรายกําลังเช็ดคราบเลือดที่เกาะอยู่บนอาวุธคู่ใจ พวกมันทําตัวสบายๆราวกับเมื่อครู่นี้ไม่มีเรื่องราวใดๆเกิดขึ้น
เหล่าผู้รอดชีวิตแม้ไม่เห็นการต่อสู้ด้วยสายตา แต่พวกมันได้ยินกับหู ตั้งแต่การล้างบางค้างคาว ปีกเหล็กเริ่มต้นชายทั้งแปดคนได้ใช้เวลาไปเพียงแค่หนึ่งนาทีเท่านั้นในการกําจัดค้างคาวทั้งหนึ่งร้อยตัว แม้แต่ค้างคาวที่หมดใจจะสู้แสวงหาทางหนีเอาตัวรอดก็ยังถูกชายฉกรรจ์หนึ่งในแปดติดตามปลิดชีวิตมันในที่สุด
แต่สิ่งที่ทําให้พวกมันประหลาดใจถึงที่สุดก็คือเหล่าเจ้าชายขี่ม้าขาวที่มาช่วยเหลือพวกมันออกจากถ้ำนี้มีเพียงแค่แปดคน!!
หลังจากอ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลือและเป็นผลสําเร็จที่ฝ่ายตรงข้ามรับปากจะช่วยจํากัดค้างคาวเหล่านี้ให้ในตอนนั้นพวกมันก็หลงคิดว่ากองกําลังของอีกฝ่ายย่อมต้องมีจํานวนไม่น้อยไปกว่าร้อยถึงสองร้อยคนอย่างแน่นอน แต่ทว่าเมื่อได้เห็นตัวตนผู้ช่วยชีวิตมันกับตาตนแล้วจะมิให้มันแปลกใจได้เยี่ยงไร ค้างคาวปีกเหล็กที่เป็นตัวอันตรายน่าหวาดกลัวขวัญผวาสําหรับพวกมันกลับถูกชายเพียงแปดคนฆ่าล้างไปโดยใช้เวลาเพียงนาทีเดียวแถมดูเหมือนค้างคาวทั้งร้อยตัวนั้นยังไม่เพียงพอจะเรียกเหงื่อไคลให้แก่ชายฉกรรจ์ทั้งแปดคนนี้เลยด้วยซ้ำ
คนพวกนี้เป็นใครกัน?
“อะแฮ่ม” ด้านหลังของเหล่าชายทั้งแปดเกิดเสียงกระแอมดังขึ้น ชายทั้งแปดนายผู้เข่นฆ่าค้างคาวปีกเหล็กเป็นผักปลาแนบหลังตัวเองกับผนังถ้ำฝั่งที่ใกล้ตัวแหวกเปิดเส้นทางเปิดโล่งให้แก่เจ้าของเสียงดังกล่าว
ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วมเล็กน้อยปรากฏเผยตัวออกมาจากความมืด เทียนหนิงเจี้ยน
“พี่เทียน พวกนี้คือกลุ่มผู้รอดชีวิตที่ถูกค้างคาวปีกเหล็กจับมา” ชายคนหนึ่งจากทีมหลิวไห่กล่าวแนะนํากลุ่มบุคคลใหม่
เทียนหนิงเจี้ยนพยักหน้ารับรู้ มันสอดส่องสายตาสํารวจเหล่าผู้รอดชีวิตเมื่อเห็นสภาพบางคนที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกก็พอจะคาดเดาระยะเวลาที่อาหารไม่ตกถึงท้องของพวกมันได้บ้าง
” พวกนายมีกันทั้งหมดเท่าไหร่” เทียนหนิงเจี้ยนกล่าวถาม
” พ-พวกผมมีประมาณร้อยห้าสิบคนครับ” ชายฉกรรจ์ผู้องอาจกล้าหาญอยู่แถวหน้าสุดกล่าวอย่างสุภาพพลางค่อมหัวลงอย่างนอบน้อมต่อหน้าเทียนหนิงเจี้ยน
พวกมันพินิจมองเทียนหนิงเจี้ยนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยดวงตาเป็นประกาย ชายวัยกลางคนที่เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งแปดผู้ฆ่าล้างบางค้างคาวนับร้อยยังให้ความเกรงใจอยู่หลายส่วนต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน พวกมันล้วนคิดกันไปต่างๆนาๆคาดเดาฝีมือของเทียนหนิงเจี้ยนคาดหวังว่าบางทีมันอาจมีฝีมือสูงส่งจนกระทั่งชายทั้งแปดยังให้ความเคารพแหวกทางให้เดินผ่าน
“หือ? นี่มันอะไร” สายตาของเทียนหนิงเจี้ยนกระทบกับอาวุธกระดูกท่อนยาวในมือของเหล่าชายฉกรรจ์
“นี่คือกระดูกครับ” ผู้รอดชีวิตตอบกลับพลางใช้สองมือจับยกกระดูกท่อนโตชูสูงให้เทียนหนิงเจี้ยนดูถนัดตา
” ข้ารู้ว่ามันคือกระดูก แต่พวกนายเอากระดูกมาถือไว้ทําไม?” เทียนหนิงเจี้ยนถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ถึงสิ่งแปลกใหม่ที่มันพบเห็น สําหรับตัวมันแล้วมิได้โดดเด่นในเรื่องการต่อสู้เรียกได้ว่าแทบไม่มีฝีมือเลยมากกว่า แต่มันก็ทดแทนด้วยมันสมองใช้องค์ความรู้สร้างประโยชน์ให้แก่พลเมือง เมื่อเห็นสิ่งแปลกตามันจึงดึงดูดความสนใจของเทียนหนิงเจี้ยนไม่น้อย
“ พวกผมใช้มันเป็นอาวุธสําหรับต่อกรกับค้างคาวปีกเหล็กครับ” เหล่าชายฉกรรจ์กล่าว
“โฮ่ ไม่เลว” เทียนหนิงเจี้ยนพยักหน้ามองอาวุธกระดูกที่ถูกฝนจนแหลมกริบไม่แพ้คมมีดด้วยแววตาเป็นประกาย ด้วยความรู้ใหม่นี้หากตกอยู่ในสถานการณ์ขาดแคลนอาวุธมันก็จะสามารถหาสิ่งอื่นมาทนแทนได้โดยใช้วิธีการเดียวกับเหล่าผู้รอดชีวิต
” พวกเอ็งก็ฉลาดเหมือนกันนี่หว่า ” หลิวไห่หยิบอาวุธกระดูกชิ้นนึงที่ดูเหมือนจะทํามาจากต้นขาของมนุษย์ควงไปมา
“เอ…ข้าลืมอะไรไปหว่า?” เทียนหนิงเจี้ยนลําพึงลําพัน มันคับคล้ายคับคลาว่ามีบางสิ่งที่มันได้หลงลืมไปอย่างสนิทใจนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
“หือ?” เทียนหนิงเจี้ยนที่กําลังหมกมุ่นอยู่กับวังวนความคิดของตนถูกดึงกลับสู่โลกความจริงเมื่อมีสายตาของเหล่าผู้รอดชีวิตที่ร่างกายอ่อนล้าผอมแห้งขาดสารอาหารนับร้อยจ้องมองด้วยแววตาน่าสงสารเป็นตาเดียว พวกมันกําลังรอสัญญาณจากเทียนหนิงเจี้ยนอยู่สัญญาณที่จะให้พวกมันได้ออกไปจากถ้ำปีศาจที่แสนเน่าเหม็นนี้เสียที