เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 668
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 668 ผู้คุ้มกัน
เด็กชายรายนั้นโยนกระบอกที่พึ่งใช้งานทิ้งลงข้างกายพร้อมกับย่อตัวกางแขนสองข้างออก
กว้าง
ซึ้ง
จู่ๆเล็บมือทั้งสิบของมันก็งอกยาวออกมามีความยาวราวสองถึงสามเซ็นติเมตร ปลายแหลมคมกริบไม่ต่างจากคมดาบ
มองไปยังเด็กชายอีกรายข้างกายมันก็กระทําเช่นเดียวกันตอนนี้พวกมันทั้งสองยืนขวางบังร่างของเด็กสาวไว้จนมิด ตั้งท่าในวงกว้างครอบคลุมพื้นที่ด้านหน้าของตนในระยะหนึ่งเมตรทั้งหมด เรียกได้ว่าหากใครกล้าย่างกรายเข้าไปในระยะนี้คงถูกกรงเล็บของเด็กน้อยทั้งสองตะปบเข้าใส่อย่างแน่นอน
กระต่ายดุร้ายตกใจกับเหตุการณ์ประหลาดสายตาของมันยังมองสลับไปมาระหว่างเด็กทั้งสามและท้องฟ้าที่มีลูกบอลไฟสีแดงเมื่อครู่ ด้วยความหวาดระแวงทําให้มันยังมิกล้าบุกโจมตีผลีผลามคอยดูเชิงเด็กน้อยทั้งสาม ผ่านไปหลายสิบวินาทีมันก็ยังไม่ตรวจไม่พบความรู้สึกอันตรายใดๆที่แผ่ออกมาจากร่างของเด็กน้อย แต่ด้วยความลังเลทําให้มันยังมิกล้าเข้าไปใกล้มากกว่านี้
ฟื้วว
มีกระแสลมพัดผ่านนําพากลิ่นคาวเลือดลอยเตะจมูกเจ้ากระต่าย
ฟีด
จมูกมันขยับขึ้นลงสูดดมกลิ่นอันยั่วยวนโดยอัตโนมัติ
ค้าห์
กระต่ายแสนดุร้ายถูกปลุกความกระหายเลือดอย่างมิตั้งใจ มันส่งเสียงพร้อมกับกระโจนตัวมุ่งเป็นเส้นตรงมุ่งหาเด็กทั้งสาม
“!?” สองเด็กชายตัวน้อยที่ยืนเป็นโล่กําบังดวงตาเบิกกว้างตัวแข็งที่อ เผยให้เห็นความหวาดกลัวต่อสิ่งมีชีวิตที่พวกมันเรียกว่าสัตว์อสูร แม้จะแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน แต่ทั้งสองกลับไม่วิ่งหนียังทําหน้าที่ปกป้องคนข้างหลังอย่างเต็มความสามารถราวกับว่าเด็กสาวตัวน้อย ด้านหลังของพวกมันคือคนสําคัญยิ่งกว่าชีวิตตนเอง
วิววา
ระยะระหว่างทั้งสองฝ่ายเหลือเพียงสองเมตรก็จะเข้าถึงจุดปะทะ ทันใดนั้นเองมีเสียงหวีดหวิว คล้ายกับมีบางอย่างแทรกผ่านอากาศมุ่งเข้าหาเจ้ากระต่ายด้วยความเร็วสูง
เจ้ากระต่ายลอยตัวอยู่บนอากาศซึ่งหากเป็นปกติแล้วย่อมไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ได้ ทว่ามิใช่สําหรับสัตว์อสูรตนนี้ เจ้ากระต่ายรับรู้ถึงภัยอันตรายใกล้ตัว ขาหลังทั้งสองข้างของมันมีเส้นเลือดปูดขึ้นอย่างชัดเจน
ฟุบ
มันถีบขาหลังลงบนอากาศว่างเปล่าด้วยความเร็วที่แทบจะมองด้วยตาเปล่ามิเห็น ผลปรากฏว่าร่างกายของมันเปลี่ยนทิศต่อต้านแรงดึงดูดพุ่งขึ้นด้านบนสูงกว่าจุดเดิมหลายเมตร
ฟื้ว –
ฉีก
ในตําแหน่งเดิมของมันมีบางอย่างพุ่งผ่านด้วยความเร็วที่มนุษย์ยากจะหลบเลี่ยงปักลงบนพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเสียง มันคือหอก หอกเหล็กสีดําด้ามยาวมัมวาว
เจ้ากระต่ายดีดตัวกลางอากาศอีกครั้งเว้นระยะห่างกลับมาตั้งหลักดังเดิม ดวงตามันมองจ้องเขม็งไปยังทิศทางที่หอกลอยมา ไม่นานนักมันพบผู้ที่โจมตีมัน เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่กําลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยความเร็วสูงโดยการบิน!
มิผิด ชายผู้นั้นมันกําลังบินอยู่บนอากาศด้วยปีกสีดําที่ประดับด้านหลังโฉบเฉียวเลี้ยวไปมาแทรกผ่านต้นไม้ใหญ่อย่างคล่องแคล่วก่อนจะร่อนตัวลงพื้นด้านหน้าเด็กน้อยทั้งสาม
” พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” ชายผู้นั้นกล่าวถาม
“แง ท่านอาสาม!” เด็กชายตัวน้อยทั้งสองยังมิทันได้ตอบคําถาม สาวน้อยด้าวหลังแทรกตัวกระโจนเข้าหาชายวัยกลางคนพร้อมกับเสียงร่ําไห้
” อันเอ๋อร์ เจ้าไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม” ชายวัยกลางคนใช้มือลูบศรีษะปลอบประโลมสาวน้อยด้วยความอ่อนโยน
“ท่านพ่อ…” เด็กชายทั้งสองกล่าวอย่างพร้อมเพรียง สีหน้าพวกมันแสดงถึงความปิติเมื่อเห็นบิดาของตนมาปรากฏต่อหน้าช่วยเหลือพวกมัน ที่เกือบปะทะกับสัตว์อสูรกระต่ายได้อย่างหวุดหวิด
” พวกเจ้าทั้งสอง!!” ชายวัยกลางคนกล่าววาจาเดือดดาลดับความสุขของเด็กชายทั้งสอง ส่งผลให้พวกมันล้วนก้มหน้ามองพื้นด้วยความสํานึกผิด
” พวกข้า” เด็กชายทั้งสองก้มหน้ามองพื้นกล่าวด้วยความสํานึกผิด
” ดูแลองค์หญิง” ชายวัยกลางคนมอบหน้าที่ให้แก่เด็กชายทั้งสอง หันหลังกลับเผชิญหน้ากับศัตรูเกร็งกําลังแขนสองข้างงอกเล็บยาวออกจากนิ้วทั้งสิบ
คําาห์
กระต่ายอสูรส่งเสียงขู่คําราม ขาหลังเกร็งเหยียบลงบนพื้นดินจนยุบตัวหมายจะจู่โจมอีกครั้ง แม้จะมีชายวัยกลางคนเพิ่มมาอีกหนึ่งรายก็มิได้ทําให้มันรู้สึกถึงอันตรายเพิ่มขึ้นจากคนพวกนี้
แต่ก่อนที่มันจะได้ออกตัวเปิดฉากโจมตี สายตาของมันก็ตรวจพบกับศัตรูจํานวนมากกําลังมุ่งหน้ามายังทิศทางเดียวกับชายวัยกลางคน
ห้า สิบ มีไม่ต่ํากว่ายี่สิบชีวิต พวกมันทุกคนล้วนบินมาด้วยความเร็วสูงร่อนลงข้างกายข้างชายวัยกลางคนพร้อมอาวุธครบมือ มองเหนือขึ้นไปบนท้องฟ้ายังมีกําลังเสริมอีกนับสิบรายที่กระจายตัววางกําลังรอบพื้นที่
ตอนนี้ทั้งภาคพื้นดินและท้องนภา ศัตรูของมันมีมากถึงสามสิบตน เป็นจํานวนเยอะเกินกว่าที่มันจะรับมือไหว
เจ้ากระต่ายลังเลเล็กน้อยดวงตามองร่างชายผู้หนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอาบเลือดชโลมดิน ด้วยความเสียดาย ท้ายสุดแล้วมันก็ตัดสินใจกระโดดหนีหายเข้าไปในปาลึกแทรกตัวผ่านพงไพรรกทึบอย่างช่ำชอง
“ไม่ต้องตาม มันคือกระต่ายจันทร์ทรา หนึ่งในสัตว์อสูรสายพันธุ์นักล่ายามราตรี” ชายวัยกลางคนยกฝามือขึ้นขวางบ่งบอกเจตุจํานงมิให้ไล่ตามสัตว์อสูรดุร้าย นับว่าเป็นการตัดสินใจถูกต้องที่ไม่เผชิญกับเจ้ากระต่ายตัวน้อย เพราะตอนนี้เวลาอาทิตย์ลับขอบฟ้าราตรีมาเยือน ทั้งสภาพแวดล้อมเองก็เอื้ออํานวยให้แก่เจ้าสัตว์อสูรอย่างยิ่ง
“กระจายกําลังคุ้มกันองค์หญิง” มันสั่งการต่อ
พี่บ
เหล่าผู้ที่มาสมทบรับคําค่อมศรีษะด้วยความนอบน้อม ก่อนจะสยายกางปีกด้านหลังโบยบิน แยกย้ายกันไปคนละทิศทางกระจายตัวล้อมพื้นที่ตามคําสั่ง
ฮักๆ
สาวน้อยที่มีสมญานามเป็นถึงองค์หญิงบัดนี้กําลังซบหน้ากับแผ่นหลังของผู้ที่นางเรียกขานมัน ว่าอาสาม
ฉีบ
ชายวัยกลางคนผายมือขนานลําตัว หอกเหล็กเล่มยาวที่ปักลงบนพื้นลึกกว่าครึ่งด้ามมีปฏิกิริ ยาตอบสนองมันถูกดึงด้วยพลังที่มองไม่เห็นลอยกลับเข้าสู่กํามืออย่างอัศจรรย์
“ฮีม- กลับไปเมื่อไหร่พวกเจ้าเตรียมตัวไว้ได้เลย!” ชายวัยกลางคนเค่นเสียงดุบุตรชายทั้งส องของตน ส่งผลให้เด็กน้อยทั้งสองใบหน้าเศร้าหมองยิ่งขึ้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่รอมันอยู่
“ใช่แล้วท่านอาสาม ตรงนั้นมีคนอยู่ด้วย” เด็กสาวตัวน้อยนึกขึ้นได้นางชี้ไปยังจุดที่เป็นเป้า หมายของเจ้ากระต่ายอสูร
มันพึ่งสังเกตุเห็นว่าตรงจุดที่เด็กสาวชี้ไปมีร่างของใครบางนอนอยู่จริงๆ แต่ทว่าเมื่อเห็นเลือดกองโตที่ล้อมรอบร่างอยู่มันก็ทําได้เพียงส่ายหัว
“หืม?” ทันใดนั้นเอง สายตาของชายวัยกลางคนได้ตรวจพบสัญญาณชีพที่แสดงออกมาจากร่างของผู้ที่มันคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว
มันค่อยๆย่องเข้าใกล้อย่างหวาดระแวงกําหอกยาวแน่นอยู่ในท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา จนกระทั่งเข้าประชิดตัวผู้ที่นอนอยู่ ในที่สุดเมื่อไม่รับรู้ถึงภัยอันตรายที่แผ่ออกมา มันจึงลดการป้องกันลงเล็บยาวที่เป็นอาวุธประจํากายหดหายสั้นลง กลายเป็นเล็บปกติ มันใช้สายตามองสํารวจบุคคลปริศนา
คนผู้นี้นอนหงายโดยมีหญ้าต้นเล็กและตะไคร่ปกคลุมร่างส่วนใหญ่เอาไว้ เมื่อดูในระยะใกล้จึงเห็นบาดแผลบนร่างกายของมันได้อย่างชัดเจน คนผู้นี้สวมใส่แต่กางเกง บนหน้าซีกซ้ายมีบาดแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ราวหนึ่งคืบ สภาพบาดแผลคล้ายกับถูกไฟร้อนเผาหรือเหล็กร้อนนาบ มีเลือดซึมออกมาเยอะพอสมควร
จุดอื่นของร่างกายก็มีร่องรอยของการต่อสู้เป็นรอยฉีกขาดของผิวหนังคล้ายถูกของมีคมฟัน แต่นั่นเป็นเพียงแค่บาดแผลเล็กๆน้อยๆเมื่อเทียบกับแขนและขาของมัน แขนและขาล้วนหักบิดสภาพทั้งสี่ข้าง บางจุดผิวหนังเปิดจนเห็นกล้ามเนื้อ แต่ที่หนักสุดเห็นทีคงจะเป็นบริเวณหน้าอก ซึ่งเป็นส่วนสําคัญของอวัยวะภายในส่วนใหญ่
หน้าอกของมันยุบวุ่มลงไปจนเห็นได้ชัดเจนถนัดตา ผิวหนังตรงส่วนนี้ฉีกขาดหายไปบางส่วน เผยให้เห็นกระดูกซี่โครงที่หักไปหลายท่อนเลยทีเดียว บาดแผลเหล่านี้เป็นสาเหตุของเลือดกองโตที่เอ่อนองรอบกายของมัน
ชายวัยกลางคนก้มลงเขียสิ่งที่บดบังใบหน้าและร่างกายของผู้บาดเจ็บออก พบว่าผู้บาดเจ็บเป็นชายผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในวัยหนุ่มสาว ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน ใบหน้าซีดขาวริมฝีปากแห้งผากคล้ายกับขาดน้ํามาเป็นเวลานาน
ฟีดด
มีเสียงหายใจแผ่วเบาแสดงถึงสัญญาณชีพจรที่อ่อนใกล้หมดลม แต่นั่นก็แสดงว่ามันยังมีชีวิตอยู่ มันน่าแปลกใจยิ่งนักที่บาดแผลทั่วร่างยังไม่ทําให้มันตกตายลง แต่เมื่อดูจากสภาพแล้ว คาดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ก็ถึงสิ้นอายุขัยอย่างแน่นอน