เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 678
เทพอสูรสยบโลกา ตอนที่ 678 การเปิดฉาก
ผู้นําหน่วยสอดแนมสีหน้าเคร่งเครียดขมวดคิ้ว ในจิตใจเต็มไปด้วยความสับสน ตัวมันเข้าร่วมสมรภูมิปักหลักอยู่ในปาอสูรในฐานะหน่วยสอดแนมมาหลายสิบปีจนกระทั่งไต่เต้าขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยได้ในที่สุด ทว่ามันมิเคยเจอเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อนเลยตั้งแต่รับหน้าที่
การกระทําของหมาป่าสีเงินสามหัวมันผิดวิศัยของเผ่าอสูรอย่างยิ่ง ตามปกติแล้วหากพวกมันเป็นฝ่ายพบสัตว์อสูรก่อนที่มันจะรู้ตัวนับ พวกมันจะมีเวลาคิดไตร่ตรองถึงสิ่งที่พึงกระทําชั่งน้ําหนักความคิดว่าจะถอยหรือโจมตี
แต่โดยทั่วไปฝ่ายอสูรจะเป็นฝ่ายพบตัวผู้บุกรุกก่อนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากหน่วยที่โชคร้ายถูกพบโดยสัตว์อสูรก่อน กว่าพวกมันจะรู้สึกตัวก็ต่อเมื่อสัตว์อสูรตนนั้นได้เปิดฉากโจมตีไม่มีเวลาให้ตั้งตัวไม่มีสัญญาณเตือนใดๆทั้งสิ้น และลักษณะนิสัยของสัตว์อสูรส่วนใหญ่จะต่อสู้ จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามหรือฝั่งตนเองหมดสภาพไม่มีการหยุดพัก
แต่สําหรับหมาปาสีเงินตนนี้ดูจากรูปการณ์แล้ว มันที่เป็นอสูรสายพันธุ์สุนัขที่มีประสาทการรับรู้อันโดดเด่น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเดินเข้ามาจนถึงระยะกระชั้นชิดอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งหน่วยสอดแนมทั้งสิบรู้ตัวถึงการมีอยู่ของมันก็อยู่ในระยะอันตรายแล้ว
ผู้นําหน่วยสอดแนมมั่นใจอย่างยิ่งว่าในช่วงนั้น เจ้าหมาป่ามีโอกาศหลายครั้งที่จะโจมตีในทีเผลอที่สามารถหวังผลได้อย่างแน่นอน
ที่น่าแปลกใจที่สุดคือตั้งแต่เริ่มปะทะกัน เจ้าหมาป่าตนนี้ยังไม่แสดงการตอบโต้การโจมตีใดๆเลย มันทําเพียงแค่หลบหลีกและป้องกันเพียงอย่างเดียว ซึ่งผิดกับเผ่าอสูรที่ดุร้ายอย่างยิ่ง
จะว่าเจ้าอสูรตนนี้มีนิสัยแปลกประหลาดแยกพวกก็มิใช่ เพราะดูจากเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นทั่วท้องฟ้าในตอนนี้ที่มีสัญญาณขอความช่วยเหลือผุดขึ้นอย่างต่อ นั่นแสดงว่ามีความเป็นไปได้สูงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับเหล่าสัตว์อสูร!
สิ้นปลายเสียงเห่าหอนของหมาปาสีเงิน ทั่วทั้งผืนปาเงียบสงัดวังเวง หน่วยสอดแนมผู้โอบล้อมศัตรูตกอยู่ในความสับสนกับการกระทําของหมาป่าสามหัว พวกมันหันหน้าปรึกษากันทางสายตาด้วยความงุนงง
นี่เป็นครั้งแรกในการเผชิญหน้ากับเผ่าอสูร แต่พวกมันมิใช่มมีความรู้ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสัตว์อสูรหลายชนิด พวกมันได้ร่ําเรียนผ่านตํารามานักต่อนัก ซึ่งในตําราเหล่านั้นก็มีบันทึกถึงเสียงขู่ของสัตว์อสูรที่เป็นเอกลักษณ์ใช้เพื่อข่มขวัญศัตรูของสัตว์ป่า แต่เสียงร้องของหมาป่าสามหัวตรงหน้าของมันไม่เหมือน มันคล้ายกับการสื่อสาร!
ก๊ากกก
โกวววว
เพียงฉับพลันทั่วทั้งผืนป่ามีเสียงสัตว์นานัปสายพันธุ์จนมิสามารถเจาะจงเป็นรายตัวได้ดังแว่วตามสายลม เสียงของพวกมันกู่ร้องผสานต่อเนื่องยาวนานราวกับเป็นการตอบสนองต่อหมาป่าสามหัว ต้นไม้ใบหญ้าพริ้วไหวราวกับถูกคลื่นเสียงพัดพาน
ครืน
ผู้นําหน่วยขมวดคิ้วสองตามองพื้นดินด้วยความสับสน ตอนนี้ผืนดินที่มันยืนอยู่มีแรงสั่น สะเทือนเล็กน้อยบางเบายากที่จะตรวจพบ แต่สําหรับมันแน่นอนย่อมรู้สึกตัว
ฝูบ
มีเสียงคล้ายกับมีบางอย่างที่ใช้ความเร็วพุ่งฝาอากาศแหวกพงหญ้ามาแต่ไกล
“!?” ผู้นําหน่วยเพ่งสมาธิจดจ่อมองไปยังทิศทางดังกล่าวจึงตรวจพบเงาดําบางอย่างไม่ชัดเจนนักจากระยะราวสี่ถึงห้าสิบเมตรในทิศเหนือ ซึ่งเป็นทิศเดียวกับเมืองปีศาจ
สมาชิกทั้งเก้าที่กําลังมึนงงกับเหตุการณ์แปลกใหม่ล้วนหันศรีษะมองมายังผู้นําหน่วยของตนที่มากประสบการณ์ที่สุดในหมู่เพื่อต้องการแนวทางการชี้แนะถึงการรับมือสถานการณ์ดังกล่าว แต่เมื่อมันเห็นว่าสายตาของผู้นําหน่วยมิได้จดจ่ออยู่กับศัตรูแต่กลับมองไปยังอีกจุด ทําให้พวกมันอดมิได้ที่จักหันมองตามโดยอัตโนมัติ แต่น่าเสียดายที่การมองเห็นของมันยังมิเฉียบคมเทียบเท่าผู้นําของตนนักทําให้มองเห็นแต่ความมืด
แต่ยังมีอีกสามคนที่อยู่ในตําแหน่งได้เปรียบในเรื่องการมองเห็นมากกว่าผู้อื่น นั่นก็คือสามสมาชิกผู้รับหน้าที่โจมตีสนับสนุนที่ประจําตําแหน่งอยู่บนที่สูงบนต้นไม้ใหญ่ ในสายตาของพวกมันมองเห็นเฉกเช่นเดียวกันกับผู้นําหน่วยมองเห็นเงาเลือนลางคล้ายคนกําลังมุ่งหน้าตรงดิ่งมาทางนี้
” กําลังเสริม!” พวกมันกล่าวเป็นเสียงเดียวกันพร้อมกับรอยยิ้มประดับบนใบหน้า จากเมื่อครู่ หัวหน้าหน่วยของพวกมันได้จุดพลุไฟพุ่งตะหง่านขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อขอความช่วยเหลือจากตัวเมือง เมื่อนับเวลาคร่าวๆจนถึงตอนนี้ก็ผ่านไปร่วมสิบนาที ซึ่งเวลาดังกล่าวสมควรเพียงพอต่อเวลาเดินทางสําหรับกําลังเสริม
“กําลังเสริมมาแล้วหรือ!” เหล่าสมาชิกที่เหลือในจิตใจมีแต่ความปิติยินดี แม้ตอนนี้พวกมันทั้งสิบจะจํากัดพื้นที่ของหมาป่าขนเงินสามเศียรจนอยู่ในกํามือ แต่หากมีกําลังเสริมมาสมทบก็ย่อมดีกว่าไม่มี
แถมบางทีอาจจะได้พยานรู้เห็นที่ปาวประกาศถึงการกําจัดหมาป่าสามหัวตนนี้ให้ชื่อของพวกมันทั้งสิบก้องไปทั่วแดนปีศาจ ความดีความชอบที่สามารถกําจัดเผ่าอสูรย่อมมากพอจะให้พว กมันได้เพิ่มระดับเลื่อนยศก็เป็นได้
“มา พวกเรามาฆ่ามันกันเถอะ!” เหล่าสมาชิกหน่วยสอดแนมกําลังใจเพิ่มพูนสูงเสียดฟ้าความฮึกเหิมเต็มเปี่ยมอาวุธในมือสั่นเทาอยากกวัดแกว่งโชว์ฝีมือเต็มที่
“เดี๋ยวก่อน!!” ผู้นําหน่วยกล่าวด้วยความร้อนใจสีหน้าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง
“อะไรกันท่านหัวหน้า กําลังเสริมของเรามาถึงแล้ว นี่ท่านยังลังเลอะไรอยู่อีก” สมาชิกรายหนึ่งกล่าวถามด้วยความแคลงใจ ตั้งแต่เข้าร่วมหน่วยสอดแนม มันเชื่อฟังทุกคําสั่งของหัวหน้าหน่วยด้วยความเคารพยําเกรง แต่ในครานี้ก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าศัตรูของพวกมันเป็นเพียงอสูรน้อยตัวนึงที่ยังเยาว์วัยยิ่ง แต่กระนั้นท่านหัวหน้าที่พวกมันให้ความนับถือกลับหวาดระแวงเกรงกลัวเจ้าหมาน้อยตนนี้?
“ไม่ พวกมันมิใช่คนของเรา!” หัวหน้าหน่วยกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจัง เดิมทีมันก็คิดว่าผู้ที่มา คือกําลังเสริมเช่นเดียวกับสมาชิกหน่วยตน แต่สิ่งที่กําลังมุ่งหน้ามานี้มันแปลกนักและข้อข้องใจของมันถูกไขกระจ่างเมื่อสิ่งปริศนาเข้ามาในระยะสามสิบเมตร ทําให้มันมั่นใจในที่สุดว่าผู้มามิใช่ฝ่ายของตนอย่างแน่นอน เนื่องจากมันมาเพียงลําพัง!
กําลังเสริมที่มาเพื่อให้การช่วยเหลือหน่วยย่อยที่ตกอยู่ในอันตราย มีหรือมันจะมาเพียงลําพัง?
กร็วว
ทันใดนั้นเองมีเสียงร้องแหลมของสัตว์บางชนิดซึ่งละม้ายคล้ายคลึงกับนกฮูก
หมาป่าสีเงินที่อยู่นอกเหนือความสนใจของบุคคลทั้งสิบมีปฏิกิริยาตอบสนองเล็กน้อย หูสองข้างของมันกระดิกขึ้นลง ฉับพลันนั้นเองมันที่เป็นฝ่ายตั้งรับมานาน จู่ๆก็เริ่มเป็นฝ่ายบุกจู่โจม ใช้ขาหน้าข้างหนึ่งตวัดใส่แนวรับของหน่วยสอดแนมทั้งสามราย
ฟวับ
การโจมตีเรียบง่ายเช่นนี้แน่นอนย่อมหลบได้อย่างไม่ยากเย็น
ฟุบ
ยังมิทันสิ้นการโจมตีแรก เจ้าหมาป่าหมุนกลับหัวโจมตีทางด้านหลังของตนสร้างการโจมตีต่อเนื่อง โดยเป้าหมายก็คือผู้ที่พรางตัวมาโอบล้อมตลบหลัง
ส่งผลให้มันทั้งสามก็หลีกเลี่ยงการปะทะด้วยเช่นกันพวกมันถอยออกนอกระยะห่างอย่างฉับ พลัน กลับมารวมกลุ่มอยู่กันเป็นจุดเดียวอีกครั้ง ใจนึงพวกมันอยากจะเผชิญหน้ากับอสูรน้อย แต่จิตใจอีกซีกยังตะขิดตะขวงใจเกี่ยวกับคําพูดของหัวหน้าตน เมื่อมีความเสี่ยงพวกมันแน่นอนอมต้องเลือกความปลอดภัยมาก่อนเป็นอันดับแรก
มีเสียงเสียดแทงโสดประสาทดังมาแต่ไกลล้วนดึงดูดความสนใจของพวกมันทั้งสิบให้จับจ้องไปยังทิศทางดังกล่าว ตามต้นตอของเสียงมาจากบนท้องฟ้าทางทิศใต้ซึ่งเป็นทิศเดียวกับแดนอสูร ในสายตาของพวกมันพบกับจันทร์เต็มดวงส่องสว่าง ทั้งสิบล้วนเพ่งสมาธิพินิจมองไปยังใจกลางดวงจันทรา
จันทราเต็มดวงนี้สวยงามจับใจชวนหลงไหล แต่มิใช่กับหน่วยสอดแนมทั้งสิบนายที่มีอยู่ในอารมณ์ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติ เหตุที่พวกมันจ้องไปยังดวงจันทร์เพราะต้นตอของเสียงปริศนามันมาจากจุดดังกล่าว