เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 683
ตอนที่ 683 ชะตากรรมของหน่วยสอดแนม(ตอนปลาย)
ยิ่งคิดมันยิ่งหวั่นวิตก จิตใจเต็มไปด้วยความกังวล แม้เผ่าปีศาจและอสูรจะปะทะกันมาอย่างต่อเนื่องกินระยะเวลาเนิ่นนานกว่าหมื่นปีแล้วก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเผชิญหน้ากันโดยมิได้ตระเตรียมตัวเอาไว้ก่อนของทั้งสองฝ่ายที่บังเอิญมาพบกันหาได้มีฝ่ายใดฝักใฝ่เปิดสงครามอย่างจริงจังไม่
ซึ่งในประวัติศาสตร์การรบที่ถูกจดบันทึกว่ามีความรุนแรงมากที่สุดก็คือจำนวนของฝ่ายอสูรที่มีมากราวหนึ่งร้อยตัว ซึ่งมันก็ผ่านมาหลายพันปีแล้ว ในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมานั้นการปะทะกันหนักที่สุดยังสามารถนับจำนวนของสัตว์อสูรที่เผชิญหน้าได้ด้วยนิ้วมือ
แต่ครั้งนี้ดูจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงกับการปะทะยิบย่อยเหล่านั้น แค่กะคร่าวๆด้วยสายตามันมองเห็นสัตว์อสูรหลายสิบที่ล้อมรอบแฝงตัวอยู่ในความมืด บ้างก็หลบอยู่ในพุ่มหญ้าบางตนเกาะอยู่บนต้นไม้ แม้พวกมันจะไม่เข้ามาร่วมวงการต่อสู้ด้วยแต่สถานการณ์ก็คงไม่ต่างกันนัก
แถมนี่เองก็เป็นครั้งแรกที่มันพบกับสัตว์อสูรแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อนตั้งแต่เกิด ทั้งหนูยักษ์และหนอนตัวโตมโหฬาร แม้มันมิอาจอวดได้ว่ารอบรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์อสูรทุกชนิดจากตำราที่เคยร่ำเรียนและประสบการณ์ตรงที่เคยพบพาน แต่มันก็มั่นใจว่าอสูรทุกชนิดที่ถูกจดบันทึกเอาไว้ทั้งภาพเสมือนและข้อมูลสำคัญทั้งหลายล้วนผ่านตามันมาแล้วทั้งสิ้น มันจึงมั่นใจยิ่งว่าหนูและหนอนยักษ์สองชนิดนี้ไม่เคยได้รับการจดบันทึกหรือเล่าขานทั้งอดีตและปัจจุบันว่าเคยมีหน่วยรบใดที่เคยพบพวกมัน
พวกมันเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่พึ่งถือกำเนิดขึ้นมาในเผ่าอสูร? หรือเป็นการวิวัฒนาการจากสายพันธุ์เก่า? หรือบางทีมันอาจจะเป็นสายพันธุ์สัตว์อสูรเก่าแก่ดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ภายในแดนอสูรมาแต่นมนานและมิเคยปรากฏตัวมาให้หน่วยรบใดเห็นก็เป็นได้ การคาดเดาหลายสิ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหัวของผู้นำหน่วยสอดแนม
ฟู่วว
ปลายสายตาของผู้นำหน่วยเหลือบไปเห็นลูกไฟสีเขียวซึ่งเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือลูกหนึ่งที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า จากการคำนวนด้วยระยะสายตาพบว่าต้นกำเนิดของสัญญาณไฟนี้อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกมันอยู่สักเท่าไหร่ มันพึ่งสังเกตุว่าแถบบริเวณใกล้เคียงก็มีสัญญาณไฟสร้างค้างอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งผู้ที่ประจำการทำหน้าที่ในบริเวณนี้ล้วนแล้วแต่เป็นหน่วยสอดแนมเหมือนหน่วยของมันทั้งหมด
เมื่อสดับรับฟังตัดเสียงรบกวนออกไป มันยังได้ยินเสียงเอิกเกริกจากความชุลมุนที่เกิดขึ้นจากหลายจุดเช่นกัน นั่นแสดงว่าสถานการณ์ที่หน่วยอื่นๆพบเจอก็คงไม่ต่างจากที่มันเผชิญมากนัก
หนูยักษ์ส่งเสียงปลุกผู้นำหน่วยตื่นจากภวังค์ มันเปิดฉากโจมตีโดยไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้น สองเท้าของมันถีบตัวโน้มศรีษะลงต่ำพุ่งตัวเป็นเส้นตรงเข้าหาศัตรู หากเป็นคนปกติการมุ่งหน้าเข้าหาศัตรูตรงๆเช่นนี้เรียกได้ว่านุ่มบ่ามอันตรายอย่างยิ่ง ด้วยจำนวนของศัตรูที่มีมากกว่าถึงห้าต่อหนึ่งแต่เจ้าหนูตัวนี้กลับไม่สนใจเรื่องราวเหล่านั้น
สองแขนเรียวเล็กกอรปกับเล็บงอกยาวใหญ่เกินตัวของมันอ้าออกกว้าง เจตนาของมันนั้นชัดเจนยิ่ง มันหมายจะใช้กรงเล็บของตนตะครุบเหยื่อเบื้องหน้า
การเคลื่อนที่และท่าทางที่ตรงไปตรงมาของมันนั้นทำให้ผู้ตกเป็นเป้าหมายอย่างสมาชิกหน่วยสอดแนมทั้งห้าสามารถคาดเดาจังหวะการโจมตี ทิศทางและตำแหน่งได้อย่างง่ายดายทำให้พวกมันทั้งห้าสามารถหลบการโจมตีดังกล่าวโดยการปลีกตัวออกไปทางด้านซ้ายและขวาที่ใกล้กับตำแหน่งของตนหลบออกไป
แทบจะทันท่วงที่เมื่อฉีกออกซ้ายและขวา ทั้งห้ามุ่งหน้าอ้อมเจ้าหมาป่าขนเงินเข้ารวมกลุ่มกับหันหน้าหน่วยของตนอย่างว่องไว
ฟึด
หนูยักษ์ตวัดกรงเล็บคว้าลมวีดไปตามระเบียบ มันพ่นลมออกจมูกอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อการโจมตีของตนพลาดเปาไปอย่างน่าเสียดาย
เคี้ยกๆ –
กั่กๆ
ทันใดนั้นเองเหล่าผู้ชมเผ่าอสูรทั้งหลายที่รายล้อมส่งเสียงอย่างพร้อมเพรียง จากน้ำเสียงของพวกมันคล้ายกำลังหัวเราะเยาะพรรคพวกของตนที่ฟาดฟันอากาศธาตุเต็มเปา
หนูยักษ์เมื่อถูกหัวเราะเยาะมันหายใจฟิดฟัดเดินตรงสองเท้าตรงปรี่เข้าไปยืนเคียงค้างหมาป่าขนเงินด้วยความฉุนเฉียว ใบหน้าของมันแสดงออกถึงความดุร้ายอย่างยิ่ง
เหล่าสมาชิกหน่วยสอดแนมเมื่อได้ยินเสียงของสัตว์อสูรรอบทิศล้วนตกอยู่ในความหวาดกลัวมองซ้ายขวาด้วยความหวาดระแวง ตอนนี้พวกมันนึกคิดในใจถึงความผิดพลาดที่ตนได้เคยกระทำหากในตอนแรกพวกมันเชื่อฟังผู้นำหน่วยและถอยกลับไปแต่โดยดี บางทีบัดนี้พวกมันอาจจะนั่งตบเท้าสบายใจอยู่ในตัวเมืองแล้วก็เป็นได้
“พวกเจ้าเตรียมตัวเอาไว้” จู่ๆผู้นำหน่วยสอดแนมก็ปริปากเปร่งวาจา
สมาชิกหน่วยทั้งเก้าดึงความสนใจกลับจากสิ่งรบกวนทันที ตอนนี้พวกมันมปล่อยปละละเลยกับคำพูดของหัวหน้าหน่วยผู้ที่สามารถพึ่งพาได้เพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่จากประโยคที่ออกมาจากปากของหัวหน้าหน่วยนี้ชวนสับสนงงงงวยอยู่ไม่น้อย พวกมันมเข้าใจความหมายของประโยคดังกล่าว
“ข้าจะถ่วงเวลาไว้ให้ พวกเจ้าหาโอกาศหนีไปซะ” มันกล่าวต่อ
จากคำกล่าวของมันส่งผลให้เหล่าสมาชิกทั้งเก้าประสบอารมณ์หดหูโดยถ้วนหน้า พวกมันเข้าใจจุดประสงค์ผู้นำของตนดี ถ่วงเวลางั้นหรือ? ความหมายที่แท้จริงก็คือหัวหน้าของพวกมันกำลังจะสละชีวิตเพื่อเปิดโอกาศให้พวกมันทั้งเก้าได้มีช่องโหว่เพื่อหลบหนีจากฝูงอสูรร้าย
“หัวหน้า” หญิงสาวสมาชิกหน่วยรายนึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อยอิ่ง
” ท่านหัวหน้า พวกเรารอกำลังเสริมมาไม่ดีกว่ารี” สมาชิกรายหนึ่งกล่าว
“ใช่แล้วหัวหน้า พวกเราส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปก่อนหน้านี้ ข้าว่าอีกไม่นานพวกเขาคงจะส่งคนมาช่วยพวกเราแล้วล่ะ” สมาชิกอีกรายเสริม
” หากเป็นสถานการณ์ปกติข้าคงตัดสินใจเช่นนั้น แต่ข้าเกรงว่าตอนนี้คงไม่มีใครมาช่วยพวกเจ้าได้แล้วล่ะ” ผู้นำหน่วยกล่าวพลางส่ายหัว
เหตุใดผู้นำหน่วยจึงคิดเช่นนั้นหนะหรือ? เพราะเสียงหวีดหวิวที่มาจากจุดดำบนท้องฟ้านับร้อยจุดนั้นส่งเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณว่าตอนนี้จุดบนท้องฟ้าเหล่านั้นเข้ามาใกล้ทุกคืบก้าว ในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้มันก็จะบรรลุจุดประสงค์โดยการพุ่งชนผืนป่ารกทึบแห่งนี้จนราบเป็นหน้ากอง
หากตัวมันมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพ คงไม่ปล่อยให้นักสู้เผ่าปีศาจทหารกำลังเสริมทั้งหลายเข้ามาในพื้นที่อันตรายเช่นนี้อย่างแน่นอน เกรงว่าไม่เพียงจะไม่สามารถช่วยเหลือผู้ที่จุดพลุสัญญาณในแต่ละจุดกลับออกมา แต่พวกมันยังจะต้องทิ้งชีวิตเป็นผีเฝ้าปาตกตายตามกันไปด้วย
เมื่อความหวังสุดท้ายพังครืนทุบสิ้นความปราถนา ไม่เหลือหนทางให้ไปต่อ ดูเหมือนทางเลือกที่ผู้นำหน่วยได้กล่าวมาคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน
” ข้าไม่ไปไหนทั้งสิ้น!” หนึ่งในสมาชิกกล่าวด้วยความหนักแน่น มันเดินออกมายืนเคียงข้างผู้นำหน่วยด้วยใบหน้าดุดันตั้งท่าตระเตรียมสำหรับการต่อสู้
“ใช่แล้ว หากท่านไม่ไปข้าเองก็มิไปเช่นกัน!” สมาชิกอีกรายยืดอกเดินออกมายืนเรียงเป็นหน้ากระดานประจัญหน้ากับสองศัตรู
“ให้ทิ้งท่านแล้วหนีเอาตัวรอดงั้นรี” ชายผู้หนึ่งกล่าวและเงียบไปก่อนจะจบประโยคพลางสูดหายใจลึกเข้าไปเต็มปอด
“ไม่มีวัน!!” พวกมันทั้งเก้าประสานเป็นเสียงเดียวดังกระหึม แม้แต่หมาป่าสามหัวและอสูรหนูยักษ์ยังมีอาการสะดุ้งตกใจกับเสียงฮีดของพวกมัน
แม้ทางที่ผู้นำหน่วยได้เลือกสรรค์จะเป็นทางที่ดีที่สุด แต่ทว่าจะให้มันทิ้งหัวหน้าของตนที่ดูแลมันเสมือนศิษย์อาจารย์กินนอนผ่านวันคืนร่วมอุปสรรคนานับแล้วเอาตัวรอดไปเพียงลำพัง แม้จะรักตัวกลัวตายเลวทรามเพียงใดก็มิอาจตัดใจกระทำได้!
“ฮี ไอพวกสัตว์อสูรบัดซบ วันนี้บิดาจะสู้แลกชีวิตกับพวกเจ้า!”
” พี่น้อง พวกเรามาพาไอ้สองตัวนี้ลงโลงให้มันเป็นสักขีพยานถึงการมีอยู่ของหน่วยสอดแนมของพวกเรากันเถอะ!”
“เฮอะ หน่วยย่อยที่ฆ่าสองสัตว์อสูรมั้นหรือ…ก็ไม่เลว!” เหล่าสมาชิกกล่าวคำพูดปลุกระดมจิตใจอย่างอึกเหิม