เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 701
ตอนที่ 701 สมรภูมิทําลายล้าง(ตอนปลาย)
เปรี้ยงง
ผืนนภาปั่นป่วน ท้องฟ้าแปรปรวนเมฆฝนลมปีศาจสายฟ้าฟาดจากแดนไกลล้วนถูกแรงดึงดูดจากลมหมุ นส่งผลให้ทิวทัศน์โดยรอบไม่น่าดูชม มีแต่ฝุ่นหินดินทรายบดบังแสงจันทร์ไม่อาจส่องสว่างอาบผืนป่าอสูร
ด้วยการรวมพลังจากนักรบทั้งหนึ่งแสนนาย พายุลูกมหึมามีจุดผ่าศูนย์กลางหลายร้อยเมตรกินพื้นที่อาณา เขตสร้างผลกระทบกว่าหนึ่งกิโลเมตรรอบบริเวณชายป่าอสูร
แม่ทัพน้อยู่เฉินให้สัญญาณชี้ไม้ชี้มือบัญชาการกองทัพให้ไปในทิศทางเดียวกัน พวกมันล้วนยื่นแขนไป ด้านหน้าควบคุมลมฟ้าอากาศผลักดันพายุดํามีดลอยตัวเคลื่อนเข้าสู่ป่าอสูร คืบคลานเข้าสู่ใจกลางป่ารกทึบอ ย่างช้าๆต้นไม้ที่ยังมิเติบใหญ่มั่นคงรวมถึงสัตว์อสูรขนาดเล็กน้ําหนักตัวน้อยในบริเวณโดยรอบมิอาจต้านลมหม นถูกถอนรากดูดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพายุ
สัตว์ปีกขนาดยักษ์อสูรแห่งท้องนภาผู้เป็นปรปักษ์แม้จะไม่ตกอยู่ในหัวงพายุ แต่ก็มิอาจเคลื่อนไหวได้ตามใจ นึกทําได้เพียงแต่เร่งกระพือปีกส่งแรงต้านพยุงตัวรักษาระยะห่างของตน
เมื่อถึงใจกลางป่าอสูรพายุลูกมหึมาไม่เคลื่อนที่ไปต่อหมุนวนอยู่กับที่ แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ฝังรากในดินลึกห ลายเมตรอายุขัยนับร้อยนับพันปีเมื่อตกอยู่ใจกลางพายุก็ไม่อาจยื้อยุดคลื่นลมอันรุนแรงกวาดล้างทุกสิ่งอย่างบน จุดที่มันประทับเหลือทิ้งไว้เพียงผืนดินว่างเปล่า
สัญญาณไฟขอความช่วยเหลือทั้งปวงก็ได้รับผลกระทบซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือจํานวนของหนอนยักษ์ที่ เป็นราวกับอุกกาบาตพุ่งชนพื้นนั้นก็ลดจํานวนลงอย่างรวดเร็วและหมดไปในที่สุด สําหรับบางส่วนที่ได้ทําการ ล็อคเป้าหมายไว้เป็นที่เรียบร้อยก็คลาดเคลื่อนไปตามระเบียบไม่อาจรักษาเส้นทางไว้ได้
เวลาผ่านไปกว่าสิบนาที ผู้นําหน่วยสอดแนมยังคงจับจองที่พายุทมิฬรอดูท่าที่ด้วยใจระทึก ตั้งแต่การแปร ขบวนทัพของกองทัพหลากสีทั้งสี่ หัวใจของมันก็เต้มโครมครามเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นการวิชาแปลก ใหม่กับตาของตนเอง แถมยังเป็นการรวมพลังกันของนักสู้ทั้งหนึ่งแสนนายของแต่ละกองกําลังส่งผลให้มันแท บมิอยากกระพริบตาสักช่วงหนึ่งเลยที่เดียว
ทว่าตอนนี้ดูเหมือนความอยากรู้อยากเห็นของมันจะทวีเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อมันไม่อาจคาดเดาว่าพายุ ลูกนี้จะนําพาการเปลี่ยนแปลงใดมาสู่สนามรบ เดิมที่มันคิดว่าจะใช้คลื่นลมที่สามารถโค่นล้มได้แม้แต่ต้นไม้พัน ปีในป่าอสูรเพื่อใช้กําจัดสัตว์อสูรที่อยู่ภายในป่าแห่งนี้ แต่ดูแล้วเห็นทีคงมิใช่อย่างที่มันคิด
เพราะเวลาล่วงเลยร่วมสิบนาที่เข้าไปแล้วตั้งแต่พายุลูกนี้ได้เคลื่อนที่ไปถึงบริเวณตอนกลางของป่าอสูรและ ยังไม่มีท่าทีว่าจะเดินหน้าต่อหรือถอยหลังแต่อย่างใด รวมถึงเหล่านักรบจากเมืองฮวางฉือทั้งหนึ่งแสนนายผู้รัง สรรค์พายุลูกนี้ออกมาก็ยังไม่เปลี่ยนกระบวนท่า
หากชั่งน้ําหนักความสงสัยแล้ว วิชาแสนแปลกประหลาดของกองทัพสีเขียวผู้ใช้พลังแห่งพฤกษายังน่าฉงน ยิ่งกว่า ต้นไม้ยักษ์หยั่งรากลึกที่ไม่สั่นคลอนแม้คลื่นพายุโหมกระหน่ําต้นนี้ปรากฏขึ้นมาอย่างอลังการอย่างยิ่ง
ทว่ามันยังไม่เห็นว่าเจ้าต้นไม่ใหญ่โตมโหฬารต้นนี้จะทําอะไรได้สักกะอย่างเดียว หรือบางทีต้นไม้ยักษ์นี้คือ แหล่งเสบียงสําคัญ? มันจะผลิดอกออกผลเลี้ยงคนทั้งกองทัพ? แต่ดูแล้วคงมิเป็นเช่นนั้นเพราะแม้แต่ใบสักใบ ยังไม่งอกเงย นอกจากผลิดอกบนปลายยอดแล้วโดยรวมมันไม่ต่างไปจากต้นไม้ที่ไร้ชีวิตชีวาไม่มีคนรดน้ํามา นานนับร้อยปีจนแทบจะยืนต้นตายอยู่แล้วมันจะเอาแรงที่ไหนมาสร้างผลผลิต…
จะว่าปลุกใจสร้างความฮึกเหิมก็มิใช่ ยิ่งมองจิตใจยิ่งหดหูเสียด้วยซ้ํา…
หัวคิ้วผู้นําหน่วยคิดขมวดอยู่ได้ไม่นานนักในที่สุดมันก็ได้ผ่อนคลายลงเสียที เมื่อทัพแดงนําโดยแม่น้อยวัย เยาว์จ่อฮวงพวกมันตั้งแถวอยู่หลังขบวนทัพวายุล้วนสยายกางปีกกว้างแขนสองข้างแนบเข้าหาลําตัวกําหมัด แน่น มันผู้ใดเป็นบุรุษผมเผ้าปลิวไสวเปลี่ยนเป็นสีแดงสดดั่งเลือดในกาย ผู้ใดเป็นสตรีริมฝีปากราวกับถูกเลือด กลืนกินประดับอยู่บนริมฝีปากบนและล่างโดยที่มิต้องประทินโฉม
เริ่มการโจมตี!! แม่ทัพแดงจือฮวงตะโกนลั่นเสียงมันก้องกังวาลดังไกลนับกิโล
ราชันย์พฤกษาสังหาร! วีรสตรีอี้เหมยเปร่งด้วยเสียงหวาน แหงนมองปลายยอดต้นไม้ยักษ์สูงเสียดฟ้าดอก ไม้ที่มีเพียงดอกเดียวที่ผลิบานขึ้นจากน้ําพักน้ําแรงนักรบพฤกษาได้ปลดปล่อยผงละอองขนาดเล็กยากจะมอง เห็น ออกมาลอยล่องไปตามลมเข้ากับกระแสพายุถูกดึงดูดเข้าไปในใจกลาง
พายุนรกขจัดอสูร!! แม่ทัพภู่เฉินป่าวร้องสุดเสียง เพียงมองจากสายตาก็สามารถมองบอกได้ว่าความเร็ว ของลมหมุนเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวทั้งยังควบมวลอากาศหนาแน่นมากกว่าเดิมจนเห็นเป็นกลุ่มก้อน
ฟุบะ
ทันใดนั้นเองจู่ๆนักรบเกราะเหลืองทั้งหนึ่งแสนเปลี่ยนกระบวนท่าฉับพลันนั้นเองพายุทมิฬที่หมุนวนอย่างต่อ เนื่องจู่ๆก็หยุดอย่างกระทันหันไร้แรงขับเคลื่อนไม่มีการควบคุมจากผู้ใช้วิชาวาย
วูมมมม
พายุที่โอบอุ้มเอาสิ่งสกปรกโสมมฝุ่นควันเมฆหมอกต้นไม้ใบหญ้าน้ําหนักรวมมหาศาลไร้แรงส่งถูกแรงดึง ดูดตามธรรมชาติดูดลงสู่พื้นโลกเป็นดั่งฟ้าถล่มแผ่นดินทลายพายุลูกมหึมาล่วงลงสู่ใจกลางผืนป่าอสูร ด้วยพื้นที่ ที่มิอาจจํากัดเพียงพอกับขนาดของพายุได้ทําให้สิ่งโสมมภายในกระจัดกระจายแตกตัวเป็นวงกว้างโดยมีป่าอสูร เป็นจุดศูนย์กลาง
ทั่วทั้งผืนป่าล้วนถูกปกคลุมไปไอควันฝุ่นดินลอยสูงเหนือแนวป่าไม้
วารีจองจําไว้สิ้นสุด! จ่อซุยหนึ่งหญิงสาวผู้นําทัพแห่งวารีประกาศเกรี้ยวพร้อมกับเริ่มกระทําบางอย่างโดย ที่คุกเข่าลงบนพื้นตามด้วยกองทัพนัพแสนของนาง ผืนดินโดยรอบบริเวณมีความชื่นขึ้นมาอย่างฉับพลันคล้าย กับกําลังอุ้มมวลน้ํามหาศาลเคลื่อนตัวอยู่ใต้ภิภพคืบคลานเข้าสู่ป่าอสูร
ฟูวว
นักรบเกราะแดงผู้ใช้พลังแห่งอัคคีทั้งหนึ่งแสนเผยฝ่ามือปรากฎลูกไฟลูกเล็กๆหนึ่งลูกขึ้นมา ลูกไฟสีแดงส้ม เข้มข้นเพียงแค่มองยังสามารถกระตุ้นรูขุมขนลุกขึ้นเมื่อจิตนาการถึงความร้อน เปลวไฟที่ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่าง ไม่มีปี่มีขลุ่ยไม่มีชนวนไม่มีเชื้อเพลิงลอยออกจากฝ่ามือของพวกมันทุกตนมุ่งไปในทิศทางเดียวราวกับถู กดูดด้วยพลังที่มองไม่เห็น สิ่งที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือไฟเหล่านี้กลับไม่มอดดับไปแม้ไม่มีที่ให้สิงสถิต
เส้นทางที่เปลวไฟเหล่านี้มุ่งหน้าไปก็คือใจกลางขบวนทัพที่มีผู้บัญชาทัพของตนเป็นแกนกลางนั่นก็คือจอฮ วง เปลวเพลิงจากปีกซ้ายและขวาที่วัดระยะแล้วห่างกันร่วมหลายกิโลเมตรค่อยๆลอยช้าๆขึ้นลงไม่คาดเดางกับพวกมันมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง
ใช้เวลากว่าสิบนาทีในการเตรียมตัว เปลวไฟจากทั่วทุกสารทิศในที่สุดก็ถึงจุดหมายพวกมันรวมกันเป็นหนึ่ง อยู่ในจุดเดียวเหนือศรีษะของสื่อฮวง จากไฟลูกเล็กๆนับแสนลูกบัดนี้รวมกันกลายเป็นลูกไฟยักษ์ที่มีขนาดเส้น ผ่าศูนย์กลางกว่าสิบเมตร ส่องแสงสว่างขจัดความมืดมิดยามค่ําคืนมลายสิ้นนอกจากป่าอสูรที่ถูกปกคลุมด้วย เมฆหมอกควันดําจากพายุทมิฬแล้วพื้นที่โดยรอบไม่ต่างไปจากกลางวันแสกๆ
ความร้อนที่แผ่ออกมาส่งผลให้ทั่วบริเวณมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างฉับพลัน เหงื่อไหลไคลย้อยไม่อาจต้านทาน ผลลัพธ์เช่นนี้หากจะเปรียบลูกไฟดวงนี้เป็นดวงอาทิตย์ขนาดย่อมๆก็คงไม่เกินเลยแต่อย่างใด ทว่าผู้ที่อยู่ใกล้กับ ดวงอาทิตย์ขนาดย่อมที่ปล่อยพลังความร้อนสูงออกมากลับไม่ได้รับผลกระทบมากนักอย่างที่ควรเป็น
นั่นเพราะพวกมันได้รับการคุ้มครองด้วยพลังที่เป็นปฏิปักษ์กันโดยธรรมชาติอย่างวารี!
ไม่ผิด ทัพหลวงปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงล้วนถูกปกป้องด้วยกําแพงน้ําที่ก่อตัวขึ้นมาจากพื้นดินครอบคลุมกอง กําลังแนวหน้าทั้งมวลที่อยู่ใกล้เคียงกับมวลความร้อน ทั้งยังเป็นน้ําเย็นที่ไม่ถูกผลกระทบจากความร้อน ราวกับปี ดกั้นโลกภายนอกและภายในแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง!
สมรภูมิทําลายล้าง!!! และแล้วตัวละครหลักผู้เป็นแกนกลางของการโจมตีทั้งปวงก็ได้ฤกษ์เปิดพิธีจากการ รวมพลังของสี่เหล่าทัพ มันเปร่งวาจาด้วยน้ําเสียงหนักแน่นชัดถ้อยชัดคําเส้นเลือดตามร่างกายโป่งนูนเด่นเห็น ได้ชัดโดยเฉพาะท่อนแขนทั้งสองข้างของมันที่ชูเหนือศรีษะประคับประคองดวงตะวันอันร้อนแรงที่มันเป็นผู้ ควบคุมเพียงลําพัง
ฮาาาา
แม่ทัพแดงจื่อฮวงเด่นเรี่ยวแรงมหาศาลใช้พลังที่มิอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าผลักดันดวงอาทิตย์ขนาด ย่อมโยนเข้าสู่ใจกลางป่าอสูร
ทั่วบริเวณตกอยู่ในสภาวะเงียบสงัดวังเวงเงียบเชียบไม่มีแม้เพียงผู้เดียวส่งเสียง กระทั่งเสียงหายใจยังยาก จะรับรู้ ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังดวงอาทิตย์จิ๋วที่กําลังเคลื่อนที่ในความสูงเหนือผืนป่าอสูรคืบคลานไม่ช้าไม่เร็ว
เปรี้ยะ
เกิดประกายไฟสะเก็ดเล็กน้อยแตกกระจายเล็ดลอดออกมาจากดวงอาทิตย์ขนาดย่อม ประกายไฟธรรมดาได้ พิษสงไม่มีความอันตรายและกําลังจะมอดหายไป ทว่าประกายไฟเล็กน้อยนี้ได้สัมผัสกับชั้นบรรยากาศตกค้าง ของพายุทมิฬ….
เกิดระเบิดบางเบาขึ้นส่องแสงวูบวาบชั่วขณะส่งเสียงทึมทึบ
พรึ่บบ
แรงระเบิดส่งผลให้ฝุ่นควันบริเวณนั้นกระจายตัว บางแห่งลอยสูงขึ้นไปย่างกรายแตะต้องเข้ากับดวงอาทิตย์ ขนาดย่อม เมื่อทั้งสองสัมผัสถึงกันและกัน….
บริ้มมมมม
เสียงดังสนั่นที่ชั่วชีวิตนี้เคยได้ยินบังเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เพียงพริบตาทั่วท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงสุกสกาว เจิดจ้าเหนืออื่นใด
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ผู้นําหน่วยผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้เก็บภาพความทรงจําก่อนที่ประสาทการได้ยินของมันจะ พังทลายไม่อาจรับเสียงอื่นใด ดวงตาไม่อาจทนรับสีสันฉูดฉาดที่ปรากฏจําต้องผนึกการมองเห็นของตน
Next