เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 75-76
ตอนที่ 75 ร่ำเมรัย
ชื่อ ลู่คง เผ่า คนแคระ
ระดับ 1
สถานะ
พลัง 1
ป้องกัน 1
ความเร็ว 1
วิญญาณ 1
ทักษะ –
คำอธิบาย :พละกำลังสูง
อันดับแรกหลินหยางใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวตรวจสอบเป้าหมายล้วงนามและข้อมูลความสามารถ ผลลัพธุ์ที่เคยคาดเดาก็มิผิดไปจากที่คิด…เผ่าคนแคระ
ส่วนสูงเพียงเมตรเศษนั่นคือความสูงเฉลี่ย ส่วนผู้ที่สูงที่สุดคำนวนแล้วยังมิถึงเมตรครึ่ง เมื่อเทียบกับมนุษย์ทั่วไปแล้วคนแคระเหล่านี้สูงมิถึงอกบางรายมิถึงเอว แต่ร่างกายของพวมกันสมส่วนดูมิผิดปกติแขนขาพอเหมาะมีเหลื่อมล้ำหนำซ้ำกำยำแข็งแรงแม้แต่อิสตรี บุรุษสตรีผมเผ้ายาวเลยแผ่นหลังถักเปียคล้ายชนเผ่าโบราณ บุรุษหนวดเครายาวถึงอก อาวุธคู่ใจและเป็นที่นิยมคือค้อนรองมาคือขวานสองมือด้ามจับสั้นส่วนคมยาว
นั่นคือสิ่งที่หลินหยางเห็น
‘ยิ้ม’ หลินหยางส่งซิกหยุดเสียงกระซาบของพลพรรคพลางฉีกยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร
“พวกเจ้ามาทำไม” คนแคระนามลู่คงเป็นผู้นำของเหล่าคนแคระที่อาศัยอยู่ภายในเมืองแห่งนี้เปรงวาจากล่าวถาม ภายในมือกำชับอาวุธมั่นมิลดความระวังตัว
หลินหยางสังเกตุเห็นว่าสายตาของคนแคระต่างก็จับจ้องไปยังอาวุธที่เหน็บซ่อนอยู่ภายใต้ร่มผ้าที่มิมิดชิดนัก หลินหยางแสดงความบริสุทธิ์ลดสองมือชักเอาดาบสั้นสองเล่มที่ซ่อนอยู่ตรงเอวของตนออกมา
เห็นเช่นนั้นคนแคระต่างหวาดระแวงถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวรักษาระยะห่างก่อนที่หลินหยางจะวางดาบคู่กายของตนไว้บนพื้นเบื้องหน้าพลางส่งสัญญาณให้หลิวไห่และพวกทำตาม เทียนหนิงเจี้ยนสั่นกลัวไม่เคยพบสถานการเช่นนี้ รุกล้นค้นเอาของมีค่าทั้งหมดที่มันมีออกมาทั้งอาหารแห้งน้ำรวมไปถึงแผนที่และพุ่กันออกมาวางไว้บนพื้นเช่นกัน
การปลดอาวุธเพียงพอจะทำให้เจ้าบ้านลดความระวังลงได้บ้าง ลู่คงลดอาวุธของตนของตนเดินเข้ามาประจัญหน้ากับหลินหยางที่มันคิดว่าเป็นผู้นำของผู้บุกรุกก่อนจะกล่าวถามย้ำความเดิม
“พวกเจ้ามาทำไม”
‘จะพูดยังไงดี?’ หลินหยางใช้เวลาครุ่นคิดหาวิธีโต้ตอบบทสนทนาที่ดูแล้วไม่ว่ามันจะกล่าวเช่นไรก็คงเป็นบุคคลน่าสงสัยภายในสายตาของเจ้าบ้านอยู่ดี
‘หือ?’ ขณะที่มันกำลังคิดไม่ตก พลันได้ยินเสียงขยับจมูกฟูดดมฟุดฟิด เมื่อมองไปยังลู่คงตอนนี้สายตาของมันเหล่เอียงไปด้านขวารูจมูกเดี๋ยวเล็กเดี๋ยวใหญ่กำลังสูดกลิ่นบางอย่าง
สายตาหลินหยางมองตามควานหาสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของคนแคระตัวน้อย ก็พบว่าสิ่งนั้นคือ….ถุงสุราของเทียนหนิงเจี้ยน
ชายหนุ่มค่อยๆย่อตัวลงเอื้อมมือไปหยิบถุงสุราใบนั้นสังเกตุสีหน้าของลู่คงแม้ใบหน้าของมันจะตั้งตรงไม่ไหวติงแต่ดวงตาของมันมองตามไม่กระพริบ หลินหยางดึงจุกกลิ่นหอมจากการหมักบ่มด้วยกรรมวิธีพิเศษของเผ่าเอลฟ์ลอยตลบอบอวล เสียงหายใจฟืดฟาดของลู่คงผสมผสานกับเหล่าคนแคระที่รายล้อมดังระงม
“พ-พวกเจ้ามาทำไม” จับจ้องถุงสุราไม่วางตาปากสั่นพยายามเอื้อนเอื่อยอีกคราน้ำลายไหลย้อยเป็นทางดวงตาหยาดเยิ้ม
หลินหยางฉีกยิ้มกว้างก่อนจะยื่นสุราภายในมือเข้าใกล้ใบหน้าของลู่คงวนเวียนชั่วขณะ
“ที่มามิมีสาเหตุอื่นเพียงมาเยี่ยมเยียนบ้านใกล้เรือนเคียงตามประสาพร้อมของฝากเล็กๆน้อยๆ” หลินหยางกล่าวด้วยวาจาไพเราะใช้สำเนียงโบราณเข้ากับภาษาที่เผ่าพันธุ์ต่างโลกนิยมชอบใช้
ตอนที่ 76 ซ่อมอุปกรณ์
ลู่คงหูผึ่งคว้าหมับเข้าที่ข้อมือหลินหยางที่ถือถุงสุราป้วนเปี้ยนส่งกลิ่นโชยเข้าจมูกก่อนจะค่อยๆลูบไล้ไปยังฝ่ามือแงะนิ้วหลินหยางออกอย่างช้าๆจับถุงสุรามั่นก่อนจะแหงนศรีษะมองสบตาหลินหยาง
“ทำไมเจ้าไม่พูดตั้งแต่แรก….นี่พวกเจ้าจะเสียมารยาทไปถึงเมื่อไหร่ เก็บอาวุธ!! ต้อนรับแขกผู้มีเกียรตินำทางเขาเข้าเมืองเร็ว!!” ลู่คงสบตาหลินหยางจ้องเขม็งมือหนึ่งถือสุราอีกมือกระชับค้อน ทันใดนั้นมันก็ทำสิ่งที่คาดมิถึงหันกายควับตวาดลั่นสั่งการมิตรสหายก่อนจะหันกายกลับฉีกยิ้มกว้างเก็บอาวุธผายมือเชื้อเชิญหลินหยางและพวกเข้าเมือง…..
ภายในเมืองคนแคระ
ผ่านไปกว่าสิบนาทีตั้งแต่เข้ามาภายในเมือง หลินหยางเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างระเอียดยิบดูแล้วสภาพแวดล้อมมิได้ต่างไปจากเมืองของมนุษย์ในยามที่มาถึงที่นี่ใหม่ๆเสียเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเหมือนกันอย่างกะแกะไม่ว่าจะเป็นประตูห้องลับปริศนาที่ติดตั้งอยู่โคนต้นไม้ ความกว้างความยาวของเมือง บรรยากาศ จะต่างก็เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของต้นไม้และความร่มรื่นไม่มีที่กันแดดกันฝนตามธรรมชาติอย่างที่เมืองของเขามีร่มใบแต่เมืองนี้ไม่
นอกจากความเป็นอยู่ หลินหยางยังเห็นว่าพลเมืองคนแคระต่างก็มีแต่คนหนุ่มสาวตั้งแต่เด็กจนถึงวัยฉกรรจ์ไม่เล็งเห็นวัยชรา คล้ายกับเมืองของเมิ่งโจว
เผ่าคนแคระเข้ากันได้เป็นดิบดีกับหลินหยางและพวก โดยเฉพาะถุงเหล้าร่วมสิบใบที่รวบรวมมาจากเทียนหนิงเจี้ยนและหลิวไห่กับพวกมอบให้แก่คนแคระ ตั้งแต่นั้นมาพวกคนแคระก็ปรนนิบัติพัดวีคุยถูกปากถูกคอราวกับพวกมันสนิทชิดเชื้อกันมาแต่ชาติปางก่อนไม่มีความระแวดระวังตัวเลยแม้แต่น้อย
“นี่เจ้าหนุ่ม เมื่อกี้ข้าเห็นดาบของเจ้า ดูท่าจะผ่านการใช้งานมาไม่น้อยจนบิ่นชำรุดไปมากโข” ปล่อยๆให้หลินหยางเดินอาดๆรอบเมืองจนมันเมื่อยไปเองชายหนุ่มก็กลับมานั่งร่วมวงสนทนากับกลุ่มคนแคระ ยังมิทั่งที่บั้นท้ายจะแตะถึงพื้นลู่คงหัวหน้าคนแคระก็เอ่ยปาก
“หืม? นี่เหรอ” หลินหยางดึงดาบสั้นของตนออกมาจากเอวซึ่งตอนนี้พวกมันมิต้องเก็บซ่อนอีกแล้ว โชว์หรายื่นให้แก่ลู่คง
“อืม…เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เสียหายตั้งแต่ด้ามจรดปลาย ถือเป็นค่าตอบแทนสุรารสเลิศข้าจะซ่อมให้เจ้าก็แล้วกัน” ลู่คงกล่าวพลางสำรวจดาบเล่มน้อยลูบไล้ไปมา
“จริงรึ!” หลินหยางอุทานด้วยความตื่นเต้น
“ฮึ” ลู่คงมิตอบคำเพียงแสยะยิ้มส่งสัญญาณให้คนของมันนำอุปกรณ์ออกมาวางเรียงราย
‘เครื่องหลอม? เตาเผา?’ หลินหยางขมวดคิ้วมองเหล่าเครื่องมือต่างๆนาๆที่วางอยู่เบื้องหน้า นี่มันไปเอามาจากไหนกัน? พวกคนแคระสร้างขึ้นมาเองงั้นเหรอ? ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะเมืองของพวกมันเป็นเพียงน้องใหม่ที่พึ่งจะถือกำเนิดขึ้นมาได้เพียงสามวัน พวกมันจะเอาเวลาที่ไหนไปสร้างสิ่งของพวกนี้
ไม่รอช้าลู่คงไม่พูดให้มากความ มันลงมือโชว์ฝีมือถอดชุดโชว์มัดกล้ามชำแหละดาบสั้นนำใบดาบหลอมละลายก่อนจะขึ้นรูปใหม่ท่ามกลางสายตาของมนุษย์ทั้งสิบที่ต่างก็ร้องอุทานภายในใจเมื่อเห็นกรรมวิธีการผลิตอาวุธกินเวลาไปกว่าหนึ่งชั่วโมงอาวุธผุพังของหลินหยางก็ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่กลายเป็นดาบสั้นมันวาวสะท้อนแสงอาทิตย์เงางามคมกริบ หลินหยางประทับใจอย่างยิ่งหยิบดาบเล่มนั้นตวัดกวัดแกว่งด้วยความเริงร่า