เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 101
大姐大 บทที่ 101: การสนทนาระหว่างปู่เจี่ยนกับเจี่ยนชูฉิง
ถือโอกาสระหว่างทุกคนวุ่นวายอยู่กับการตระเตรียมอาหาร เจี่ยนชูฉิงก็ไปยังเรือนกล้วยไม้เพื่อพบกับปู่เจี่ยน
“มาพูดคุยกัน มีเรื่องอะไรเหรอ”
ปู่เจี่ยนเห็นลูกชายของตนเองขมวดคิ้วนิ่วหน้า เขาก็เดาว่าอีกฝ่ายมีอะไรที่ต้องการจะปรึกษาด้วย
“ผมมีเรื่องบางอย่างที่ต้องการจะปรึกษาพ่อ”
“ครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องขอความช่วยเหลือหรอก แค่พูดออกมา แม้ว่าคนแก่อย่างพ่อจะเกษียณแล้ว แต่พ่อก็ยังเป็นห่วงเรื่องในครอบครัวอยู่”
“คืออย่างนี้… พวกเราพบคนที่สามารถผ่าตัดเซี่ยวน่าวได้ แต่อีกฝ่ายนั้นบอกให้รอ พวกเรากลัวว่านี่จะเป็นเพียงแค่การหาข้ออ้างปัดให้พ้นตัวจากอีกฝ่าย ดังนั้น…”
พวกเขาได้รับการตอบกลับจากอีกฝ่ายเมื่อวานซืนนี้
อีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธหรือว่าตกลงโดยตรง เพียงแต่พูดให้พวกเขารอ
จะให้รอไปจนถึงเมื่อไหร่กัน
ยิ่งเร็วเท่าไหร่ที่มือของเซี่ยวน่าวได้รับการผ่าตัด โอกาสที่จะฟื้นตัวก็จะมีสูงขึ้นเท่านั้น
ปู่เจี่ยนพยักหน้า “พ่อเข้าใจละ พ่อจะขอให้เพื่อนพ่อช่วย”
ปู่เจี่ยนเองก็เป็นกังวลเรื่องนี้อยู่เช่นเดียวกัน
มันมีความเกี่ยวพันกับความสมานสามัคคีของครอบครัว
“ขอบคุณครับพ่อ”
“ไม่ต้องขอบคุณพ่อสำหรับเรื่องประเภทนี้ ไม่ว่าอย่างไรก่อนหน้านี้เธอส่งคนไปที่จังหวัดเหรอ ดูเหมือนว่าเธอกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่เหรอ”
แม้ว่าปู่เจี่ยนจะเกษียณ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะซ่อนเร้นสิ่งต่างๆจากเขาได้
“เอ้อ เป็นการสืบสวนอะไรบางอย่าง”
“หนักหนารึเปล่า”
เจี่ยนชูฉิงบอกชายชราถึงสิ่งที่เจี่ยนหยุ่นเฉิงได้บอกกับเขาเมื่อสองวันก่อน
“เธอหมายความว่า หยุ่นเฉิงสงสัยว่ามีคนรับใช้ในบ้านที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องอุบัติเหตุระหว่างเซี่ยวหลิงกับเซี่ยวน่าวอย่างงั้นเหรอ”
“มันยังเป็นแค่ข้อสงสัย ผมยังไม่สามารถหาหลักฐานที่แน่ชัดได้ในเวลานี้”
กล้องวงจรปิดเพียงจับภาพของป้าโม่แอบมองอยู่ไม่ห่างไปจากพวกเขาเมื่อตอนที่เจี่ยนอีหลิงกับเจี่ยนหยุ่นน่าวมีข้อขัดแย้งกัน
แต่ในกรณีเช่นนั้น ป้าโม่ก็สามารถที่จะอธิบายได้ว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่จะต้องมาหาเจี่ยนอีหลิงหรือไม่ก็เจี่ยนหยุ่นน่าว และก็ปรากฏว่าเกิดการทะเลาะกันระหว่างพวกเขา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปหาก็เป็นได้
ตามความเป็นจริงบางทีพวกเขาอาจจะไม่สามารถได้รับผลลัพธ์อะไรเลยก็เป็นไปได้หลังจากที่แกะรอยตามกล้องวงจรปิด
ชายชราพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ชูฉิง เธอต้องรู้ว่ากุญแจหลักของเรื่องนี้ก็คือเซี่ยวน่าวระบุด้วยตัวเองว่าเซี่ยวหลิงเป็นคนผลักเขา”
กุญแจของปัญหานี้อยู่ที่เจี่ยนหยุ่นน่าว ตอนนี้เจี่ยนหยุ่นน่าวระบุว่าเป็นเจี่ยนอีหลิง ไม่ใช่คนรับใช้ที่เป็นคนระบุตัว
“ผมรู้” คิ้วของเจี่ยนชูฉิงไม่ได้คลายออก น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียด “ผมกับหยุ่นเฉิงไม่รู้ว่าจะช่วยให้เรื่องนี้คลี่คลายลงไปได้อย่างไร แต่ในเมื่อตอนนี้มีข้อสงสัย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปได้เล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ผมก็ไม่ต้องการที่จะพลาดเรื่องนี้ไปเช่นกัน”
“ดีแล้ว ดีที่ตรวจสอบมันออกมา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยในเรื่องของเซี่ยวน่าวเซี่ยวหลิง คนในตระกูลก็ควรช่วยกันตรวจสอบมันออกมา คนที่ไม่มีความชัดเจนและมีเจตนาร้ายก็ควรจะจัดการออกไปเสียแต่เนิ่นๆ ถ้าใครทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อครอบครัวของลูกจริงๆ ก็อย่าปล่อยปละละเว้น”
อย่าดูถูกชายชราคนนี้ที่เอาแต่ปลูกดอกไม้เลี้ยงนกตลอดวัน เมื่อถึงตอนที่เขาโหดก็จะโหดมาก แน่นอนว่าเขาสามารถทำให้คนอื่นอยู่ไม่เป็นสุขได้
เจี่ยนชูฉิงกล่าวว่า “พ่อ ว่าแต่ว่าทำไมจ๋ายหวินเชิ่งกับเซี่ยวหลิงถึงอยู่ด้วยกันได้”
ทุกคนรู้จักหยูซี เขาเป็นเด็กดี เจี่ยนชูฉิงไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรกับการที่หยูซีมาเล่นเป็นเพื่อนกับเซี่ยวหลิง
แต่จ๋ายหวินเชิ่งนั่นทำให้เจี่ยนชูฉิงอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้
เขากลัวว่าอีหลิงจะถูกอีกฝ่ายย่ำยี และจ๋ายหวินเชิ่งนั่นก็อาจจะมีแผนการร้ายแอบแฝง
“พ่อได้พูดกับนายน้อยจ๋ายแล้ว แม้ว่าส่วนตัวของเขาจะค่อนข้างประหลาดไปบ้าง แต่ก็ไม่ควรจะเลวร้ายเหมือนกับคำร่ำลือ เซี่ยวหลิงนั้นเล่นอยู่กับหยูซี ดังนั้นเธอจึงต้องมีการติดต่อกับนายน้อยจ๋ายอยู่บ้าง อย่ากังวล หยูซีเป็นคนที่มีเหตุมีผล”
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจี่ยนอีหลิง หยูซีก็จะไม่สามารถอธิบายกับตระกูลเจี่ยนได้