เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 102
大姐大 บทที่ 102: บาร์บีคิวที่ลานบ้าน 1
เมื่อปู่เจี่ยนพูดอย่างนั้น เจี่ยนชูฉิงก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
ตอนนี้เซี่ยวหลิงอาศัยอยู่ที่บ้านเก่า และปู่เจี่ยนกับย่าเจี่ยนเป็นคนรับผิดชอบ พวกเขาพูดว่าไม่มีปัญหา เขาก็ไม่สามารถที่จะขัดได้แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเขาก็มีความรู้สึกเล็กๆว่ามีอะไรผิดไปอยู่บ้างในใจของเขา
ไม่ว่าหยูซีจะพึงพาได้มากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ยังเป็นเด็กผู้ชายอยู่ดี
และเจี่ยนอีหลิงก็เป็นเด็กหญิง
ถึงแม้ว่าไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ที่สองตระกูลจะแต่งงานกันในอนาคต แต่เซี่ยวหลิงก็ยังคงเด็กเกินไปอยู่ดี และเธอก็ยังต้องโตกว่านี้กว่าจะสามารถพูดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้
###
เมื่อถึงตอนสิบโมง หยูซีกับคนอื่นก็เริ่มทยอยนำเอาวัตถุดิบที่ตระเตรียมโดยเจี่ยนอีหลิงออกมาที่สนามหญ้า
สนามหญ้ากางไว้ด้วยร่มกันแดดหลายคันพร้อมกับเตาย่างบาร์บีคิวหลายใบตั้งอยู่
อาหารที่ปรุงสำเร็จแล้วและเครื่องดื่มได้ถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะถัดออกไป
สิ่งเหล่านี้ถูกจัดเตรียมโดยเหอเยี่ยน
เธอเริ่มวุ่นวายหลังจากที่ได้คุยกับหยูซีแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มหรือวัตถุดิบอื่นๆ เธอตระเตรียมพวกมันอย่างระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจว่าทุกสิ่งนั้นดีที่สุด
นี่เป็นบาร์บีคิวที่แสนธรรมดาในลานบ้าน แต่ในมุมมองของเหอเยี่ยนนั้น นี่เป็นโอกาสอันหายากที่จะพบกับนายท่านเชิ่ง
ทุกวันนี้เธอไม่รู้ว่ามีคนมากมายเพียงไหนในเมืองเหิงเหย่วนที่คิดจนหัวแทบแตก เพียงเพื่อต้องการเห็นนายท่านเชิ่ง
หยูซีมองไปยังโต๊ะที่วางเรียงรายแล้วก็ได้ขอร้องให้คนรับใช้ช่วยย้ายโต๊ะใหม่มา
วัตถุดิบที่พวกเขาทำจะต้องวางไว้ที่โต๊ะต่างหาก
แน่นอนว่าวัตถุดิบที่เหอเยี่ยนนำมาจากคนอื่นกับวัตถุดิบที่พวกเขานำมาก่อนหน้านั้นเมื่อตอนเช้าและได้ถูกจัดการโดยน้องสาวอีหลิงด้วยตนเองนั้นต้องไม่ปะปนกัน
ต่อให้น้องสาวอีหลิงจะปรุงไม่อร่อย แต่ก็เป็นอะไรที่พิเศษ
ตราบเท่าที่ไม่ถึงกับแย่เกินไป เขาก็ยังจะไม่ละความพยายามในการกินส่วนของน้องสาวอีหลิง
ยังจำเป็นที่จะต้องรักษาหน้าของเทพหลิงเอาไว้ ความภาคภูมิใจของเทพหลิงก็จำเป็นที่จะต้องดูแลเช่นเดียวกัน
หยูซียังไม่เคยได้กินอะไรที่เจี่ยนอีหลิงทำ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความหวังมากนักกับวัตถุดิบที่ปรุงโดยเจี่ยนอีหลิง
แต่จากการตัดสินจากการที่เจี่ยนอีหลิงเทเครื่องปรุงรสลงไปอย่างเด็ดเดี่ยวเมื่อกี้นั้น เขารู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะลอง
หลังจากที่เคลื่อนย้ายทุกสิ่งออกมาแล้ว เจี่ยนอีหลิงกับคนอื่นๆก็ตามออกมาเช่นเดียวกัน
เจี่ยนอีหลิงสวมผ้ากันเปื้อนขนาดเล็กมีลายการ์ตูนติดอยู่
มันมีสีพื้นเป็นสีชมพูอ่อน ปักกระต่ายขาวไว้หนึ่งตัว และดวงตาของกระต่ายก็กลมโต อ่อนโยน น่ารัก
นี่เป็นตอนที่เมื่อพวกเขาสามคนออกไปจ่ายตลาดตอนเช้า จ๋ายหวินเชิ่งได้ซื้อติดมือมาด้วย
เมื่อเธออยู่ในครัวเมื่อกี้นี้ เพราะว่าเธอจำเป็นต้องใช้ เจี่ยนอีหลิงจึงต้องสวมมัน
มีเพียงผ้ากันเปื้อนผืนเดียวที่ขนาดพอดีตัวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือก
เจี่ยนหยู่เจี๋ยติดตามเจี่ยนอีหลิงออกมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า ทั้งยังคงพูดคุยอยู่กับเจี่ยนอีหลิงมาตลอดทาง
จ๋ายหวินเชิ่งก็ออกมาพร้อมกับพวกเขาสองคนด้วยเช่นกัน เพียงแค่ล้าหลังไปจากพวกเขาเล็กน้อย
เหอเยี่ยนดีใจที่เห็นจ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนหยู่เจี๋ยออกมาด้วยกัน นี่นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับเธออย่างแน่นอน
เจี่ยนชูฉิงและเวินน่วนจ้องมองไปยังลูกสาวของพวกเขาด้วยความคิดถึง หัวใจวูบไหว จากนั้นก็หันกลับไปมองยังเจี่ยนหยุ่นน่าวซึ่งกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือถัดออกไปด้วยความกลุ้มอกกลุ้มใจ คิดหวังว่าพวกเขาจะอยู่ร่วมกันได้อยู่ในใจ
เจี่ยนหยุ่นเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเขาตกไปอยู่กับจ๋ายหวินเชิ่งซึ่งอยู่ห่างจากเจี่ยนอีหลิงทางด้านขวาไม่ถึงสองเมตร
ชายคนนี้อันตราย
น้องสาวของเขาไม่ควรจะไปสนิทสนมกับคนแบบนั้น
ตอนที่บาร์บีคิววันนี้จบลง เขาคงต้องไปพูดคุยกับหยูซีสักหน่อยแล้ว
ปู่เจี่ยนกับย่าเจี่ยนได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสองคนนี้ทำตัวเหมือนกับเป็นเด็กเล็กสองคนที่รออาหารอยู่อย่างเงียบๆ
ทันทีที่เจี่ยนอีหลิงมาถึง ย่าเจี่ยนก็ยิ้มและกล่าวกับเจี่ยนอีหลิงว่า “หลานรักเป็นกุ๊กให้หน่อยนะในวันนี้ ย่าจะรอหลานรักย่างบาร์บีคิวให้ ตกลงไหม”