เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 115
大姐大 บทที่ 115: คู่ที่สงบเยือกเย็น
หยูซีต้องการบอกว่าแม้ว่าเกมจะสำคัญ แต่อารมณ์ของเทพหลิงนั้นสำคัญยิ่งกว่า
[ฉันไม่เป็นไร] เจี่ยนอีหลิงตอบ
[แต่นายท่านเชิ่งกล่าวว่าเขาต้องการที่จะพาน้องออกไปนั่งรถเล่นแก้เซ็ง เขายังบอกว่าเขาหากระสอบทรายมนุษย์มาให้น้องต่อยเล่นด้วย]
หยูซีพูดตามคำพูดที่จ๋ายหวินเชิ่งพูดออกมาแต่เดิมให้กับเจี่ยนอีหลิงฟัง เขารู้สึกว่าน้องสาวอีหลิงคงไม่ต่อยกระสอบทรายมนุษย์อะไรทำนองนี้หรอกมั้ง
เพียงแค่คิดเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกว่าการทำแบบนี้ค่อนข้างโหดร้ายแล้วก็ไม่เหมาะกับน้องสาวอีหลิง
[อื้อ ไป]
เจี่ยนอีหลิงตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว แถมยังตกลงกับข้อเสนอของหยูซีอีกด้วย
[เอ๋]
หยูซีเหมือนถูกต่อยหน้าไปชั่วขณะหนึ่ง ทำไมเทพหลิงถึงยอมตกลง นี่ต่างไปจากที่เขาคิดไว้
[ไป] เจี่ยนอีหลิงยืนยันกลับมาอีกครั้ง
หยูซีมองดูข้อความจากเจี่ยนอีหลิงอย่างงุนงง จากนั้นก็หันไปมองดูจ๋ายหวินเชิ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก
ทำไมเขาถึงเดาผิดอีกแล้ว ทำไมนายท่านเชิ่งถึงพูดถูกอีก
[ตกลง ตกลง… รอสักครู่ พี่จะไปถึงในเร็วนี้]
หลังจากที่หยูซีตอบกลับไปแล้ว เขาก็หันไปพูดกับจ๋ายหวินเชิ่งว่า “นายท่านเชิ่ง เทพหลิงตกลงที่จะไป”
“อืม” จ๋ายหวินเชิ่งตอบ จากนั้นก็สวมเสื้อแจ๊กเก็ต
จ๋ายหวินเชิ่งขึ้นไปยังที่นั่งคนขับ และงานในการรับตัวเจี่ยนอีหลิงที่บ้านถัดไปนั้นก็ยังคงเป็นหยูซี
หยูซีลูบจมูก หวังว่าการพาน้องสาวอีหลิงออกไปครั้งนี้จะไม่ถูกย่าเจี่ยนพบเห็น
ถ้าย่าเจี่ยนรู้ว่าเขาได้แอบพาตัวคนไปข้างนอกโดยอ้างว่าพาน้องสาวอีหลิงไปเล่นเกมที่บ้าน หยูซีก็รู้สึกว่าถ้ากินไม่หมดก็ต้องห่อกลับบ้าน*
หลังจากที่หยูซีไปยังบ้านติดกันแล้วอธิบายเจตนาของตนเองให้กับย่าเจี่ยนฟัง เขาสามารถรับตัวเจี่ยนอีหลิงมาได้โดยไม่มีปัญหา
กลับไปที่บ้านตระกูลหยู เขาก็เห็นจ๋ายหวินเชิ่งขับรถมารออยู่ที่ประตูอยู่แล้ว
เจี่ยนอีหลิงเห็นรถคันนี้มาก่อนตอนที่ยังเป็นสีเขียว
แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปเป็นสีเหลือง
“ขึ้นรถ” จ๋ายหวินเชิ่งนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับและให้เจี่ยนอีหลิงขึ้นรถ
เจี่ยนอีหลิงขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ
หลังจากคาดเข็มขัดแล้ว จ๋ายหวินเชิ่งก็ขับรถออกไป
ทันทีที่คันเร่งถูกเหยียบ รถก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“เชี่ย”
ก่อนที่หยูซีจะทันได้มีปฏิกิริยา จ๋ายหวินเชิ่งก็พาเจี่ยนอีหลิงออกไปแล้ว
“ฉันยังไม่ได้ขับรถออกมาเลย”
หยูซีรู้สึกรันทด เขารีบกลับไปที่โรงรถเพื่อขับรถตามไป
เมื่อเขาออกมาอีกครั้งก็ไม่มีแม้เงาของจ๋ายหวินเชิ่งกับเจี่ยนอีหลิงแล้ว
“พระเจ้าได้โปรดอย่าให้นายท่านเชิ่งซิ่ง พระเจ้าได้โปรดอย่าให้นายท่านเชิ่งซิ่ง”
หยูซีได้แต่ภาวนาอยู่ในใจอย่างเงียบๆ
หยูซีรู้สึกว่าหัวใจของตนเองนั้นเต้นแรงร้อยสองร้อยครั้งต่อนาทีด้วยความกังวลไปตลอดทาง
เขาถึงกับรู้สึกว่าเขาอาจจะหัวใจวายตายก่อนนายท่านเชิ่ง
แม้ว่าจะมีรถไม่กี่คันบนถนนที่ออกมาจากบริเวณคฤหาสน์ที่สองตระกูลตั้งอยู่ แต่ถนนก็คดเคี้ยวขรุขระ ทั้งยังมีโค้งหักศอกหลายจุด
เขาได้ขับให้เร็วแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่เห็นท้ายรถของนายท่านเชิ่ง
นี่ยิ่งทำให้หยูซียิ่งเกิดความกระสับกระส่ายมากยิ่งขึ้น
ไม่ต้องพูดถึงว่าจ๋ายหวินเชิ่งไม่ควรทำสิ่งที่ทำให้เกิดความตื่นเต้น
เด็กสาวเจี่ยนอีหลิงก็ไม่เหมาะที่จะพาไปทำอย่างนั้นเหมือนกัน เขาจะทำยังไงดีถ้าเด็กสาวกลัวจนร้องไห้
หยูซีเริ่มจินตนาการถึงฉากที่เจี่ยนอีหลิงกรีดร้องและร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว
ยี่สิบนาทีต่อมา สุดท้ายหยูซีก็ไปถึงที่หมาย
ทันทีที่รถจอด เขาก็วิ่งออกไปจากรถ เมื่อเห็นรถของจ๋ายหวินเชิ่งอยู่ข้างหน้า เขาก็รีบพุ่งต้วไปทางนั้น
จากนั้นเขาก็เห็นจ๋ายหวินเชิ่งซึ่งนั่งอยู่อย่างเยือกเย็นในรถ ทั้งยังเห็นเจี่ยนอีหลิงที่นั่งอยู่อย่างเยือกเย็นเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนสีหน้าไม่เปลี่ยน หัวใจไม่เต้นเร็วขึ้น
กลับกัน หยูซี ที่เป็นคนธรรมดา ทั้งหน้าแดงและเหนื่อยหอบ
“ผม…” หยูซีกุมท้องหอบหายใจ เมื่อเผชิญหน้ากับคนทั้งคู่ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
————————————————
หยูซี – ผมลำบากมากเลยนะ
ผู้แปล * กินไม่หมดต้องห่อกลับบ้าน 吃不了兜着走 สำนวนจีน มีความหมายว่า ทำอะไรไปก็ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา