เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 130
大姐大 บทที่ 130: อดีตที่ถูกเปิดเผย 3
ก่อนหน้านี้มีเพียงภาพที่ปราศจากเสียง และเนื้อหานั้นก็ได้เพียงแต่เดา แต่ตอนนี้ทั้งภาพและเสียงล้วนมีอยู่ครบถ้วน
เนื้อหาในการสนทนานั้นเรียบง่ายมาก เป็นเรื่องราวที่ว่าชายคนนี้เป็นคนอื่นหรือว่าเป็นพ่อของโม่ชืออวิ้น
เหอเจียนจวินยังนำเอาสำเนาทะเบียนบ้านและภาพถ่ายเก่าๆของครอบครัวออกมาเมื่อตอนที่เขาโต้เถียงอยู่ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการ
และเนื้อหาส่วนนี้ได้ถูกบันทึกและเผยแพร่บนฟอรัม
ซึ่งก็ยังมีเนื้อหาในวิดีโอที่โม่ชืออวิ้นนั้นยอมรับว่าเหอเจียนจวินนั้นเป็นพ่อของเธอด้วย
บรรดานักเรียนที่เห็นภาพฉากนี้ ต่างพากันมองไปยังโม่ชืออวิ้น สายตาของพวกเขานั้นล้วนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
พวกเขาได้เกิดความลังเลสงสัยขึ้นมาก่อนหน้านี้ และตอนนี้สามารถกล่าวได้ว่ามีหลักฐานมั่นคง
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับท่าทางของตัวโม่ชืออวิ้นเองก่อนหน้านั้น เนื้อหาของวิดีโอนี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นการตบหน้าเธออย่างจัง
ทันทีที่โม่ชืออวิ้นเห็นวิดีโอนั้น สีเลือดบนใบหน้าของเธอนั้นได้หายไปจนหมดสิ้น
ชูชาซึ่งเพิ่งขอโทษโม่ชืออวิ้นไปนั้น ถึงกับลืมตากว้าง
ชูชาไม่สามารถที่จะยับยั้งได้อีกต่อไป เธอถามโม่ชืออวิ้นอย่างโกรธเคืองว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน นี่เป็นพ่อของเธอใช่ไหม ถ้านี่เป็นพ่อของเธอ เธอมีท่าทีอะไรกับฉันกันแน่”
“ฉัน…” โม่ชืออวิ้นถึงกับร่างสั่นสะท้านเล็กน้อย เธอเพิ่งได้ประสบกับสถานการณ์น่าอายแบบนี้เป็นครั้งแรก ร่างกายของเธอแข็งทื่อไปตั้งแต่หัวจรดเท้า “ฉันไม่… ฉันเพียงแค่พูดว่าฉันไม่ได้โกรธเธอ…”
“เธอพูดว่าเธอไม่โกรธฉันงั้นเหรอ นั่นเธอหมายถึงว่า ฉันได้เข้าใจผิดคิดว่าคนที่อยู่บนเว็บไซต์นั้นเป็นพ่อของเธอไม่ใช่เหรอไง หรือก็คือเธอปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชายน่ารังเกียจในรูปนั้นไม่ใช่เหรอ”
ชูชานั้นไม่ได้โง่ ถึงแม้ว่าโม่ชืออวิ้นนั้นไม่ได้พูดอะไรก็ตามที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโม่ชืออวิ้นได้ยอมรับหรือปฏิเสธว่าการคาดเดาก่อนหน้านั้นของเธอผิดหรือไม่ผิด
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นั่นเป็นเพราะเธอคิดมากเกินไปเอง” โม่ชืออวิ้นอธิบาย
“ใช่ ใช่สิ ฉันคิดมากไปเอง คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆที่ว่ามีพ่อแบบไหนก็จะมีลูกเป็นแบบนั้น ในเมื่อพ่อของเธอเป็นคนเลวแบบนั้น เธอก็คงไม่ได้ดีไปกว่านั้นจริง”
ชูชาโกรธเนื่องมาจากโม่ชืออวิ้นนั้นพูดจาคลุมเคลือเมื่อกี้นี้ ทัศนคติของเธอยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมเพราะว่าเธอนั้นได้คิดว่าโม่ชืออวิ้นนั้นกับตระกูลเจี่ยนมีความสัมพันธ์ฉันมิตรกันมาเป็นระยะเวลานาน
ชูชารู้สึกเหมือนกับว่าเธอนั้นถูกโม่ชืออวิ้นหลอกมาเป็นเวลานาน
ชั่วโมงนี้เป็นคาบการเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อนร่วมห้องทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่ และการโต้เถียงระหว่างชูชากับโม่ชืออวิ้นนั้นได้ยินกันไปทั่วห้อง
โม่ชืออวิ้นนั้นรู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งร่างกายเมื่อทุกคนต่างพากันมองมาที่เธอ และเธอก็เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอับอายขายหน้าที่เธอไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน
ความภาคภูมิใจของเธอนั้นแตกสลายไปในพริบตานั้น
เธอถึงกับต้องการที่จะหันตัวกลับแล้ววิ่งหนีไปจากห้องเรียนนี้
###
ร้านอาหารตะวันตกชั้นสูงใจกลางเมืองเหิวเหย่วน
เจี่ยนหยุ่นเฉิงขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นจ๋ายหวินเชิ่งนั่งอยู่ด้านตรงกันข้าม
วันนี้เขาขอให้หยูซีออกมาพบ แต่คนที่มากลับเป็นจ๋ายหวินเชิ่ง
แม้ว่าจุดประสงค์ของการพบปะกับหยูซีครั้งนี้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับจ๋ายหวินเชิ่ง แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจ๋ายหวินเชิ่งจะมาพบกับเขาเป็นการส่วนตัว
ที่แตกต่างจากท่าทางเคร่งเครียดของเจี่ยนหยุ่นเฉิงก็คือ จ๋ายหวินเชิ่งนั้นมียิ้มที่มุมปาก ดวงตาของเขานั้นมีแววขี้เล่น
“คุณจ๋ายมีธุระอะไรกับผมเหรอ” เจี่ยนหยุ่นเฉิงมีกิริยาท่าทางสง่างามไม่ได้ด้อยไปกว่าจ๋ายหวินเชิ่ง
ในแง่ของอายุแล้ว เจี่ยนหยุ่นเฉิงนั้นมีอายุมากกว่าจ๋ายหวินเชิ่งถึงเก้าปี
เมื่อตอนที่จ๋ายหวินเชิ่งได้รับการเรียกขานว่าหนุ่มน้อยสุดหล่อ จ๋ายหวินเชิ่งยังไม่ได้เกิดเลย
“ผมได้ยินว่าตระกูลเจี่ยนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ดีที่สุดในเมืองเหิงเหย่วน ผมคิดว่าตระกูลเจี่ยนได้ทำทุกอย่างสะอาดหมดจด อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้คนข้างนอกดูแล้วหัวเราะเยาะเอาได้”
เมื่อนายท่านเชิ่งต้องการพูดอะไร เขาก็จะพูดออกมาแบบนั้น
จ๋ายหวินเชิ่งโยนถุงใส่กระดาษให้กับเจี่ยนหยุ่นเฉิง
เจี่ยนหยุ่นเฉิงขมวดคิ้ว หยิบถุงใส่กระดาษขึ้นมาเปิดดู และเมื่อเขาเห็นสิ่งที่อยู่ภายในนั้น ใบหน้าของเจี่ยนหยุ่นเฉิงก็มืดหม่นขึ้นมาในทันใด