เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 35
大姐大 บทที่ 35: ส่งเจี่ยนอีหลิงกลับไปยังบ้านเก่า
ไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่นายท่านจ๋ายจะมีความคิดเช่นนั้น จ๋ายหวินเชิ่งดูเหมือนจะเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาจะกลับบ้านเก่า*ได้ถ้าเขาไม่ระวัง
ผู้แปล * คงไม่สงสัยว่ากลับบ้านเก่าก็คือตายนะครับ ตามต้นฉบับใช้คำว่า กลับไปทางตะวันตก นะครับ
ตระกูลจ๋ายมีเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวเท่านั้น และหากว่าเขาเป็นอะไรไป ตระกูลใหญ่จ๋ายก็จบสิ้น
เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่นายท่านเชิ่งเล่นทุกอย่าง เพียงแต่ไม่เล่นผู้หญิงเท่านั้น
ในเรื่องนี้เขาก็สะอาดหมดจดเหมือนกระดาษขาวว่างเปล่าแผ่นหนึ่ง
ตามความเป็นจริงหากพูดถึงเรื่องอายุแต่เพียงอย่างเดียว นายท่านเชิ่งก็ยังต่ำกว่าเกณฑ์อายุที่ควรจะเร่งรัดให้แต่งงานอยู่ไม่น้อย
เป็นเรื่องปกติที่ยังไม่พูดถึงเรื่องผู้หญิง และหยูซีก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ด้วยตนเอง
แต่สถานการณ์นี้เป็นเรื่องพิเศษ
เมื่ออยู่ที่เป่ยจิง ตระกูลจ๋ายก็จะหาใครสักคนไปปรากฏตัวต่อหน้านายท่านเชิ่งด้วยวิธีการต่างๆ พยายามที่จะเรียกความสนใจจากนายท่านเชิ่ง
แต่นายท่านเชิ่งไม่แยแส
นายท่านจ๋ายถึงกับออกปากออกมาตรงๆว่า ตราบเท่าที่นายท่านเชิ่งสนใจ ไม่ว่าหญิงคนนั้นจะมีความเป็นมาอย่างไรล้วนไม่มีปัญหา ตราบเท่าที่เธอเป็นคนดี ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณี
“นายจัดการได้” จ๋ายหวินเชิ่งตอบพร้อมกับมองไปยังหยูซี
หยูซีดูท่าทางเศร้า เขารู้ว่าประโยคที่ว่า “นายจัดการได้” ไม่ได้หมายความว่าให้เขาจัดการกับเด็กสาว แต่หมายความให้เขาจัดการกับนายท่านจ๋าย
“นายท่านเชิ่ง ผมคิดว่าผมคงต้องตายในเงื้อมมือของปู่ของท่านไม่ช้าก็เร็วนี้” เขาไม่สามารถโกหกจ๋ายหวินเชิ่งได้ เขาได้แต่เพียงช่วยจ๋ายหวินเชิ่งหลอกนายท่านจ๋ายที่อยู่ไกลออกไปถึงเมืองหลวงเท่านั้น
###
เมื่อถึงตอนกลางคืนตอนที่เจี่ยนอีหลิงอยู่ในห้องทำงาน เจี่ยนชูฉิงกับเจี่ยนหยุ่นเฉิงได้มาหาเจี่ยนอีหลิงพร้อมกัน
เมื่อเธอมองเห็นคนทั้งคู่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน เจี่ยนอีหลิงก็รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
“เซี่ยวหลิง พ่อมีบางอย่างที่ต้องการที่จะพูดกับลูก” เจี่ยนชูฉิงขมวดคิ้วจนเป็นปม ตาของเขาไม่กล้ามองตรงไปยังเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงพยักหน้า สีหน้าของเธอจริงจังและสงบเยือกเย็น
“คือว่า… พี่สามของลูก… กำลังจะออกจากโรงพยาบาล…” เจี่ยนชูฉิงมีความมั่นใจและเด็ดขาดในบริษัท แต่เมื่อเผชิญหน้ากับลูกสาวตนเองเขากลับละล้าละลัง
“ให้ผมพูดเรื่องนี้เถอะ” เจี่ยนหยุ่นเฉิงกล่าวขัด “หยุ่นน่าวกำลังจะออกจากโรงพยาบาล แต่มือของเขายังไม่ดีขึ้น เรายังไม่สามารถหาคนที่จะทำการผ่าตัดให้กับเขาในช่วงเวลานี้ โรงพยาบาลแนะนำว่าเราควรกลับบ้านไปพักผ่อนก่อน เผื่อว่าจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น”
“แต่หยุ่นน่าวยังคงไม่ต้องการที่จะเห็นน้องในช่วงเวลานี้ พี่ได้ปรึกษากับพ่อและพวกเราต้องการที่จะส่งน้องไปอยู่กับปู่ย่าก่อนเป็นการชั่วคราวก่อนที่เขาจะยอมรับน้องได้อย่างเต็มที่ เราได้ติดต่อไปหาปู่ย่าแล้ว เธอจะตรงไปยังที่บ้านเก่าของพวกเราในวันพรุ่งนี้เมื่อตอนโรงเรียนเลิก ถ้าน้องมีอะไรที่ต้องการที่จะนำไป ให้เก็บของล่วงหน้าให้เสร็จในวันนี้ พี่จะเอาไปส่งให้น้องก่อนล่วงหน้าในวันพรุ่งนี้”
เจี่ยนหยุ่นเฉิงกล่าวจบ เขาก็รอให้เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ
ก่อนที่จะมาแจ้งให้กับเจี่ยนอีหลิง เจี่ยนชูฉิง เวินน่วน และเจี่ยนหยุ่นเฉิงได้ปรึกษากันพักหนึ่งแล้ว
พวกเขายังคาดหวังกันว่าเจี่ยนอีหลิงจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรง
เจี่ยนชูฉิงไม่กล้าที่จะมองตรงไปที่เจี่ยนอีหลิง ครั้งสุดท้ายที่ย่าเจี่ยนเสนอให้เจี่ยนอีหลิงมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเก่า เขาได้ปฏิเสธ เขาไม่คาดคิดว่าครั้งนี้เขาจะต้องส่งเธอไปที่นั่นด้วยเหตุผลนี้
“ตกลง” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับอย่างง่ายๆและชัดเจน
จากนั้นก็หันตัวไปเก็บข้าวของ
เจี่ยนชูฉิงและเจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอีหลิงจะมีปฏิกิริยาแบบนี้
พวกเขายังกระทั่งคาดคิดว่าเจี่ยนอีหลิงอาจจะร้องไห้
พวกเขาคาดคิดผลลัพธ์ทั้งหมดที่เป็นไปได้ สิ่งเดียวที่ไม่ได้คาดคิดก็คือเธอจะยอมรับการจัดการของพวกเขาอย่างเงียบๆ
มองดูเจี่ยนอีหลิงที่เงียบสงบและเชื่อฟัง มองไปยังร่างเพรียวบางของเธอ
หัวใจของพ่อและลูกชายรู้สึกเหมือนกับถูกทุบด้วยค้อน
“เซี่ยว เซี่ยวหลิง… ลูก บอกพ่อว่าลูกต้องการอะไร พ่อ…” เจี่ยนชูฉิงพยายามที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาใจเจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงส่ายหน้า ใบหน้าเล็กๆของเธอนั้นนุ่มนวลและสงบเงียบ