เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 37
大姐大 บทที่ 37: พบพาน
เขตหมู่บ้านบ้านชาน อำเภอต้งเฉิง เมืองเหิงเหย่วน
มีเพียงอาคารสองหลังเท่านั้นที่อยู่บริเวณนี้ ทั้งสองหลังมีการออกแบบที่ดูภูมิฐานและคลาสสิค บ้านหนึ่งเป็นของตระกูลหยู และอีกบ้านเป็นของตระกูลเจี่ยน
ทั้งสองตระกูลนี้เป็นสองตระกูลที่ยิ่งใหญ่และโดดเด่นที่สุดในเมืองเหิงเหยิ่วน ทั้งคู่ต่างมีประวัติความเป็นมายาวนาน
ในเวลานี้ได้เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยบนถนนหน้าบ้านสองหลังนี้ เมื่อรถคันหนึ่งชนท้ายรถอีกคันหนึ่ง
ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่ว่าเกิดการกีดขวางการจราจรไม่สามารถสัญจรได้
ย่าเจี่ยนและเจี่ยนอีหลิงซึ่งกำลังกลับบ้านถูกกีดขวางอยู่กลางถนน
เมื่อเห็นว่ามีระยะห่างจากประตูบ้านไม่มากนัก ย่าเจี่ยนจึงพาเจี่ยนอีหลิงลงจากรถและเดินกลับบ้าน
เมื่อเจี่ยนอีหลิงเดินผ่านบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ เธอก็เห็นรถสปอร์ตสองคันชนกัน
คันที่อยู่ด้านหลังเป็นสีแดงแสบตา ส่วนคันที่อยู่ด้านหน้าเป็นสีเขียวที่แสบตามากกว่า
คนขับรถสปอร์ตสีเขียวกำลังยืนพิงหน้าต่างในเวลานั้น การเคลื่อนไหวของเขาดูผ่อนคลายและเกียจคร้าน
ในการเหลือบมองครั้งแรกเธอไม่เห็นใบหน้าของชายคนนั้น เธอเพียงแค่คิดว่าชายคนนั้นผอมและสมส่วน
เสื้อผ้าของเขาสวมใส่อย่างไม่ใส่ใจดีนัก เสื้อเชิร์ตก็ไม่ได้กลัดกระดุมหลายเม็ด
ไม่รู้ว่าเขาสังเกตเห็นการจับจ้องของเจี่ยนอีหลิงได้อย่างไร ชายคนนั้นพลันหันหน้าและสบสายตากับเจี่ยนอีหลิง
เป็นเขา
เจี่ยนอีหลิงจำชายคนนั้นได้ภายในพริบตา เขาเป็นคนที่หิวโหยที่อยู่ตรงระเบียงของโรงพยาบาลในวันนั้น
เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งเห็นเจี่ยนอีหลิง มุมปากของเขาก็พลันยกขึ้น
แน่นอนว่าเขาก็จำเจี่ยนอีหลิงได้เหมือนกัน
เจี่ยนอีหลิงรีบดึงสายตาของเธอกลับ
หยูซีเดินเข้าไปหาและก็พบว่าจ๋ายหวินเชิ่งกำลังมองด้วยความหลงไหลอะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงมองตามสายตาของจ๋ายหวินเชิ่ง
ย่าเจี่ยนกับเจี่ยนอีหลิงไม่ใช่หรือไง
คนชรากับเด็ก นายท่านเชิ่งจ้องมองพวกเขาไปเพื่ออะไรกัน
เมื่อย่าเจี่ยนกับเจี่ยนอีหลิงเข้าไปในประตูบ้านตระกูลเจี่ยน จ๋ายหวินเชิ่งก็ยังคงไม่ดึงสายตากลับ
หยูซีอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง “ย่าเจี่ยนกับคุณหนูเจี่ยนมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“คุณหนูเจี่ยนเหรอ” จ๋ายหวินเชิ่งเลิกคิ้วแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย
“ช่าย เจี่ยนอีหลิง เด็กหญิงคนเดียวในตระกูลเจี่ยน ท่านไม่รู้อะไร รุ่นที่สามของตระกูลเจี่ยนมีผู้ชายแปดคน แต่คนสุดท้องเป็นเด็กหญิง ทั้งตระกูลเอาใจเธอ ย่าเจี่ยนกลัวสูญเสียเธอมากที่สุด”
ในฐานะเพื่อนบ้านใกล้เคียง หยูซีจึงมีความเข้าใจในตระกูลเจี่ยนอยู่บ้าง
“ไปเยี่ยมผู้เฒ่าตระกูลเจี่ยนกัน” จ๋ายหวินเชิ่งพลันกล่าวขึ้น
“อะไรนะ” หยูซีงงงัน ไปเยี่ยมผู้เฒ่าตระกูลเจี่ยนกันงั้นเหรอ
นายท่านเชิ่งพูดว่าเขาจะไปเยี่ยมผู้เฒ่าของตระกูลเจี่ยน
หยูซีสงสัยว่าตนเองหูฝาดไปหรือเปล่า
เมื่อเห็นว่าจ๋ายหวินเชิ่งกำลังจะมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านตระกูลเจี่ยน หยูซีจึงรีบดึงจ๋ายหวินเชิ่งไว้ “นายท่านเชิ่ง ท่านยังคงต้องรอให้ตำรวจมาก่อน”
หยูซีชี้ไปยังจุดที่เกิดอุบัติเหตุ เมื่อตอนที่นายท่านเชิ่งกำลังขับรถ เขาก็ถูกรถอีกคันชนเข้าที่ด้านหลัง และอีกฝ่ายก็ได้โทรเรียกหาตำรวจ ซึ่งตอนนี้พวกเขาก็กำลังรอให้ตำรวจจราจรมา
รถเป็นของหยูซี แต่คนที่ขับรถเป็นจ๋ายหวินเชิ่ง
จ๋ายหวินเชิ่งมองกลับไปยังคนขับรถคันข้างหลังเขา
สายตาของเขาน่ากลัวจนอีกฝ่ายสั่นสะท้านด้วยความกลัว
คนขับรถคันด้านหลังเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ มีรอยสักที่ต้นแขน เขาดูท่าทางจะเป็นคนดุร้าย แต่ตอนนี้เห็นชัดว่าเขากำลังกลัว
ชายคนนี้เป็นลูกชายคนเดียวของผู้อำนวยการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเมืองเหิงเหย่วนและก็มีอิทธิพลในเมืองเหิงเหย่วนอยู่บ้าง
หลังจากที่ชนท้าย เขาก็คิดจะอาศัยอิทธิพลของตระกูล เขาได้ตัดหน้านายท่านเชิ่งโทรเรียกหาตำรวจด้วยตนเอง
ผลลัพธ์ดูเหมือนว่าเขาจะชนเข้ากับปังตอ และดูเหมือนจะเป็นปังตอขนาดยักษ์
หลังจากที่รู้ว่าคนขับรถเป็นจ๋ายหวินเชิ่ง เขาก็กลัวขึ้นมาทันที เสียใจที่ตนเองโทรเรียกหาตำรวจ
เขาต้องการจัดการเรื่องนี้ให้เป็นส่วนตัว
เขายอมเสียเงินชดเชยจำนวนมาก
เขาไม่กล้าหน่วงเหนี่ยวนายท่านเชิ่งไว้แม้แต่นิดเดียว