เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 413-414
บทที่ 413 ชื่อที่บันทึกไว้
เมื่อเจี่ยนอีหลิงเดินออกจากงาน โทรศัพท์เธอก็ได้รับข้อความจากบุคคลที่มีชื่อบันทึกว่า [บอสสาวสวย]
[Dr.FS ฉันทําทุกอย่างที่เธอขอให้ทําแล้ว ฉันค้นหาข้อมูลที่เธอต้องการและส่งไปให้แล้ว]
เมื่อไม่กี่วันก่อนเจี่ยนอีหลิงได้ขอให้บุคคลนี้ช่วยเธอค้นหาข้อมูล
[ขอบคุณ]
[ด้วยความยินดี ติดต่อฉันได้เลยหากเธอต้องการอะไร นอกจากนี้ ฉันอยากจะบอกเธออะไรบางอย่าง เธอจําไม่ขออวนได้ไหม นางก็คือเด็กหญิงที่ขัดแย้งกับเธอครั้งที่แล้ว นางกําลังจะแสดงในภาพยนตร์เรื่องใหญ่ มีคนลงทุนเงินจํานวนมหาศาลในภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันพบว่านักลงทุนที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเหอเยี่ยน ถ้าจําไม่ผิด เหอเยี่ยนเป็นอาหญิงรองของเธอไม่ใช่เหรอ สามสิบปีที่แล้ว นางแต่งงานกับอารองของเธอ ตอนนั้นสื่อประโคมข่าวใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้]
คนหนุ่มสาวน้อยมากที่รู้เกี่ยวกับเหอเยี่ยนในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในสมัยก่อน เหอเยี่ยนได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
[อื้อ]
[อา ฉันน่าจะเดาได้ว่าเธอไม่สนใจเรื่องนี้หรอก ฉันแค่รู้สึกเศร้านิดหน่อย อย่างไรก็ตาม เธอดูหล่อมากตอนที่เธอเข้าร่วมการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ ฉันรักเธอเหลือเกิน]
เจี่ยนอีหลิงไม่สนใจข้อความล่าสุดที่อีกฝ่ายส่งโดยอัตโนมัติ เธอคลิกที่ข้อมูลที่อีกฝ่ายส่งถึงเธอแทน
เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเจี่ยนหยู่โป๋
เจี่ยนอีหลิงต้องการหาแรงจูงใจและจุดประสงค์ของเจี่ยนหยู่โป๋ ถ้าเธอรู้สองสิ่งนี้ เธอก็จะสามารถหาวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการแก้ปัญหาปัจจุบันได้
มาถึงตอนนี้ เจี่ยนอีหลิงก็รู้ว่าเจี่ยนหยู่โป๋ได้ทําอะไรไปบ้างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอเคยได้ยินเรื่องนี้จากจ๋ายหวินเชิ่ง
เจี่ยนหยู่โป๋มีธุรกิจเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แม้ว่ามันจะยังไม่สามารถเทียบได้กับธุรกิจของตระกูลเจี่ยน แต่ด้วยความสามารถของเขา ยังมีที่ว่างสําหรับเขาที่จะขยายธุรกิจออกไปได้อีกในอนาคต
ข้อมูลนี้ก็สนับสนุนเนื้อหาในฝันเธอด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตามเนื้อเรื่องเดิม ตระกูลเจี่ยนไม่ได้ส่งต่อธุรกิจของตนไปยังเจี่ยนหยู่โป๋ในปีที่เจี่ยนอีหลิงอายุครบ 15 ปี
ตามเนื้อเรื่องเดิมนั้นไม่ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆในการเป็นเจ้าของธุรกิจและทรัพย์สินของตระกูลเจี่ยน อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของโม่ชืออวิ้น เธอได้กล่าวสั้นๆว่า เจี่ยนหยุ่นเฉิงได้ เป็นผู้จัดการธุรกิจของตระกูลเจี่ยน
เมื่อเจี่ยนอีหลิงวางโทรศัพท์ หยูซีซึ่งอยู่ข้างๆเธอ ได้เห็นชื่อที่บันทึกไว้แวบหนึ่ง
ดังนั้นหยูซีจึงถามเจี่ยนอีหลิงด้วยความสงสัย “เทพหลิง น้องบันทึกชื่อพี่ว่าอะไร”
เจี่ยนอีหลิงเปิดรายชื่อผู้ติดต่อและให้หยูซีดูด้วยตนเอง
หยูซีเห็นห้าคํา[หัวหน้าแก๊งสุดยอดมือปืน]
เมื่อเห็นสิ่งนี้หยูซีเกือบจะร้องไห้ “เทพหลิง พี่เปลี่ยนชื่อในเกมไปนานแล้ว โปรดเปลี่ยนชื่อที่บันทึกไว้ของพี่ด้วย เปลี่ยนเป็นพี่หยูซี หรือพี่ซี หรือพี่ชายอาศัยอยู่ข้างบ้านก็ยังดี ชื่อพวกนี้ดีกว่าชื่อนั้นมาก”
เจี่ยนหยู่เจี๋ยที่อยู่ข้างๆก็เยาะเย้ยหยูซีอย่างไร้ความปราณี “ทําไมนายถึงต้องเลือกชื่อนี้ตั้งแต่ แรก ฟังดูง่เง่าชะมัด”
หยูซีซึ่งถูกเจี่ยนหยู่เจี๋ยเยาะเย้ย เหลือบมองไปยังรายชื่อผู้ติดต่อของเจี่ยนอีหลิงอีกครั้ง เขาต้อ งการดูบันทึกชื่อของเจี่ยนหยู่เงี้ย
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกผิดหวังที่พบว่าบันทึกชื่อของเจี่ยนหยู่เจี๋ยคือ [พี่ชายหยู่เจี๋ย]
ฮึ่ม นั่นเป็นสิ่งที่ไม่สบอารมณ์อย่างมาก
จากนั้นหยูซีก็ถามเจี่ยนอีหลิงว่า “เทพหลิงซื้อที่บันทึกไว้ของนายท่านเชิ่งคืออะไร”
เจี่ยนอีหลิงชี้นิ้วไปที่ชื่อหนึ่ง
หยูซีเหลือบมองไปทางที่เจี่ยนอีหลิงชี้ไป เขาเห็นคําสามคํา[ตะวันเยอะมาก*]
หยูซีงุนงงมากเหลือเกิน “เทพหลิง ทําไมชื่อของนายทุนเพิ่งถึงมีดวงอาทิตย์มากมายนัก”
จ๋ายหวินเชิ่งได้ฟังการสนทนาของพวกเขาแล้ว มุมปากเขาก็ยกขึ้นและมีรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา “โอ เธอกําลังล้อเลียนชื่อฉันเหรอ”
เจี่ยนหยู่เจี๋ยแค่นเสียงก่อนจะเบียดแทรกจ๋ายหวินเชิ่ง เขาถึงเจี่ยนอีหลิงออกห่างแล้วพูดว่า “อีหลิงไปกินข้าวกันเถอะ”
เมื่อเขาเห็นจ๋ายหวินเชิ่งยิ้มอย่างชั่วร้ายให้น้องสาว เจี่ยนหยู่เจี๋ยก็รู้สึกอึดอัดอย่างมาก
นอกจากเล่นเกมด้วยกันแล้ว เจี่ยนอีหลิงไม่จําเป็นต้องใช้เวลากับคนแบบนี้มากนัก ไม่จําเป็นต้องทําแบบนั้น
หยูซียังคงงงกับชื่อที่บันทึกไว้ของนายท่านเชิ่ง “เดี๋ยวก่อน นายท่านเข้าใจชื่อที่บันทึกไว้ของตัวเองแล้วเหรอ ผมเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่อง ผมยังอยู่ในหน้าเดียวกับพวกนายหรือเปล่า”
บทที่ 414 ทรัพย์สินของเหอเยี่ยนถูกใช้เป็นหลักประกัน 1
กลับมาถึงโรงแรม ทุกคนที่เข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน พรุ่งนี้มีแมตช์กับอีกทีม
เมื่อจ๋ายหวินเชิ่งกลับมาที่ห้อง บอดี้การ์ดก็รายงานว่า
“นายท่านเชิ่ง เมื่อเร็วๆนี้มีกลุ่มคนจากองค์กรระหว่างประเทศมาถึงเมืองถงไห่ พวกเขามาถึง เวลาใกล้เคียงกับพวกเรา ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่ในเมืองเหิงหยวนเหมือนกัน ถ้าย้อนกลับไปในตอนนั้น พวกเราคิดว่าเหตุการณ์พวกนี้เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่ว่าตอนนี้พวกเขาตามเรามาจนถึงเมืองถงไห่แล้ว ไม่ยากเลยที่จะสงสัยว่าพวกนั้นกําลังตามท่านมา”
ตระกูลจ๋ายได้สร้างศัตรูมากมาย ดังนั้นจึงมีคนจํานวนมากที่ต้องการต่อต้านตระกูลจ๋าย
จ๋ายหวินเชิ่งไม่ลืมตาขึ้นด้วยซ้ำ เขาไม่ตอบสนองต่อคําพูดนี้
อันที่จริงเขาไม่ได้ใส่ใจแม้แต่จะพูดสักคํา
สิ่งนี้เคยเกิดขึ้นกับเขาหลายครั้งในอดีต
เขาไม่แยแสกับเรื่องแบบนี้มาโดยตลอด ถ้ามีคนต้องการจะหาเรื่องเขาก็ทําไปสิ
อันที่จริงแล้วบอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเชิ่งก็คุ้นเคยกับปฏิกิริยาที่ไม่แยแสของเขาเช่นกัน
แม้ว่าจ๋ายหวินเชิ่งจะไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ แต่ในฐานะบอดี้การ์ด พวกเขาต้องตื่นตัวต่อสิ่งเหล่านี้ พวกเขาได้แจ้งนายท่านรองของตระกูลจ๋ายแล้ว
ทันทีที่เขาได้ยินเรื่องนี้ นายท่านรองของตระกูลจ๋ายก็ได้ระดมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้มาที่เมืองถงไห่เพิ่มเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเหอเยี่ยนเปิดโทรทัศน์ เธอก็พบว่าตัวเธอกลายเป็นนักลงทุนที่อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ที่โม่ชืออวิ้นนําแสดง
ตามความเป็นจริงเธอได้ลงทุนถึง 200 ล้านดอลลาร์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ส่วนหนึ่งของเงินนั้นถึงกับถูกยืมมาจากธนาคารด้วยซ้ำไป
เธอใช้บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่และหุ้นทั้งหมดของเธอในธุรกิจตระกูลเจี่ยนเป็นหลักประกัน
เหอเยี่ยนตกตะลึง
เธอได้มอบทรัพย์สินของตนเองให้กับเจี่ยนหยู่โป๋เพื่อจัดการ เธอต้องการให้เขาช่วยหาเงิน
การลงทุนในภาพยนตร์เป็นวิธีที่ดีในการทําเงิน อย่างไรก็ตาม มันเสี่ยงเกินไปที่จะทําเช่นนี้ ถ้าเธอไม่ระวังเธออาจสูญเสียเงินทั้งหมด
เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเสียเงินในภาพยนตร์ที่มีต้นทุนการผลิตสูง หนึ่งในนั้นก็คือจะต้องจ่ายเงินเดือนจํานวนมากให้กับนักแสดง
สิ่งที่ทําให้เหอเยียนไม่สบายใจก็ซื้อสคริปต์ของภาพยนตร์และนักแสดงที่ตั้งใจจะแสดงในภาพยนตร์
บทภาพยนตร์เรื่องนี้มีพื้นฐานมาจากสมัยสงครามโบราณ มีฉากที่กองทัพทั้งสองกําลังทําสงคราม ซึ่งหมายความว่าต้องมีคนหลายร้อยหลายพันคนอยู่ในกองถ่าย
นอกจากนี้ นักแสดงทุกคนต้องการเงินเดือนสูง พวกเขาเป็นคนดังที่ได้รับความนิยมเพราะอิทธิพลของอินเทอร์เน็ตล้วนๆ
อันที่จริง ต้นทุนการผลิตส่วนใหญ่ใช้ไปกับเงินเดือนของนักแสดง
เหอเยี่ยนซึ่งเคยเป็นนักแสดงรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอรู้สึกว่าบทของภาพยนตร์ และรายชื่อนักแสดงพึ่งพาไม่ได้อย่างมาก
ยิ่งเธอคิดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดังนั้นเหอเยี่ยนจึงไปยังโรงแรมที่เจี่ยนหยู่โป๋พักอยู่
เธอต้องการพบเขา แต่ทว่า เธอถูกหยุดไว้ตรงประตู
“พวกนายกําลังทําอะไร ฉันคือแม่ของเขา”
เหอเยี่ยนกําลังรีบอยู่แล้ว เธอยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อถูกรปภ. สองสามคนที่ถูกจ้างมาหยุดเธอเอาไว้ พวกเขาไม่มีความสามารถในการตัดสินความถูกผิดเหรอ
เธอมาเยี่ยมลูกชายตัวเอง แต่กลับมีคนกล้าห้ามเธอเข้าห้อง
“ผมขอโทษคุณผู้หญิง บอสของเราแจ้งว่าเขาไม่รับแขก”
“เขาไม่รับแขกแต่ฉันไม่ใช่แขก พวกนายบอกความแตกต่างไม่ได้งั้นเหรอ” เหอเยี่ยนร้องออกมา
ทําไมเจี่ยนหยู่โป๋ถึงข้าง รปภ. แบบนี้
รปภ.ยังคงยืนอยู่ตรงที่เขายืนอยู่ เขายังคงปิดกั้นทางเข้าออก เขาไม่มีความตั้งใจจะขยับออกไปให้พ้นทาง
และด้วยเหตุนี้ เหอเยี่ยนจึงหยิบมือถือออกมาแล้วโทรไปที่เบอร์ของเจี่ยนหยู่โป๋
ไม่มีใครรับสายนานพอสมควร
ระดับความโกรธของเหอเยี่ยนพุ่งสูงขึ้น
เหอเยียนเดินตรงไปหาพนักงานต้อนรับของโรงแรม เธอขอให้พวกเขาเปิดประตูให้เธอ
อย่างไรก็ตามพนักงานต้อนรับของโรงแรมบอกกับเธอว่า พวกเขาต้องเคารพความต้องการของแขก แม้แต่แม่ของแขกก็ไม่มีสิทธิ์ขอให้เปิดประตู
เมื่อเหอเยี่ยนกําลังจะลองทุบประตูให้เปิด สุดท้ายประตูก็เปิดออก
ทันทีที่ประตูเปิด เหอเยี่ยนก็พุ่งเข้าไป คราวนี้เธอหอบด้วยความโกรธ
จากนั้นเธอก็เห็นเจี่ยนหยู่โป๋ เขานั่งอยู่ข้างหน้าต่างฝรั่งเศส
เจี่ยนหยู่โป๋สวมชุดลําลอง ใบหน้าเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ และทั้งร่างเขามีรัศมีแห่งความไม่แยแสและไม่ใส่ใจ
ตรงหน้าเขาเป็นกระดานโกะ ชิ้นส่วนขาวดําจํานวนมากถูกวางไว้บนกระดานเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนเดียวที่เล่นอยู่
การปรากฏตัวของเหอเยี่ยนไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขา เขาไม่แม้จะเงยหน้ามองเหอเยี่ยน