เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 419-420
เผิงเจี๋ยเพิกเฉยต่อคําแนะนําของเพื่อนร่วมทีม เขายังคงเยาะเย้ยทีมเจี่ยนอีหลิง “เราไม่รู้ว่าใครจะชนะหรือแพ้ในเกมวันพรุ่งนี้ แต่ว่าอินเทอร์เน็ตก็ได้บอกว่าเราจะแพ้อย่างแน่นอน เชี่ย ดีเหลือเกินที่มีเงิน ใช้เงินไปกับเรื่องพวกนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
เผิงเจี๋ยได้ทะเลาะกับหยูซีเมื่อวานนี้ ทุกคนอยู่ที่นั่นเมื่อตอนที่พวกเขาโต้เถียงกัน
เขาไม่อยากยอมรับว่าตนเองผิด ดังนั้นนี่หมายความว่าเขาต้องหาความผิดของสมาชิกของ [จอมอหังการ] ให้ได้
ถ้าเขาไม่ทําแบบนั้น มันก็จะกลายเป็นความผิดเขา
คําพูดของเผิงเจี๋ยทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับสมาชิก [จอมอหังการ] หาว่าใช้เงินเพื่อสร้างชื่อเสียง
ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่มีใครสนใจเขาอยู่แล้ว เผิงเจี๋ยบ่นอยู่พักหนึ่ง เขาไม่ได้เอ่ยถึงชื่อใคร แต่ใครก็ตามที่เข้าใจภาษาจีนก็จะรู้ว่าเขากําลังกล่าวหาสมาชิกทั้งสี่ของ [จอมอหังการ]
เขาพูดอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นจ๋ายหวินเซิ่งก็พูดขึ้นมา
“นายเสียงดังเกินไป ทําให้หัวใจฉันเจ็บปวด
มีคนไม่มากที่ตอบสนองต่อความคิดเห็นดังกล่าว แต่ทว่าฉินหยูฝานส่ายหน้าและหัวเราะออกมาเบาๆ เธอมองเผิงเจี๋ยอย่างสนุกสนาน มีบางอย่างกําลังจะตกลงมาอย่างแน่นอน
นี่เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอีหลิงเคยได้ยินจ๋ายหวินเซิ่งพูดแบบนี้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้พูดคําเหล่านั้นบ่อยๆ แต่ทว่าก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสมากนักที่จะพูดมันออกมา
ใครที่มีสมองย่อมไม่ล่วงเกินจ๋ายหวินเซิ่ง
สมาชิกของ [พึ่งพาผู้อื่น] คนนี้เห็นชัดว่าไร้มันสมอง เขาถือจ๋ายหวินเซิ่งเป็นคนธรรมดา
เขารู้เพียงว่า คนสี่คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะถัดไปล้วนมาจากตระกูลที่ดี
แต่ทว่า เขาไม่รู้ว่าตระกูลของคนเหล่านี้แข็งแกร่งแค่ไหน เขาไม่รู้ว่าจ๋ายหวินเซิ่งเป็นคนแบบไหนอีกด้วย
ทันทีที่จ๋ายหวินเซิ่งพูดแบบนี้ บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ข้างสนามอย่างเงียบๆ ก็ลงมือ
พวกเขาเข้าไปล้อมสมาชิกทั้งสี่ของ [พึ่งพาผู้อื่น]
เมื่อเผิงเจี๋ยเห็นเช่นนี้ เขาก็ตื่นตระหนก แต่ว่าเขาก็ยังลังเลที่จะยอมรับความผิดพลาด “นายกําลังทําอะไร นายจะเล่นสกปรกเหรอ นายจะถูกตัดสิทธิ์ ถ้านายทําให้เกิดการต่อสู้ ฉันจะเปิดเผยพฤติกรรมไร้ยางอายของนายบนอินเทอร์เน็ต มาดูกันว่ายังจะมีคนวางแผนที่จะเป็นแฟนของพวกนายอีกไหม”
เมื่อเผิงเจี๋ยหยิบโทรศัพท์ออกมา เขากลับไม่สามารถปลดล็อกได้ เขาไม่สามารถคลิกหรือเปิดอะไรได้เลย ซึ่งหมายความว่าเขาไม่สามารถถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอใดๆได้
“หือทําไมโทรศัพท์ของฉันไม่ทํางาน”
เมื่อเพื่อนร่วมทีมเห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็มองไปที่โทรศัพท์ของพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน พวกเขาก็ตระหนักว่า พวกเขาไม่สามารถทําอะไรบนโทรศัพท์ของตนเองได้เช่นเดียวกัน
เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบอดี้การ์ดที่ล้อมรอบตัวพวกเขา
โทรศัพท์ของพวกเขาก็ยังปกติที่ก่อนหน้านี้ แต่ทว่าหลังจากที่บอดี้การ์ดล้อมพวกเขาไว้ โทรศัพท์ของพวกเขาก็หยุดทํางานกะทันหัน
เผิงเจี๋ยสันนิษฐานว่าบอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเซิ่งวางแผนที่จะใช้กําปั้น นั่นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการจัดการกับใครซักคนไม่ใช่หรือไง คงจะใช้หมัดต่อยพวกเขาลงไปนอนกับพื้นเป็นแน่
แต่ทว่า เผิงเจี๋ยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจ๋ายหวินเซิ่งและตระกูลจ๋าย ความคิดของเขาเรียบง่ายเกิน
ตระกูลจ๋ายไม่เคยใช้ความรุนแรงหากต้องการจัดการกับใครสักคน
หลังจากนั้นไม่นาน โทรศัพท์ของพวกเขาก็เริ่มทํางานอีกครั้ง เผิงเจี๋ยได้รับโทรศัพท์ จากครอบครัว
การโทรครั้งนี้ทําให้เลือกทั้งหมดจากใบหน้าของเผิงเจี๋ยหายไปจนหมดสิ้น
เขาลุกขึ้นด้วยความงุนงงและจ้องมองไปที่จ๋ายหวินเซิ่ง
เขารู้ว่าบอดี้การ์ดทั้งหมดอยู่ภายใต้คําสั่งของชายคนนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ว่าชายคนนี้เป็นคนที่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
เผิงเจี๋ยมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง
เขาพูดเพียงไม่กี่คํา แต่ว่าคนๆนี้ก็ได้ทําให้พ่อ แม่ และพี่สาวของเขาตกงาน
เผิงเจี๋ยกําลังจะมุ่งหน้าตรงไปทางจ๋ายหวินเซิ่ง
แต่เมื่อเขาก้าวไปหนึ่งก้าว เส้นทางของเขากถูกบอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเซิ่งขวางไว้
จ๋ายหวินเซิ่งกําลังรับประทานอยู่ เขาเหลือบมองเผิงเจี๋ยและพูดว่า “ถ้านายชนะการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ ฉันจะทําทุกอย่างให้เป็นปกติ แต่ถ้าแพ้ก็ลืมทุกอย่างไปได้เลย”
บทที่ 420 ให้สิ่งจูงใจแก่นายในการชนะ
“นาย… ทําไมนายถึงทําแบบนี้”
เผิงเจี๋ยไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เมื่อเขาบ่นว่าทีมอื่น
ในมุมมองเขาอย่างมากที่สุด เขาก็คงจะทะเลาะกับคนอื่น
ดังนั้น เผิงเจี๋ยจึงไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
เขามั่นใจว่าอีกคนจะไม่สู้กับเขา การต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นหมายความว่าคนนั้นจะถูกตัดสิทธิ์
แต่ว่าคนผู้นี้ไม่ได้เล่นตามกฎ
เพียงเพราะเขาพูดคําไม่กี่คําที่ทําให้เขาไม่พอใจ จ๋ายหวินเซิ่งก็แค่เพียงทําลายครอบครัวเขาอย่างไร้ความปราณี
“ฉันเห็นว่าจิตใจของนายไม่ได้อยู่ที่เกมเลยแม้แต่น้อย ฉันก็แค่ให้แรงจูงใจแก่นายในการชนะ นี่อาจช่วยให้นายจดจ่อกับเกมได้”
เมื่อจ๋ายหวินเซิ่งพูดจบ เขาก็ตระหนักว่าเนื้อแกะที่อยู่ตรงหน้าเขาถูกมือเล็กๆคู่หนึ่งแย่งไป
เขาเพียงแค่คุยกับใครบางคน
“เธอช่วยเหลือให้ฉันสักชิ้นไม่ได้หรือไง” จ๋ายหวินเซิ่งขมวดคิ้ว
จากนั้นเจี่ยนอีหลิงก็เอาจานผักมาวางตรงหน้าจ๋ายหวินเซิ่ง
แต่ว่า ที่จ๋ายหวินเซิ่งไม่พอใจกับสิ่งนี้ก็เพราะเจี่ยนอีหลิงยังไม่ได้ปรุงผักเหล่านี้
หลังจากที่เขามองดูใบหน้าที่จริงจังของเจี่ยนอีหลิง เขาก็ยอมแพ้ในที่สุด
อาาา ผักก็ได้…
แม้ว่าเจียนอี่หลิงจะไม่ได้เข้าไปในวงการบันเทิง แต่เธอก็ยังมีชื่อเสียง อันที่จริงเธอถึงกับตามทันกับนักแสดงหน้าใหม่ยอดนิยม โม่ซืออวิ้น
ในวันที่สองของการแข่งขัน ความนิยมของทีม [จอมอหังการ] เพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าเมื่อเทียบกับวันแรก
ป้ายสนับสนุนสําหรับทีมของพวกเขาก็พร้อมเช่นกัน ป้ายเหล่านี้สามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งสถานที่จัดงาน
อันที่จริงยังมีป้ายสนับสนุนของแต่ละคนสําหรับผู้เล่นทั้งสี่ด้วย
เจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเซิ่งมีป้ายส่วนตัวมากที่สุด
ไม่ว่าอย่างไร นี่ไม่นับว่าน่าแปลกใจเลย เจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเซิ่งมีข้อได้เปรียบทั้งในด้านรูปร่างหน้าตาและทักษะ
การแข่งขันวันนี้เป็นการแข่งขันระหว่าง [จอมอหังการ] และ [พึ่งพาผู้อื่น] เป็นการต่อสู้ภายในระหว่างสองทีมในประเทศ
การแข่งขันเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนกลยุทธ์จากเมื่อวาน จ๋ายหวินเซิ่งและเจี่ยนอีหลิงขยับเข้าหากันตั้งแต่เริ่มต้น
ครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การฆ่า Zergs
ดูเหมือนทั้งสองคนกําลังเดินเล่นกันอยู่
ผู้เล่นสองคนที่เหลือของทีมยังคงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะฆ่า Zergs
การกระทําของเจี่ยนอิหลิงและจ๋ายหวินเซิ่งทําให้ผู้ชมและผู้ชมรู้สึกสับสนเหลือเกิน
แรก
[หือ เกิดอะไรขึ้น ทําไมวันนี้ J10 และ ZYS มีการกระทําที่ต่างออกไป]
[ใช่ นี่แปลกมาก ทําไมพวกเขาไม่ฆ่า Zergs ดูเหมือนว่าพวกเขากําลังเดินเล่นไปรอบๆ และไม่ทําอะไรเลย นั้นมีความหมายอะไร]
[นี่เป็นกลยุทธ์ใหม่เหรอ ฉันงงเหลือเกิน]
ต่อจากนั้น พวกต่อต้านบางคนก็เริ่มแสดงความคิดเห็นในแง่ลบอีกครั้ง
[บางที นี่อาจเป็นวิธีที่พวกเขาเล่นตั้งแต่แรก]
[ถ้าไม่เล่นจริงจัง จะเล่นทัวร์นาเมนต์ไปเพื่ออะไร]
[พวกเขาทําบ้าอะไรกัน ฉันมาที่นี่เพื่อดูเกม อยากดูฝีมือ ฉันไม่สนใจจะดูทั้งสองคนพากันเดินเล่นเฉยๆ]
[ชิ นี่คือผู้เล่นที่พวกนายยกย่องไม่ใช่เหรอ นี่เป็นเรื่องตลกโดยสิ้นเชิง ตาฉันจะบอดจากการดูพวกนี้]
[เมื่อไหร่พวกเขาจะเล่นเกมสักที]
พวกต่อต้านใช้ทุกโอกาสในการแสดงความคิดเห็น เพื่อที่จะแสดงความเกลียดชังออกมา
ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นก็ตามหลังจากนั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าใครที่นั่งอยู่หลังจอคอมพิวเตอร์
พวกเขาจะพิมพ์สิ่งเหล่านี้ต่อไปเมื่อมีโอกาสในอนาคต
เจี่ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเซิ่งเดินบนขอบแผนที่ พวกเขาวนเข้าไปในอาณาเขตของฝ่ายตรงข้าม
ในขอบเขตการแข่งขัน ทั้งสองทีมถูกนําไปยังจุดตรงข้ามของแผนที่ที่สมมาตร โดยปกติ ทั้งสองทีมจะสามารถพบกันได้ในช่วงครึ่งหลังของการแข่งขันเท่านั้น