เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 445-446
AEC บทที่ 445 นายท่านเพิ่งเข้าช่วยเหลือ 3
“ ปล่อยเธอไป” จ๋ายหวินเซิ่งพูดกับชายวัยกลางคนและลูกน้องของเขา
แต่ทว่าเสียงเขาไม่มีพลังมากเหมือนปกติ
นี่ทําให้เจี่ยนอีหลิงมั่นใจยิ่งขึ้นไปว่าสุขภาพเขาย่ําแย่แล้ว
มันอันตรายมากสําหรับเขาในการเป็นแบบนี้ สภาพร่างกายเขาไม่เหมือนกับคนอื่น เขาอาจจะตายจากสิ่งนี้ได้
เจี่ยนอีหลิงซึ่งนั่งนิ่งอยู่ในรถ ทันใดนั้นก็พุ่งไปที่ประตู
ผู้หญิงสองคนที่เฝ้าดูเธออยู่ผลักเธอกลับเข้าไปยังที่นั่งในทันที
จากนั้นผู้หญิงคนหนึ่งก็ถึงกับจับมือของเจี่ยนอีหลิงไพล่ไว้ที่ด้านหลังของเธอ
การกระทําของผู้หญิงสองคนค่อนข้างหยาบ ร่างกายที่บอบบางและเปราะบางของเจี่ยนอีหลีงนั้นถูกทั้งสองคนโยนไปโยนมา
“ปล่อยเธอไป” จ๋ายหวินเซิ่งขึ้นเสียงทันที
หลังจากขึ้นเสียง เขาก็หายใจเข้าอย่างแรง มีความเจ็บปวดที่รุนแรงยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมในหัวใจเขา
แพทย์ของจ๋ายหวินเซิ่งได้เตือนเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่สามารถวิตกกังวลเกินไป ตื่นเต้นเกินไป หรือโกรธมากเกินไป
อารมณ์ขึ้นๆลงๆนั้นอาจนําไปสู่ปัญหาหัวใจและสถานการณ์ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม
แต่ทว่าจ๋ายหวินเซิ่งไม่เคยสนใจคําแนะนําของแพทย์เลย
ในเมื่อเขาไม่เคยโกรธอะไรมาก่อน
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ เมื่อเขาเห็นว่าเจี่ยนอีหลิงได้รับการปฏิบัติอย่างรุนแรงหยาบช้าเท่าใด ไฟก็ยิ่งลุกไหม้ในหัวใจเขา
แต่ว่าหัวใจของเขานั้นไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้
บอดี้การ์ดของจ๋ายหวินเซิ่งตกใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของจ๋ายหวินเซิ่ง
พวกเขาไม่ตกใจกับพลังและเสียงของเขา ทว่าพวกเขาตกใจและกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสภาพร่างกายเขา
“นายน้อย”
บอดี้การ์ดที่อยู่ใกล้ๆรีบเข้าไปช่วยจ๋ายหวินเซิ่งทันที
“เร็ว พาเขาไปโรงพยาบาล”
ผู้คุ้มกันพากันตระหนักว่าสภาพร่างกายของจ๋ายหวินเซิ่งนั้นไม่ค่อยดีนัก
อันที่จริง อาการของจ๋ายหวินเซิ่งระหว่างทางมาสนามบินก็ไม่ค่อยดี มีหลายครั้งที่เขารู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวในใจ
แต่ทว่าเขาไม่ได้พูดอะไรกับใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ กลับกันเขากลับเดินทางมาที่นี่แทน
“ไปให้พ้น” จ๋ายหวินเซิ่งคําราม เขาบังคับบอดี้การ์ดกลับไปด้วยท่าทางเย็นชา
นี่เป็นผลให้ผู้คุ้มกันเขาไม่กล้าเข้าใกล้ พวกเขาไม่ต้องการก่อกวนและยั่วยุจ๋ายหวินเซิ่งต่อไปอีก
บอดี้การ์ดเขาทําได้เพียงแค่พยายามโน้มน้าวจ๋ายหวินเซิ่ง “นายน้อย ท่านต้องไปโรงพยาบาลทันที เราจะดูแลด้านนี้เอง เราสัญญาว่าจะนําคุณหนูอีหลิงกลับมาอย่างปลอดภัย”
หัวใจนายน้อยของพวกเขาผิดรูปแต่กําเนิด ชีวิตเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ มันอันตรายเกินไปที่จะปล่อยให้ดําเนินต่อไปแบบนี้
จ๋ายหวินเซิ่งเพิกเฉยต่อความคิดเห็นเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง เขามองไปทางเจี่ยนอีหลิงและสั่งคนของเขา
“ลงมือ ไม่ต้องยั้งมือให้ใครทั้งนั้น”
ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนก็ตระหนักถึงขอบเขตของปัญหาเช่นกัน เขาให้ผู้หญิงสองคนดึงเจี่ยนอีหลิงออกจากรถ
จากนั้นเขาก็ใช้เจี่ยนอีหลิงเพื่อข่มขู่จ๋ายหวินเซิ่ง “ถ้าคุณไม่ปล่อยเราไป อย่าโทษว่าเราทําอะไรกับคุณหนูอีหลิง”
“ถ้าแกกล้าแตะต้องเธอ ฉันจะทําให้แกและบอสของแกชดใช้ด้วยชีวิต”
การหายใจของจ๋ายหวินเซิ่งไม่เสถียร ร่างกายเขาอยู่ในสภาพที่ย่ําแย่จริงๆ
ชายวัยกลางคนตกใจกับคําพูดของจ๋ายหวินเซิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอคนที่กล้าขู่บอสเขาแบบนั้น
“นายควรไปพบแพทย์” เจี่ยนอีหลิงพูดเบาๆ แม้ว่าเธอจะถูกมัดมือไว้ข้างหลัง แต่เจี่ยนอีหลีงก็ไม่สนใจสถานการณ์ของตนเอง กลับกันเธอกังวลเกี่ยวกับจ๋ายหวินเซิ่งแทน
แต่ทว่า จ๋ายหวินเซิ่งเพิกเฉยต่อคําพูดของเจี่ยนอีหลิง
“ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ จะมีคนอื่นมาช่วยฉัน” เจี่ยนอีหลิงซ้ําแล้วซ้ําเล่า
แต่ว่คําพูดของเจี่ยนอีหลิงไม่สามารถทําให้จ๋ายหวินเซิ่งเปลี่ยนใจได้
จ๋ายหวินเซิ่งมองไปที่เจี่ยนอีหลิงก่อนจะหัวเราะ “ในเมื่อฉันอยู่ที่นี่ในวันนี้ ฉันจะไม่จากไปจนกว่าฉันจะพาเธอไปด้วยได้”
บทที่ 446 นายท่านเพิ่งเข้าช่วยเหลือ 4
เจี่ยนอีหลิงจ้องไปที่ชายตรงหน้าเธอ เขามีสีหน้าเจ็บปวด แต่เขาก็ยังคงยิ้ม ดูเหมือนว่าเขากําลังวางแผนที่จะเล่นมุกตลกได้ทุกเมื่อ
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ ที่มีคนตั้งใจจะช่วยเธอโดยไม่คํานึงถึงสิ่งที่เธอสามารถทําได้ หรือสิ่งที่เธอจะมอบให้พวกเขาได้ ที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้สนใจแม้กระทั่งสุขภาพร่างกายของตัวเองด้วยซ้ําไป
เจี่ยนอีหลิงไม่เข้าใจว่าทําไมเขาถึงทําแบบนี้ แต่ทว่านั่นก็ทําให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเธอ
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นสถานการณ์นี้ เขาก็รู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็ไม่อนุญาตให้เขาถอยกลับได้
นอกจากนี้เขาไม่เชื่อว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาจะคุกคามบอสเขาได้ ชายหนุ่มดูเหมือนจะไม่ค่อยแข็งแรงนัก คนแบบนี้จะสามารถทําอะไรได้? คนแบบนี้จะคุกคามบอสของพวกเขาได้อย่างไร?
“ไม่ต้องพูดมาก คุณหนูอีทถึงอยู่ในมือเราแล้ว ถ้าคุณไม่ปล่อยพวกเราไป พวกเราจะไม่มีใครไปจากที่นี่ในวันนี้โดยไม่มีรอยขีดข่วน
เขาตั้งใจจะต่อสู้กับจ๋ายหวินเซิ่งให้ถึงที่สุด เขามีตัวประกันอยู่ในมือ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีคนมากกว่า พวกนั้นก็ยังไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวจัดการกับพวกเขา
ในขณะนั้นเอง โทรศัพท์ของชายวัยกลางคนก็ดังขึ้น
เขาเห็นว่าเป็นวิดีโอคอลจากบอสของเขา
ชายวัยกลางคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
“ปล่อยเธอไป คืนเธอให้กับผู้ชายตรงหน้าแก”
ทันทีที่รับสาย หญิงชราก็ออกคําสั่งชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนงงงวยที่ได้รับคําสั่งเช่นนี้ “แต่บอส. แม้ว่าเราจะปล่อยเธอไปในตอนนี้ พวกเขาอาจไม่ปล่อยเราไป…”
“ฉันบอกให้ปล่อยเธอไป” หญิงชราขึ้นเสียง “ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้เลย”
ชายวัยกลางคนประหลาดใจที่เห็นบอสเขาเป็นแบบนี้ เธอไม่เคยมีท่าทางแบบนี้
“แต่บอส. เรื่องนี้ ผม…. ผมไม่เข้าใจ…”
“ไม่มีอะไรที่แกต้องเข้าใจ แกไม่สามารถไปยุ่งกับคนพวกนี้ได้ แกมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ถ้าแกปล่อยเธอไปตอนนี้
หญิงชราสูญเสียความมั่นใจและความเยือกเย็นจากเมื่อก่อน
จากนั้นชายวัยกลางคนก็ได้ยินเสียงทุ่มของชายคนหนึ่ง
“เร็วเข้า ฉันไม่ค่อยมีความอดทนมากนัก”
เสียงของชายผู้นั้นไม่ได้ฟังดูโกรธหรือน่ากลัว
แม้ว่าตัวผู้ชายจะไม่สามารถมองเห็นได้โดยตรงจากในวิดีโอ แต่ก็สามารถเห็นได้จากใบหน้าของหญิงชราว่า การปรากฏตัวของชายคนนั้นนั้นน่ากลัวเหลือเกิน
ทันใดนั้น ชายวัยกลางคนก็เข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับบอสของเขา
บางคนได้ตรงไปที่บอสของพวกเขา ตามความเป็นจริงแล้ว พวกเขาถึงกับข่มขู่บอสของพวกเขาด้วยซ้ําไป
เท่าที่เขาจําได้ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทําให้บอสตื่นตระหนกแบบนั้นได้
เมื่อชายวัยกลางคนมองไปที่จ๋ายหวินเซิ่งอีกครั้ง สายตาและท่าทางเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รีบขอให้ลูกน้องปล่อยเจี่ยนอีหลิงไป
ผู้หญิงสองคนที่ยึดเจี่ยนอีหลิงไว้ได้คลายการจับกุม
บอดี้การ์ดที่อยู่รอบตัวพวกเขาก็ลงมือในทันที
ทันทีที่เธอถูกปล่อยตัว เจี่ยนอีหลิงก็รีบวิ่งไปทางจ๋ายหวินเซิ่ง
จ๋ายหวินเซิ่งก็พยายามวิ่งไปตรงหน้าเช่นกัน
แต่ทว่า หลังจากไปได้เพียงสองก้าว เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกาย ดังนั้นเขาจึงหยุดและรอให้เจี่ยนอีหลิงมาหา
เจี่ยนอีหลิงวิ่งไปที่จ๋ายหวินเซิ่ง เธอมองไปที่อีกฝ่ายอย่างไม่กะพริบตา
จ๋ายหวินเซิ่งยื่นมือออกมา แต่ทว่าเขาก็หยุดไว้เพียงครึ่งทาง
จากนั้นจ๋ายหวินเซิ่งก็พูดกับบอดี้การ์ดของเขาว่า “ตบพวกมัน”
โรงงานที่ว่างเปล่าก็พลันเต็มไปด้วยการ “ตบ” เป็นชุด
คนแล้วคนเล่า
จากนั้นจ๋ายหวินเซิ่งก็มองย้อนกลับไปที่เจี่ยนอีหลิง และเขาก็กําลังจะพูด
แต่ทว่า ความรู้สึกไม่สบายอย่างรุนแรงก็เข้ามากระทบเขา
หลังจากนั้นเขาก็จมดิ่งสู่ความมืดมิด
ร่างกายของจ๋ายหวินเซิ่งเริ่มล้มลง
เจี่ยนอีหลิงกางแขนทั้งสองขึ้นโดยสัญชาตญาณเพื่อพยายามรับร่างที่ล้มลงมาของจ๋ายหวินเซิ่ง
ในขณะนั้น เธอลืมไปว่าเธอไม่สามารถรับร่างกายของจ๋ายหวินเซิ่งด้วยกําลังของตัวเองได้
โชคดีที่จ๋ายหวินเซิ่งถูกล้อมรอบไปด้วยบอดี้การ์ดที่เฉลียวฉลาด
ขณะที่แขนของเจี่ยนอีหลิงโอบไปรอบเอวของจ๋ายหวินเซิ่ง บอดี้การ์ดของเขาก็ได้พยุงเขาขึ้นมาแล้ว