เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 455-456
บทที่ 455 พบกันอีกครั้ง 1
เดิมที่จํายหวินเชิงไม่ต้องการมาที่งานเลี้ยงของตระกูลฉิน
แต่ทว่าขณะที่เขากําลังจะจากไป เขาก็พลันเสียสมาธิไปชั่วขณะ
ในใจของเขามีเด็กหญิงตัวเล็กๆที่เต้นลีลาสอยู่อย่างเงอะงะ
นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้เต้นลีลาส
ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น นั่นก็อยู่ในงานเลี้ยงตระกูลฉินเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง จํายหวินเพิ่งจึงมาจบลงที่งานเลี้ยงตระกูลฉินอีกครั้ง ราวกับว่าปีศาจและเทพเจ้าพากันมาดลใจ
ทันทีที่จํายหวินเพิ่งปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน เขาก็ดึงดูดความสนใจของคนส่วนใหญ่ในห้องจัดเลี้ยง
แต่ว่าเขาไม่ได้พูดอะไรกับใคร แต่เขากลับหามุมหนึ่งและนั่งลงบนโซฟาแทน
มีบอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งสองคนยืนอยู่ข้างเขา พวกเขาสง่าและน่ากลัวเหลือเกิน การปรากฏตัวของบอดี้การ์ดได้ยับยั้งคนจํานวนมากที่ต้องการเข้าไปคุยกับนายท่านเชิง
สามปีที่แล้วจํายหวินเชิงเกือบจะประสบเหตุ สิ่งนี้ทําให้ตระกูลจํายกังวลเกี่ยวกับสุขภาพเขามากยิ่งขึ้น
ทุกวันนี้จํายหวินเชิงยังสามารถทําทุกอย่างที่เขาต้องการได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องมีบอดี้ การ์ดที่มีความรู้ทางการแพทย์ติดตัวเขาไปด้วยทุกที่ที่เขาไป
จํายหวินเชิงไม่ได้ต่อต้านการจัดการนี้อย่างที่เคยเป็นมา เขากลับยอมรับมันอย่างง่ายดาย
เขากังวลเกี่ยวกับชีวิตของตนเองมากกว่าเมื่อก่อน
เขาไม่รู้ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน แต่ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะรักษาชีวิตเขาให้ดี
ดวงตาของจ่ายหวินเชิงหลับลงครึ่งหนึ่ง ในมือขวาเขาเขาถือแก้ววิสกี้ที่เต็มไปด้วยนมถั่วเหลือ
เนื้อหาของงานเลี้ยงไม่ได้สร้างความสนใจให้กับเขา
เขาไม่สนใจคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นกัน
ที่งานเลี้ยง โม่ชื่ออริ้นก็เห็นจํายหวินเจ๋งด้วยเช่นกัน
เมื่อสามปีที่แล้วที่เมืองเหิงหยวน เธอเคยได้ยินชื่อนายท่านเชิงจากปากคนอื่นแล้ว
ในเวลานั้น เธอรู้ว่านายท่านเพิ่งเป็นที่นับถือของทุกคน อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้ว่าเขามีพลังอํานาจในมือมากแค่ไหน
แต่ทว่าหลังจากที่เธอมาที่เป่ยจิง เธอก็ได้ตระหนักถึงพลังที่อยู่ในมือของตระกูลจําย
แม้ว่าเธอจะอยู่ในจุดสูงสุดของความนิยม แต่คนที่เธอสามารถติดต่อได้ก็เป็นเพียงแค่คน ดังธรรมดา เธอยังคงห่างไกลจากตระกูลจํายในเปยจิงมาก
เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลจํายแล้ว ตระกูลเจี้ยนในเมืองเหิงหยวนก็ไม่ได้มีความหมายอะไร
เมื่อสายตาของโม่ชื่ออริ้นถอนออกมาจากร่างของจํายหวินเชิง เธอก็หันหน้าไปมองที่อื่นทันใดนั้นเธอก็เห็นใครบางคนที่เธอคุ้นเคยมาก
เวี่ยนอีหลิง
ทําไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?
แล้วทําไมเธอถึงยืนอยู่กับฉันชวน
โม่ชื่ออนเห็นเงี่ยนอีหลิงเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงพร้อมกับฉินชวน
เธอเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้าของฉันชวน ดูเหมือนเขาจะพูดอะไรกับเธอ
ฉันชวนพูดอะไรบางอย่างกับเจ้าหน้าที่ในห้องจัดเลี้ยง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาเงี่ยนอีหลิงและหยูซีไปที่มุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง
ดวงตาของโมชื่ออขึ้นมืดหม่นลง หัวใจเธอรู้สึกราวกับว่ามีกรงเล็บแมวกําลังลับเล็บของมันอยู่
เธอรู้ว่าฉันชวนในตอนนี้เป็นที่เคารพนับถือในสังคม เธอรู้ว่ามีระยะห่างระหว่างเธอกับเขา
ดังนั้น เธอจึงยินดีที่จะยอมรับว่าเธอทําได้เพียงจ้องมองเขาจากระยะไกลเท่านั้น
แต่ทว่าการที่เจียนอีหลิงปรากฏตัวข้างฉินชวน ความเยือกเย็นภายในใจเธอก็ได้ถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์ เธอได้แต่มองดูอีกฝ่ายหัวเราะและพูดคุยกับฉินชวนอย่างสนิทสนม
ฉันชวนต้องการอยู่เป็นเพื่อนร่วมกับเจี้ยนอีหลิง แต่ว่าเนื่องจากเขาเป็นดาวเด่นของ งานเลี้ยงวันนี้แน่นอนว่ามีหลายคนที่มาหาเขาเพื่อพูดคุย ถ้าเขาอยู่กับเจี้ยนอีหลิงตลอดเวลา นั่นจะเป็นการรบกวนเธอ
ด้วยเหตุนี้ฉันชวนจึงสั่งพนักงานให้ย้ายที่นั่งของเขาแยกจากที่เงี่ยนอีหลิงนั่งอยู่ เขาไม่อยากให้ใครมารบกวนเธออีก
ฉันชวนจัดให้เจี้ยนอีหลิงนั่งที่ส่วนตะวันตกสุดของห้องจัดเลี้ยง
จ่ายหวินเชิงกําลังนั่งอยู่ที่มุมตะวันออกสุดของห้องจัดเลี้ยง
ทั้งสองถูกแยกออกจากกันโดยห้องจัดเลี้ยง
ไฟคริสตัลในห้องจัดเลี้ยงสว่างไสวมากเหลือเกิน ต่อให้มองจากระยะไกลขนาดนั้น ตราบใดที่สายตายังดีพอ พวกเขาก็ยังสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่อีกด้านของห้องโถงได้
ดวงตาของจํายหวินเพิ่งซึ่งเคยหรี่ลงครึ่งหนึ่งก่อนหน้านี้ ตอนนี้เบิกกว้างเต็มที่แล้ว
เขามองตรงไปข้ามห้องโถงไปยังร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา
นั่นเป็นบุคคลที่เขาคุ้นเคย
บทที่ 456 พบกันอีกครั้ง 2
เจี้ยนอีหลิง
เธอมาที่เป่ยจิงแล้ว
เธอผิดสัญญากับเขา
นั่นเป็นเวลาสามปี พันกว่าทิวาราตรี
เขาเลือกที่จะปล่อยเธอไป เลือกที่จะอยู่แต่ในเป่ยจิงและไม่ถามถึงเธออีกต่อไป
แต่ทว่า เธอกลับปรากฏตัวที่งานเลี้ยงตระกูลฉิน เธอไม่ได้ปกปิดตัวตนของเธอด้วยเช่นกัน
แต่ทว่าก่อนที่จํายหวินเพิ่งจะฟื้นจากอาการตกตะลึง ฉันชวนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างเงี่ยนอีหลิง
ฉันชวนเดินกลับไปที่เงี่ยนอีหลิง
ครั้งนี้ เขานําของบางอย่างมาให้เจียนอีหลิง
เขาอยู่ได้ไม่นานก่อนที่จะจากไปอีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ตาม เขาพูดกับเธออย่างอ่อนโยนและอดทน นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาทําเมื่อเขาพูดกับคนอื่น
แม้ว่าจะกินเวลาเพียงช่วงสั้นๆ แต่ก็มีคนสองคนที่เฝ้าดูพวกเขาราวกับเหยี่ยว
หนึ่งในนั้นคือโมชื่ออขึ้น เธอไม่เคยละสายตาจากฉินชวนเลยตั้งแต่แรก
เธอรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวและท่าทางของฉันชวน
เมื่อเธอมองดู หัวใจของเธอก็เริ่มรู้สึกราวกับว่ามันขาดอากาศหายใจ เธอไม่สามารถหายใจได้
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เธอคิดว่าตัวเองได้ยอมแพ้แล้ว เธอคิดว่าตัวเธอเองไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับฉินชวนอีกต่อไป
แต่ทว่าเมื่อเธอเห็นฉันชวนคุยกับเจียนอีหลิงอย่างอ่อนโยน ก็ราวกับว่ามดนับพันกําลังแทะหัวใจเธอ
เมื่อจํายหวินเพิ่งเห็นฉากตรงหน้า หัวใจเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บ แต่หน้าอกเขารู้สึกตึงแทน
จากนั้นเขาก็ได้ยินผู้คนคุยกันไม่ไกลจากตัวเขานัก
“ฉันได้ยินมาว่านายน้อยฉินจะเต้นลีลาสกับผู้หญิงที่พิเศษมากในวันนี้”
“ใช่ จริงสิ ตอนที่นายน้อยฉันกําลังคุยกับคนอื่นเมื่อกี้นี้ เขาบอกว่าเขาจะไปเต้นรํากับคนที่สําคัญที่สุดในชีวิตเขา เขาพูดแบบนี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดังนั้นฉันจึงคิดว่าเขาน่าจะเต้นรํากับเธอในการเต้นรําครั้งแรกของวันนี้”
“เดี๋ยวก่อน นั่นหมายความว่านี้ไม่ใช่แค่การกลับมาของนายน้อยของตระกูลฉินใช่ไหม แต่เขาจะนําเอานายหญิงแห่งตระกูลฉินในอนาคตกลับมาด้วยใช่ไหม?”
บอดี้การ์ดของจํายหวินเชิงสังเกตเห็นว่าใบหน้าของนายท่านเชิงมืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด
ในห้องจัดเลี้ยง ดนตรีอันยิ่งใหญ่เริ่มบรรเลง
จํายหวินเชิงลุกขึ้นในทันที ขายาวของเขาก้าวยาวๆ ขณะที่เขาเดินไปยังด้านตรงข้ามของห้องบอลรูม
ทันทีที่เขาขยับตัว ทุกคนก็มองไปที่เขาอย่างแปลกใจ
ผู้คนต่างก็รู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน เกิดอะไรขึ้นกับนายท่านเชิง
เงี่ยนอีหลิงในตอนนี้กําลังฝังใบหน้าของตนเองเข้ากับอาหาร
หยูซีก็จดจ่ออยู่กับการกินอาหารเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกในอากาศ
หยูซีเงยหน้าขึ้นและก็เห็นจ่ายหวินเชิง เขาไม่ได้เห็นจํายหวินเชิงเป็นเวลานานมาแล้ว
“นาย…นายท่านเชิง?”
เหตุใดนายท่านเชิงถึงมาอยู่ที่นี่ด้วย
นายท่านเพิ่งเกลียดการมางานเลี้ยงแบบนี้ไม่ใช่เหรอ
จํานวนครั้งที่นายท่านเพิ่งไปงานปาร์ตี้ในช่วงสามปีที่ผ่านมา สามารถนับได้ด้วยมือเดียว
เมื่อหยูชีพูดขึ้น เงี่ยนอีหลิงก็เงยหน้าขึ้นเช่นเดียวกัน เธอมองไปที่จํายหวินเชิง
สามปีผ่านไป รูปร่างหน้าตาของจํายหวินเซิ่งดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังมีตาหงส์เหมือนเดิม ดวงตาที่ลึกล้ําและลึกลับ ดวงตาที่เจี้ยนอีหลิงไม่สามารถอ่านได้
ริมฝีปากเขาเม้มเป็นเส้นตรงและท่าทางเขาทิ้งตึง
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังคงสวมเสื้อผ้าเหมือนเดิม กระดุมสองเม็ดบนของเสื้อเชิ้ตยังคงปลดกระดุมอยู่
ผิวที่อยู่ใต้เสื้อของเขาก็ยังขาวเหมือนเดิม
เมื่อเจียนอีหลิงมองไปที่อีกฝ่าย เธอก็รู้ว่าเขาจะต้องโกรธ
เธอผิดสัญญากับเขา
ในความเป็นจริง จํายหวินเชิงก็ได้โกรธจริงๆ แต่ทว่าเหตุผลที่ทําให้เขาโกรธนั้นซับซ้อนกว่าความคิดง่ายๆของเจียนอีหลิงมากนัก
มือของจํายหวินเจ๋งกําเป็นหมัดแน่นอยู่ในกางเกงสูทของเขา จนเขารู้สึกว่าข้อนิ้วลั่น
ทั้งสองจ้องมองตากัน พวกเขาไม่ได้พูดเป็นเวลานาน
หยูซึมองไปที่ทั้งสองคน เขารู้สึกว่าบรรยากาศไม่ถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงรีบพูดออกมาเพื่อพยายามทําลายบรรยากาศที่เยือกแข็งนี้
“นายท่านเชิง ท่านไม่ได้เห็นเทพหลิงมานานแล้วใช่ไหม ช่างบังเอิญจริงๆ… ทําไมไม่มานั่งกินข้าวด้วยกันล่ะ”
ในตอนท้ายของประโยค เสียงของหยูก็เริ่มขาดหายไป
บรรยากาศยิ่งแย่ลง รู้สึกเหมือนกับว่านายท่านเชิงสามารถจะโกรธได้ทุกเมื่อ