เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 567-568
บทที่ 567 เป็นเพื่อนกระต่ายน้อยไปเยี่ยมย่าเจียน
ในตอนบ่ายเจียนอีหลิงไปโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อไปเยี่ยมย่าเจี่ยน
ครั้งนี้จ๋ายหวินเชิงมากับเธอด้วย
ในวอร์ด ปูเจี้ยน เจี่ยนหยุ่นเฉิง เงินน่วน และเนี่ยจวิน มาอยู่เป็นเพื่อนกับย่าเจียน
ทันทีที่พวกเขาเห็นจ๋ายหวินเชิง นอกจากเนี่ยจวินแล้ว คนอื่นต่างก็แสดงสีหน้าไม่ค่อยสบายใจเป็นพิเศษ
แต่ยังไงก็ตาม นี่ไม่ใช่เพราะทุกคนมีความคิดเห็นแย่ๆกับจ๋ายหวินเชิง แต่เป็นเพราะทุกคนนึกถึงสิ่งที่ท่านผู้เฒ่าจ๋ายพูดเมื่อตอนที่เขามาครั้งล่าสุด
พวกเขาพบว่าคำพูดของเขานั้นยากที่จะเชื่อ ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็กังวลและหวาดหวั่น
พวกเขารู้สึกว่าจ๋ายหวินเชิงกำลังจะขโมยเจี่ยนอีหลิงไปจากพวกเขา
ย่าเจียน ปูเจียน และผู้ปกครองเจียนอีหลิงไม่ทราบว่าเจียนอีหลิงอาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกันกับจ๋ายหวินเชิง
หากพวกเขารู้เรื่องนี้ พวกเขาคงจะโกรธมาก
ย่าเจี่ยนเรียกหาเจียนอีหลิง เธอจับมือนุ่มๆของเจียนอีหลิงและพูดว่า “หลานรัก ย่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลเร็วๆนี้แล้ว หมอบอกว่าอาการของย่าดีมาก จากนี้ไปย่าก็จะหายขาด”
ทันทีที่เธอเห็นเจี้ยนอีหลิง ย่าเจี่ยนก็ต้องการบอกข่าวนี้กับเธอ
เธออยากให้หลานรักของเธอสบายใจ
“อื้อ” เจี่ยนอีหลิงตอบเบาๆ
แต่ทว่า ในความเป็นจริง เจี้ยนอีหลิงรู้เรื่องนี้มาก่อนย่าเจี่ยน
นี่เป็นครั้งแรกที่เนี่ยจวินเห็นจ๋ายหวินเชิง เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เนื่องจากไม่มีภาพถ่ายของจ๋ายหวินเพิ่งบนอินเทอร์เน็ต จึงไม่มีใครจำจ๋ายหวินเพิ่งได้จริงๆ
เนี่ยจวินมองไปที่จ๋ายหวินเชิง จากนั้นเธอก็มองไปที่หลานสาวแสนวิเศษของเธอ
หลังจากมองดูพวกเขาสักพักแล้ว เนี่ยจวินก็ยิ้มและพูดว่า “อีหลิง เธอหน้าด้านมาก พี่น้องของเธอยังโสด แต่เธอถึงกับพาแฟนมาพบกับย่าแล้วเหรอ? เธอเก่งกว่าพี่น้องของเธอจริงๆ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คนอื่นๆในตระกูลเจี้ยนก็มองไปที่เนี่ยจวินอย่างมีความหมาย ในเมื่อคนที่เหลือต่างก็รู้ตัวตนของจ๋ายหวินเชิง
จ๋ายหวินเชิงยิ้มและทักทายอาสะไภ้สามของตระกูลเจียน “สวัสดีครับ ยินดีที่ได้พบกันครั้งแรกครับ”
ดูเหมือนว่าจ๋ายหวินเพิ่งจะยอมรับเนี่ยจวินคำ
ถึงกระนั้น ย่าเจี่ยนก็ยังอธิบายสถานการณ์ให้เนี่ยจวินฟัง เธอไม่รีบร้อนในการพูดจา “เนี่ยจวิน นี่คือนายท่านเชิง เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมของอีหลิงระหว่างการแข่งขัน Zerg Invasion เขาไม่ใช่แฟนเธอ อีหลิงยังเด็กอยู่”
ย่าเจี่ยนได้พูดคุยเรื่องนี้กับปูเจี้ยนแล้ว พวกเขาเชื่อว่าอีหลิงควรโตขึ้นอีกนิดก่อนที่จะออกเดท
นอกจากนี้ ถ้าอีหลิงจะเดทกับใครสักคน จะเป็นการดีที่สุดสำหรับเธอที่จะเดทกับหยูซี
เมื่อได้ยินคำว่า นายท่านเชิง” เนี่ยจวินก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าท่านผู้เฒ่าจ๋ายมาเยี่ยมเมื่อสองวันก่อน เธอก็คงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่คือ เจ้าเด็กตัวเหม็น” ที่ท่านผู้เฒ่าจ๋ายพูดถึงใช่หรือไม่
เขาดูค่อนข้างน่าสนใจ อันที่จริงเขาดูดีมีระดับอีกด้วย
จากมุมมองนี้ เขาค่อนข้างเข้ากันได้ดีกับอีหลิงทีเดียว
แต่ยังไงก็ตาม หลานสาวของเธอก็ต้องดีกว่า
จ๋ายหวินเฉิ่งก้มหน้ามองเจียนอีหลิง เมื่อเขาเห็นว่าเจียนอีหลิงไม่ได้แสดงท่าที่เรื่องการยังเด็กเกินไปที่จะออกเดท เขาก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเธอเห็นด้วยกับปู่ย่าของเธอ
เจียนหยุ่นเฉิงเรียกจ๋ายหวินเพิ่งไปพูดคุยนอกวอร์ด พวกเขายืนอยู่ใกล้บันไดระหว่างที่พูด
“นายท่านเชิง คุณไม่ควรขอให้น้องสาวของผมเข้าไปอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณ”
เจียนหยุ่นเฉิงรู้ว่าตอนนี้เจี้ยนอีหลิงอาศัยอยู่กับจ๋ายหวินเชิง แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่ได้บอกคนอื่นในตระกูล
“นายเป็นใครถึงมาบอกฉันเรื่องนี้” จ๋ายหวินเชิงถามขณะเอามือล้วงกระเป๋า มีท่าทางขี้เล่นปรากฏบนใบหน้า
บทที่ 568 อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้
จ๋ายหวินเชิงเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เจี่ยนอีหลิงกำลังเผชิญกับการล่วงละเมิดทางอารมณ์ในโรงเรียนมัธยมปลายเชิงหัว แต่ถึงกระนั้น เจี่ยนหยุ่นเฉิงในฐานะบุคคลที่มีความสามารถในการช่วยเหลือเธอ กลับไม่ปรากฏตัวขึ้นเลย
นี่คือสิ่งที่จ๋ายหวินเพิ่งยังจำได้
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็ตอบด้วยเสียงที่เก็บอารมณ์และสำรวมว่า “ผมเป็นพี่ชายใหญ่ของเธอถ้ามีใครวางแผนคิดจะเอารัดเอาเปรียบเธอ ผมจะไม่นิ่งดูดายอยู่ข้างสนาม”
ในความคิดของเจี่ยนหยุ่นเฉิง ดูเหมือนว่าจ๋ายหวินเพิ่งได้หลอกลวงเจี้ยนอีหลิง นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ว่าทำไมพวกเขาสองคนจึงอาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน
แต่ยังไงก็ตาม เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็รู้ว่าจ๋ายหวินเพิ่งจะไม่เอารัดเอาเปรียบเจี่ยนอีหลิง
แต่ไม่ว่ายังไง การเช่าร่วม” ก็เป็นอีกขั้นที่มากเกินไปแล้ว
“อืม นายควรรู้ว่านายไม่สามารถทำอะไรฉันได้”
นี่คือเปยจิง และนอกจากนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ในเมืองเหิงหยวน เจี่ยนหยุ่นเฉิงก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้อยู่ดี
ไม่เช่นนั้น ด้วยอารมณ์ของเจี่ยนหยุ่นเฉิง อีกฝ่ายจะไม่ยืนอยู่ที่นี่เพื่อคุยกับเขา
ดวงตาเจี้ยนหยุ่นเฉิงมืดหม่นลง มีท่าทางดุร้ายปรากฏบนใบหน้า กล้ามเนื้อบนใบหน้าเขาถึงตึงเช่นเดียวกัน
จ๋ายหวินเชิงอายุน้อยกว่าเขาเก้าปี แต่ยังไงก็ตามเขาก็ได้เพียงแต่พูด และไม่สามารถที่จะทำอะไรอีกฝ่ายได้ เขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบ
จ๋ายหวินเชิงพูดกับเจี้ยนหยุ่นเฉิงต่อไปอีกว่า “นายเพียงต้องเข้าใจในสิ่งหนึ่ง ที่ว่าฉันย่อมไม่ปฏิบัติต่อเจียนอีหลิงแย่ไปกว่าพวกนาย ดังนั้นนายจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดอะไร นายไม่มีสิทธิ์บอกให้ฉันอยู่ห่างจากเธอ นายเข้าใจไหม?”
เจี่ยนหยุ่นเฉิงไม่สามารถหักล้างประเด็นนี้ได้
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าที่เอาจริงเอาจังและเคร่งเครียดของเจี่ยนหยุ่นเฉิง
เขาสูญเสียน้องสาวไปแล้ว
เขาสูญเสียสิทธิที่จะปกป้องเธอ
“นอกจากนี้ ในเรื่องที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันไม่คิดว่านายควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอีหลิง และฉันต่างก็เป็นผู้ใหญ่ เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่”
ท่าทายของจ๋ายหวินเจิ่งนั้นเย่อหยิ่งขณะที่กล่าวแบบนี้ ราวกับว่าเขาไม่เห็นประโยชน์ที่จะพูดคุยกับเจี้ยนหยุ่นเฉิง
หลังจากที่เขาพูดจบ จ๋ายหวินเซิ่งก็หันกลับไปและเดินไปทางวอร์ด
“จ๋ายหวินเซิ่ง” เจี่ยนหยุ่นเฉิงร้องเรียก
“ถ้าวันหนึ่ง ผมรู้ว่าคุณกำลังกลั่นแกล้งและทำร้ายอีหลิง ทุกคนในตระกูลเจียนจะไม่ ปล่อยคุณไปไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นนายน้อยของตระกูลจ๋าย”
จ๋ายหวินเชิงยิ้มหลังจากได้ยินแบบนี้ ดวงตาเขาดูเหมือนกับจะเยาะเย้ยเจี่ยนหยุ่นเฉิง แต่ยังไงก็ตาม เขาไม่ได้เย้ยหยันเจี้ยนหยุ่นเฉิงอีกต่อไป
แต่เขากลับไปที่วอร์ด
ในวอร์ด เจี่ยนอีหลิงยังคงนั่งอยู่กับผู้หญิงอีกสามคน ผู้หญิงสามคนนั้นพูดมาก เจียนอีหลิงได้แต่นั่งฟังพวกเธออยู่เท่านั้น
จ๋ายหวินเชิงพิงกรอบประตู เขาตัดสินใจที่จะไม่รบกวนพวกเธอ
กลับกัน เขาจ้องไปที่เด็กสาวตัวเล็กๆ แต่ยังไงก็ตามในครั้งนี้ นอกเหนือไปจากความชั่วร้ายในสายตาของเขาแล้ว ก็ยังมีแววของการเอาอกเอาใจปรากฏอยู่ด้วย
ในห้องเรียนของมหาวิทยาลัยการเงินและธุรกิจเปยจิง
คลาสของอันหยางเพิ่งสิ้นสุด เขาเพิ่งออกมาจากห้องเรียน
เพื่อนร่วมห้องของอันหยางร้องออกมาเมื่อเห็นหูเจียวเจียว พวกเขาเริ่มหยอกล้อเขาอีกครั้งแล้ว
นับตั้งแต่อันหยางมือเจ็บ ก็มีภรรยามาปรากฏตัวเคียงข้างเขา ผู้หญิงคนนี้เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยปีแรก
อันหยางเรียกเธอว่า “พริก” เสมอ ดังนั้นเมื่อพวกเขากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในหอพักตอนกลางคืน พวกเขาก็จะใส่พริกลงไป เมื่อพวกเขาทำแบบนี้ พวกเขาก็จะไม่ลืมที่จะตะโกนว่า “พริก” ไปที่อันหยาง
วันนี้หูเจียวเจียวมาเยี่ยมอีกครั้ง เธอนำอาหารมาให้อันหยาง
ทันทีที่อันหยางเห็นหูเจียวเจียว สีหน้าของเขาก็แปลกไป ดวงตาเขาเริ่มหลบเลี่ยงเธอ
เมื่อหูเจียวเจียวมายืนอยู่ตรงหน้า เขาก็เหลือบมองไปที่อาหารที่เธอถืออยู่ แล้วเขาก็รีบเบือนหน้าหนี เขาไม่ได้มองไปที่เธอโดยตรง
“ฉันบอกเธอแล้วว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ฉันจะขอเพื่อนร่วมห้องให้ไปเอาอาหารมาให้แทน”
แต่ทว่า เพื่อนร่วมห้องของอันหยางก็รู้ทันกัน
“พริก ต้องขอฝากพี่หยางไว้กับเธอแล้ว”
“ใช่ พวกเราที่เหลือจะไปโรงอาหาร เราต้องทิ้งพี่หยางไว้ให้เธอแล้ว”
จากนั้น เพื่อนร่วมห้องของอันหยางก็จากไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาปล่อยทิ้งอันหยางไว้ในการดูแลของหูเจียวเจียว ในตอนนี้ มือของอันหยางยังอยู่ในเผือก