เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 573-574
บทที่ 573 ความอิจฉาของทั้งสองฝ่าย 4
จ๋ายหวินเฉิ่งก้มหน้าจ้องมองไปที่เจี่ยนอีหลิง
เจี่ยนอีหลิงมีสีหน้าจริงจังมาก เธอปล่อยมือเขา แต่ทว่าอีกมือก็ยังคงจับที่แขนเขา
แม้ว่ามือของเจี่ยนอีหลิงจะดูเล็กและนุ่มนวล แต่เธอก็มีพลังค่อนข้างมาก
เธอจับแขนของจ๋ายหวินเชิงไว้แน่น ราวกับเป็นกังวลว่าจ๋ายหวินเชิงจะวิ่งหนีไปจากเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน สุดท้ายจ๋ายหวินเชิงก็ตอบสนอง เขาเริ่มหัวเราะ
เขาพยายามใช้มือปิดรอยยิ้ม แต่ทว่า นั่นทําให้รอยยิ้มชัดเจนยิ่งขึ้น
รอยยิ้มเขาเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เจี่ยนอีหลิงค่อนข้างสับสน เธอเงยหน้าขึ้นมองจ๋ายหวินเชิง
ฉินหยูฝานและฉันชวนก็จ้องมองไปที่จ๋ายหวินเชิง
หลังจากหัวเราะอยู่พักหนึ่ง จ๋ายหวินเชิงก็พูดกับเจี่ยนอีหลิงว่า “ไปกันเถอะ”
จ๋ายหวินเชิงทําท่าทางให้เจี่ยนอีหลิงไปกับเขา
แต่ทว่าเจี่ยนอีหลิงไม่เข้าใจคําพูดของจ๋ายหวินเชิง
อา… แน่นอนว่าสมองเธอทํางานได้ไม่ดีนักเมื่อพูดถึงเรื่องพวกนี้
จ๋ายหวินเชิงมองดูใบหน้าที่สับสนของเธอก่อนจะพูดว่า “คือ เธอไม่ใช่เพื่อนหญิงของฉันเหรอ? เธอไม่มากับฉันเหรอ”
เจี่ยนอีหลิงชะงักอยู่ชั่วขณะ ดูเหมือนว่านั่นจะสมเหตุผล
แต่ยังไงก็ตาม เธอก็ยังคงสงสัยว่าทําไมตัวเธอถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้นเมื่อกี้นี้
แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังคงออกจากห้องนั่งเล่นกับจ๋ายหวินเชิง
ทว่า เมื่อพวกเขาออกจากห้องนั่งเล่น เจี๋ยนอีหลิงก็เริ่มรู้สึกเขินอาย มีคนมากมายอยู่ข้างนอก
ขณะที่เธอพยายามปล่อยจ๋ายหวินเชิง เขาก็ดึงมือเธอ
รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าของจ๋ายหวินเชิง
เขาก้มหน้าลงและกระซิบข้างหูของเจี่ยนอีหลิง “เธอไปไม่ได้ มิสหยุฝานบอกว่าเธอจะเป็นเพื่อนหญิงของฉันในคืนนี้ ในเมื่อเธอไล่เพื่อนหญิงของฉันไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเธอควรชดใช้ความสูญเสียของฉันงั้นเหรอ”
“ฉันเดาว่าคงเป็นเช่นนั้น” เจี่ยนอีหลิงตอบด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา เธอไม่มีความมั่นใจเท่าไหร่ ในขณะที่เธอพูดแบบนี้
อาา ความหุนหันพลันแล่นช่างร้ายกาจนัก
เมื่อได้ยินดังนั้น จ๋ายหวินเชิงก็ยิ้มกว้างขึ้น
จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่คอของเจี่ยนอีหลิง “อย่าซ่อนจี้หยกสิ”
เจี่ยนอีหลิงสวมจี้หยกที่จ๋ายหวินเซิ่งมอบให้
โดยปกติ เจี่ยนอีหลิงจะซ่อนไว้ในเสื้อผ้าของเธอ วันนี้เธอซ่อนจี้หยกใต้ชุดราตรี
เจี่ยนอีหลิงมีเหตุผลที่จะซ่อนจี้เมื่อเธอสวมเสื้อผ้าลําลอง
แต่ทว่าเธอต้องแสดงจี้ในวันนี้
จากนั้นจ๋ายหวินเซิ่งก็ได้ปรับจี้ให้กับเจี่ยนอีหลิง เขาทําให้แน่ใจว่าสามารถเห็นจี้ที่ห้อยคอเธอ
เชือกสีดําและจี้หยกที่เกือบใสช่วยเสริมเครื่องแต่งกายของเจี่ยนอีหลิงในวันนี้
นอกจากนี้ มันดูดีเข้ากับชุดสูทของจ๋ายหวินเชิงเช่นเดียวกัน
ฉินหยุฝานยังคงอยู่ในห้องนั่งเล่น ท่าทางเธอไม่มีความสุขมาก เนื่องจากไม่มีบุคคลภายนอกอยู่ในห้อง ความเจ็บปวดจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ
เธอรู้ว่าเธอแพ้ เธอแพ้อย่างสมบูรณ์
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นจ๋ายหวินเชิงยิ้มแบบนั้น
รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความรักและความสุข รอยยิ้มนั้นมาจากก้นบึงของหัวใจ
มันเป็นสิ่งที่เธอต้องการในอดีต
แต่ทว่า เขามอบทั้งหมดให้กับเจี่ยนอีหลิง
และด้วยเหตุนี้เธอถึงแพ้ แต่เหตุผลที่ทําให้เธอแพ้นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจี่ยนอีหลิง เธอรู้จักเขาดีก่อนที่เขาจะรู้จักกับเจี่ยนอีหลิง แต่ยังไงก็ตาม เธอก็ยังไม่สามารถทําให้เขาชอบเธอได้
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เธอก็ยังอิจฉาเจี่ยนอีหลิง เจี่ยนอีหลิงเท่านั้นที่ได้รับความสนใจและความรักอย่างเต็มที่จากเขา
ถึงกระนั้น มันก็เป็นเพียงความอิจฉาเท่านั้น
ฉินหยุฝานเหลือบมองฉันชวน เธอสังเกตว่าเขากําลังมองไปทางประตู ฉินชวนมีสีหน้ากระวนกระวาย “หืม? นายอารมณ์เสีย? แล้วทําไมไม่ทําอะไร”
“แล้วทําไมเธอถึงไม่ทําอะไร” ฉินชวนย้อนถามด้วยถ้อยคําเดียวกัน
“ฉันได้ลองทุกอย่างแล้ว”
“อืม ฉันไม่ได้ชอบเธอแบบนั้น ฉันแค่เป็นห่วงเธอ” ฉันชวนอธิบาย
“หยุดโกหกตัวเอง จริงใจกับตัวเอง ใครๆก็เห็นว่านายปฏิบัติต่อเธอแตกต่างออกไป” ฉินหยูฝานกล่าว ราวกับว่าเธอสามารถอ่านหัวใจเขาได้
จากนั้นฉันหยุฝานก็ออกไปจากห้องนั่งเล่นเช่นเดียวกัน
หลังจากที่ฉินหยุฝานออกไปแล้ว ฉันชวนก็อยู่ในห้องต่อไปอีกเป็นเวลานาน เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
คําพูดของฉินหยูฝานยังคงก้องอยู่ในหูเขา
บทที่ 574 เธอจะเป็นภรรยาของนายเหรอ?
จ๋ายหวินเชิงพาเจี่ยนอีหลิงกลับมาที่งานเลี้ยงอาหารค่ํา
ในอีกด้านของห้อง ไชิงเยว่และเวินรั่วมองดูทั้งสองคนจากระยะไกล
ตั้งแต่เวลาที่ฉันหยุฝานพาเจี่ยนอีหลิงไปที่ห้องรับรอง ทั้งสองคนให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวใกล้กับบริเวณห้องรับรองอย่างใกล้ชิด
เป็นระยะๆที่ใช่ชิงเยว่และเวินรั่วจะเหลือบมองไปในทิศทางนั้น
จากนั้นพวกเธอก็เห็นจ๋ายหวินเชิงเข้าไปในห้องรับรอง สักพักก็เห็นเจี่ยนอีหลิงออกมาจากห้องนั่งเล่น เจี๋ยนอีหลิงโอบแขนเธอไว้รอบแขนของจ๋ายหวินเชิง
ไช่ชิงเยว่อดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็น “เจี่ยนอีหลิงรู้จักผู้คนมากมายได้ยังไง เธอรู้จักท่านผู้เฒ่าหวินและอาจารย์เหลียง คราวนี้ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักฉันหยุฝานเหมือนกัน”
เธอเพิ่งมาเรียนมหาวิทยาลัยที่เปยจิงเมื่อไม่นานมานี้เองไม่ใช่เหรอ? เธอไปเกี่ยข้องกับจ้าวใหญ่นายโตเหล่านี้ได้ยังไง? เธอได้เส้นสายทั้งหมดนี้มายังไงกัน?
ดูเหมือนว่าเด็กสาวอายุสิบแปดปีคนนี้จะมีกลเม็ดเคล็ดลับซุกซ่อนอยู่ในชายกระโปรงไว้จริงๆ
ขณะที่ผู้เป็นแม่พูด เวินรั่วก็จับตาดูจ๋ายหวินเชิงและเจี่ยนอีหลิง
จ๋ายหวินเชิงนําเจี่ยนอีหลิงไปที่โต๊ะ มีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น เมื่อพวกเขาเห็นจ๋ายหวินเชิงปรากฏตัวออกมาโดยมีเด็กสาวคนหนึ่งจับแขนเขาไว้ ลูกตาของพวกเขาก็เกือบจะหลุดออกจากเบ้าตา
เกิดอะไรขึ้นที่นี่?
วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกงั้นเหรอ?
“อะไรกัน? ฉันมีอาการประสาทหลอนหรือเปล่า? นี่คือนายท่านเชิงใช่ไหม”
“หยิกฉันหน่อย ฉันคิดว่าฉันก็เห็นภาพหลอนเหมือนกัน เด็กสาวคนนั้นกอดแขนของนายท่านเชิงจริงๆเหรอ? ไม่ใช่ว่านายท่านเชิงไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าใกล้เขาอยู่งั้นเหรอ?”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน… ช่วงหนึ่งฉันก็สงสัยว่าเขากับหยูซีเป็น…”
ชายสองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นเป็นเพื่อนกับจ๋ายหวินเชิง พวกเขารู้จักจ๋ายหวินเชิงมาระยะหนึ่งแล้ว
ทั้งสองคนมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีในเปยจิงด้วย แม้ว่าพวกเขาจะชอบเล่นไปทั่ว แต่พวกเขาก็ยึดมั่นในหลักการของตนเอง
ในทางตรงกันข้าม จ๋ายหวินเชิงไม่เคยเล่นกับหญิง
ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นจ๋ายหวินเฉิ่งกับเจี่ยนอีหลิง พวกเขาทั้งสองจึงมีสีหน้าตกใจโดยพร้อมเพรียงกัน
ชายสองคนมองหน้ากัน พวกเขาไม่รู้ว่าจะถามจ๋ายหวินเซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง
ไม่ว่ายังไง เขาก็อยากรู้อยากเห็นเหลือเกินเช่นเดียวกัน
“อืม..นายท่านเชิง… ทําไมนายไม่แนะนําให้เรารู้จักบ้างล่ะ”
“เจี่ยนอีหลิง” นายท่านเชิงแนะนํา เขาให้ชื่อแก่พวกเขาสองคนเท่านั้น แต่ทว่านี่ไม่ใช่ข้อมูลที่พวกเขาหวังว่าจะได้ยิน
หนึ่งในนั้นไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของตนเองได้ “นายท่านเชิง เธอจะเป็นภรรยาในอนาคตของนายเหรอ”
อีกคนจ้องมองไปยังอีกฝ่าย คําถามนี้ไม่ตรงเกินไปหน่อยเหรอ?
แต่ทว่าจ๋ายหวินเชิงเพียงแค่ยิ้มเมื่อได้ยินคําถาม เขาไม่ได้ปฏิเสธคําถาม
แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่ได้บอกว่าใช่เช่นเดียวกัน แม้ว่าเธอจะเป็นกระต่าย แต่เมื่อตอนที่เธอดุ เธอก็น่ากลัวกว่าสิงโต
เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ ทั้งสองก็แข็งที่ออยู่กับที่
จากนั้นพวกเขาก็มองหน้ากัน
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
นายท่านเชิงยิ้ม เขากําลังยิ้มอยู่จริงๆ
เขาหมายความว่ายังไงแบบนั้น?
“ไม่” เจี่ยนอีหลิงตอบ เสียงเธอสุภาพและนุ่มนวล
น่ารักจัง
แม้จะได้ยินอย่างนั้น จ๋ายหวินเชิงก็ไม่ได้พูดอะไร
แต่ทว่าสําหรับผู้ชายสองคน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขาตอนนี้ช่างดูสับสนเกินไป พวกเขาทั้งสองล้วนหลงทางไปโดยสิ้นเชิง
หลังจากมองหน้ากันแล้ว ชายทั้งสองก็ตัดสินใจแนะนําตัวเองกับเจี่ยนอีหลิง
“สวัสดีครับ คุณหนูอีหลิง ผมชื่อซิงเหว่ย ยินดีที่ได้พบ ส่วนเด็กสาวข้างตัวผมชื่อหานหมิงอี้”
หานหมิงอวี้ดูเหมือนเด็กจริงๆ ชุดสูทเขาเป็นตาหมากรุกสี
เจี่ยนอีหลิงพยักหน้า
ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอค่อนข้างไว้ตัว
ดูเหมือนเธอจะเป็นคนขี้อายและเก็บตัว
จากนั้นซิงเหว่ยก็พูดกับจ๋ายหวินเซิ่งว่า “นายท่านเชิง นายไม่ได้ออกไปไหนกับเราเลยในช่วงนี้ หรือว่าเป็นเพราะ…”
จากนั้นซิงเหว่ยก็เลิกคิ้วขึ้น เขารู้ว่าจ๋ายหวินเชิงเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อ
ในตอนแรกซ่งเหว่ยคิดว่าจ๋ายหวินเชิงจะต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน
“อือ” จ๋ายหวินเชิงตอบ
มันเกี่ยวข้องกับเจี่ยนอีหลิงอย่างแน่นอน
เจี่ยนอีหลิงเงยหน้าขึ้นมองจ๋ายหวินเชิง
ออกไปข้างนอกงั้นเหรอ?
ออกไปทําอะไรกัน?